องค์การการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนาได้ตรวจสอบสภาพการลงทุนตรง (Direct Investment) ในประเทศทั่วโลกจำนวน 141 ประเทศ และได้รายงานตัวชี้วัดประสิทธิภาพการลงทุนโดยตรงในอิหร่าน ปรากฏว่าในปี 2006 อิหร่านจัดอยู่ในอันดับ 133 ดีขึ้นจากปี 2005 ในอันดับที่ 135 และในปี 2004 ในอันดับที่ 138 ดังนั้นประสิทธิภาพของการลงทุนโดยตรงในอิหร่านในช่วงสามปีที่ผ่านมามีแนวโน้มดีขึ้นเป็นลำดับ นอกจากนี้องค์กรของการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนายังได้รายงานอีกว่าอิหร่านสามารถยกลำดับฐานะความสามารถของเศรษฐกิจของประเทศขึ้นเป็นลำดับที่ 10-13 เนื่องจากอิหร่านส่วนใหญ่มีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติอยู่เป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ปริมาณการลงทุนรวมโดยตรงทั่วโลกในปี 2005 มีมูลค่า 945 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และเพิ่มมูลค่าเป็น 1.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2006 โดยอิหร่านมีส่วนแบ่งในปี 2006 คิดเป็นมูลค่า 901 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แสดงว่าในปี 2006 มีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในอิหร่านเป็นมูลค่าสูงพอสมควร
ในจำนวน 14 ประเทศของประเทศในตะวันออกกลาง อิหร่านจัดอยู่ในอันดับที่ 9 ของประเทศที่มีนักลงทุนชาวต่างชาติเข้ามาร่วมลงทุน โดยมีมูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศตั้งแต่ปี 1990 ถึงปี 2006 ทั้งสิ้นมีมูลค่า 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ตุรกีเป็นประเทศที่มีนักลงทุนต่างชาติลงทุนสูงที่สุดเป็นมูลค่า 79 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และเยเมนเป็นประเทศที่มีการลงทุนน้อยที่สุด คือ 562 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ตามรายงานในปี 2006 พบว่า มีบริษัทข้ามชาติลงทุนในอิหร่านจำนวน 46 บริษัท และบริษัทในเครือจากต่างประเทศจำนวน 57 บริษัท
ในช่วงปี 2006 บริษัทต่างประเทศลงทุนในอิหร่านแยกออกได้เป็นประเทศในแถบเอเซียจำนวน 106 โครงการเป็นมูลค่า 10.217 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จำนวน 20 โครงการ เป็นมูลค่า 8.417 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และอินเดียจำนวน 19 โครงการเป็นมูลค่า 64.814 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ประเทศจากเอเซียที่เข้ามาลงทุนในอิหร่านได้แก่ จอร์แดน, อาร์เมเนีย, บาห์เรน, อัฟกานิสถาน, ปากีสถาน, ไต้หวัน, สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน, จีน, ญี่ปุ่น, สิงคโปร์, อิรัก, ซาอุดีอาระเบีย, จอร์เจีย, เลบานอน, มาเลเซีย, เกาหลีใต้และคูเวต
ประเทศในทวีปแอฟริกาที่เข้ามาลงทุนในอิหร่านในช่วงปี 1992 จนถึงเดือนเมษายน 2006 ได้แก่ แอฟริกาใต้จำนวน 1 โครงการ ไลบีเรียจำนวน 1 โครงการและมอริเซียจำนวน 2 โครงการคิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1.659 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
นอกจากนี้ยังมี สหรัฐอเมริกาจำนวน 1 โครงการ ปานามาจำนวน 1 โครงการ จาไมการ์จำนวน 1 โครงการ แคนาดาจำนวน 4 โครงการคิดเป็นมูลค่าทั้งหมด 1.40 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ประเทศกลุ่มตะวันตกที่เข้ามาลงทุนในอิหร่านคิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 9.77 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งนอกเหนือจาก 4 ประเทศที่กล่าวมายังมีประเทศอื่นๆ ได้แก่ ออสเตรีย, สเปน, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อิตาลี, ไอร์แลนด์ใต้ , เบลเยียม, บอสเนียและเฮอร์เซโก, , British Virgin Islands, เดนมาร์, โรมาเนีย, สวีเดน, สวิสเซอร์แลนด์, ไซปรัส, ลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์และกรีซ
ปัญหาและอุปสรรคในการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในอิหร่าน ได้แก่ ความอ่อนแอทางเศรษฐกิจ การให้สัมปทานและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ผิดและไม่ถูกต้องกับนักลงทุน ปัญหาการแพร่หลายของสถาบันทางกฎหมายเช่นกฎหมายแรงงานและประกันสังคมและกฎหมายภาษี เป็นต้น
ในปี 2009 มีการลงทุนจากต่างประเทศในอิหร่านมูลค่า 3.016 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นการขยายตัวร้อยละ 86.75 โดยร้อยละ 63 เป็นการลงทุนในส่วนของน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ ร้อยละ 29 ในส่วนของอุตสาหกรรม ที่เหลือร้อยละ 3 ร้อยละ 3 ร้อยละ 1 และร้อยละ 1 เป็นการลงทุนในส่วนของการก่อสร้าง การไฟฟ้าและการประปา ภาคบริการ และการเหมืองแร่ตามลำดับ
รายงานจาก สคร ณ กรุงเตหะราน
ที่มา: http://www.depthai.go.th