ผู้ผลิตกาแฟในภูมิภาคอเมริกากลางขายกาแฟผ่านระบบการประมูลในระบบอินเตอร์เน็ต

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday August 18, 2010 14:45 —กรมส่งเสริมการส่งออก

กาแฟเป็นสินค้าโภคภัณฑ์พื้นฐานและพืชเศรษฐกิจที่สำคัญสำหรับประเทศกำลังพัฒนาในหลายประเทศ มีการเพาะปลูกกาแฟเพื่อการบริโภคและเพื่อการส่งออกในกว่า 60 ประเทศทั่วโลก กว่าครึ่งหนึ่งของผลผลิตกาแฟของโลกมาจากประเทศบราซิล (22.5 ล้านกระสอบ) โคลัมเบีย (10.5 ล้านกระสอบ) อินโดนีเซีย (6.7 ล้านกระสอบ) และเวียดนาม (5.8 ล้านกระสอบ) ในขณะที่ประเทศเม็กซิโกผลิตได้ประมาณ 5 ล้านกระสอบ และประเทศในกลุ่มอเมริกากลางเป็นผู้ผลิตในอันดับ 10 - 15 ของโลก โดยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ถึงเดือน พฤษภาคม 2553 ผลผลิตกาแฟของโลกมีปริมาณ 124 ล้านกระสอบ (60 กิโลกรัมต่อกระสอบ) ราคาขายเฉลี่ยในสำหรับเดือน มิถุนายน 2553 อยู่ที่ประมาณ 1.55 เหรียญต่อปอนด์

การประมูลซื้อ/ขายกาแฟผ่านระบบอินเตอร์เน็ต การประมูลซื้อ/ขายกาแฟผ่ายอินเตอร์เน็ตได้เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2542 สืบเนื่องมาจากโครงการ Gourmet ที่ได้รับการส่งเสริมโดยองค์กรกาแฟระหว่างประเทศ (ICO) ศูนย์ส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (ITC) และกองทุนสหประชาชาติเพื่อสินค้าโภคภัณฑ์ (UN Common Fund for Commodities) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการส่งเสริมให้ประเทศผู้ผลิตกาแฟสามารถยกระดับราคาขายของกาแฟให้ได้ในระดับราคาที่สูงขึ้น อันจะส่งผลให้เกิดการรวมตัวของผู้ชิมกาแฟ (cuppers) ผู้อบคั่วเมล็ดกาแฟ (roasters) และผู้นำเข้ากาแฟจากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อสร้างมาตรฐานการทดสอบคุณภาพของกาแฟและการเปิดการประมูลซื้อกาแฟจากเกษตรกรผู้ผลิตกาแฟที่มีคุณภาพสูงในประเทศบราซิลโดยตรงเป็นครั้งแรก เป็นพื้นฐานการเกิดองค์กรที่มีชื่อว่า Cup of Excellence ซึ่งได้พัฒนาเวปไซท์ขึ้นในปี 2546 เพื่อเอื้ออำนวยการประมูลซื้อขายกาแฟที่มีคุณภาพโดยตรงจากผู้ผลิต

ปัจจุบันการประมูลซื้อ/ขายกาแฟผ่านระบบอินเตอร์เน็ตที่ Cup of Excellence (COE) เป็นผู้ดำเนินการมีประเทศที่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิก 9 ประเทศอันได้แก่ โบลิเวีย บราซิล โคลัมเบีย คอสตาริกา เอลซาวาดอร์ กัวเตมาลา ฮอนดูรัส นิคารากัว และระวันดา ผู้ที่มีความประสงค์ซื้อกาแฟคุณภาพสามารถแจ้งขอสมัครเป็นสมาชิกการประมูลผ่านเวปไซท์ http://www.cupofexcellence.org/ โดย COE ได้รวบรวมข้อมูลรายละเอียดของผลผลิตกาแฟของประเทศสมาชิกต่าง ๆ ในแต่ละปี โดยมีการจัดระดับคุณภาพโดยคณะกรรมการตัดสินคุณภาพกาแฟของ COE รวมทั้งข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย และจะจัดส่งตัวอย่างเมล็ดกาแฟต่างๆ ที่อยู่ในบัญชีให้ผู้สนใจทำการประมูลการชิม (cupping) ด้วยตัวเองเพื่อตัดสินใจว่ามีความสนใจจะประมูลซื้อกาแฟกลุ่มใด โดย COE จะประกาศวันประมูล และผู้ที่ประมูลราคาซื้อสูงสุดที่จะเป็นผู้ที่สามารถสั่งการนำเข้ากาแฟที่ได้รับชนะการประมูลลงได้ การคัดซื้อกาแฟคุณภาพสูงในระบบดังกล่าวได้ช่วยส่งเสริมให้ผู้ผลิตกาแฟในประเทศกำลังพัฒนามีความสนใจการพัฒนาการผลิตและรักษามาตรฐานคุณภาพของกาแฟที่ผลิต ได้เป็นที่รู้จักในตลาดผู้ซื้อและได้รองรับราคาที่สูงกว่าราคากาแฟที่ซื้อในตลาดโดยทั่วไป และในขณะเดียวกันได้ช่วยให้ผู้ซื้อกาแฟที่เน้นคุณภาพของกาแฟสามารถจัดหากาแฟคุณภาพสูงได้สะดวกยิ่งขึ้น

ในปี 2553 ได้มีการประมูลกาแฟคุณภาพสูงของกลุ่มประเทศอเมริกากลางที่เป็นสมาชิก COE ได้แก่ การประมูลกาแฟผ่านระบบอินเตอร์เน็ตของประเทศกัวเตมาลา เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2533 โดยกาแฟที่ได้ชนะการประมูลได้แก่ กาแฟของไร่ El Ejerto ราคาขายได้ปอนด์ละ 22.10 เหรียญฯ การประมูลของ COE กัวเตมาลาขายกาแฟได้ทั้งหมด 34,980 กิโลกรัม มูลค่ารวม 712,234 เหรียญฯ ซึ่งคำนวณราคาเฉลี่ยได้ 8.92 เหรียญฯ ต่อปอนด์ การประมูลฯของประเทศเอลซาวาดอร์ได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2553 กาแฟที่ได้รับชนะการประมูลได้แก่ กาแฟของไร่ Suiza ขายได้ในราคา 28 เหรียญฯต่อปอนด์ (ประมาณ 18 เท่าของราคาตลาดโลก) ยอดขายในการประมูลสำหรับประเทศเอลซาวาดอร์รวมทั้งหมด 718,838 กิโลกรัม การประมูลซื้อขายกาแฟโดยผ่านระบบอินเตอร์เน็ตของประเทศฮอนดูรัสจัดขึ้นเมื่อวัมที่ 7 กรกฏาคม 2553 ผู้ชนะคือไร่ Don Amado ขายได้ราคา 22.05 เหรียญฯ ต่อปอนด์ การประมูลกาแฟของประเทศนิคารากัวจัดขึ้นเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2553 ผู้ชนะการประมูลได้แก่ไร่ El Esfuerza ขายให้กับกลุ่มผู้ซื้อจากประเทศญี่ปุ่น Maruyama Coffee for Mikatajuku Group ในราคา 35.65 เหรียญฯ ต่อปอนด์

ส่วนประเทศคอสตาริกาได้จัดการประมูลต่างหาก (Subasta Costa Rica - SCARC) โดยสมาคมกาแฟคุณภาพสูงแห่งคอสตาริกา SCACR เมื่อวันที่ 11-19 พฤษภาคม 2553 เนื่องจากขาดงบประมาณสนับสนุนเพื่อเข้าร่วมประมูลในระบบออนไลน์ของ COE ผู้ที่ชนะการประมูลได้แก่ไร่ Las Palomas สามารถขายกาแฟได้ในราคา 281 เหรียญต่อ quintel (46 กิโลกรัม) โดยเจ้าหน้าที่ SCARC ได้กล่าวว่า การประมูลซื้อขายกาแฟผ่านระบบออนไลน์ของ COE ในปี 2552 ได้รับราคาประมูลที่ต่ำทำให้สมาคมฯ ซึ่งเป็นผู้จัดการประมูลขาดทุนในการจัด จึงต้องพยายามหาวิธีการประมูลที่มีต้นทุนต่ำลง จึงได้พัฒนาระบบการประมูลของตนเองขึ้นโดยจะสลับกับการประมูลภายในประเทศกับการประมูลระหว่างประเทศในแต่ละปี

แหล่งข้อมูล:

http://www.coffeeresearch.org/coffee/mexicoca.htm http://www.allbusiness.com/sales/internet-ebay/168694-1.html http://www.ico.org/ http://www.centralamericadata.com/en/article/home/Guatemalan_Coffee_to_be_Auctioned_Online http://www.coffeefair.com/coffee-facts-production.htm http://www.scacr.com/en/who_we_are.php http://www.allbusiness.com/manufacturing/food-manufacturing-food-coffee-tea/203473-1.html http://coffeegeek.com/resources/pressreleases/scaajuly172004 http://www.fao.org/docrep/006/y5143e/y5143e0v.htm#TopOfPage

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงเม็กซิโก

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ