กระทรวงเศรษฐกิจแห่งชาติประเทศฮังการี (Hungary’s National Economy Ministry) ได้เปลี่ยนการประเมินค่า GDP ของปี 2553 จากภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวร้อยละ 0.2 ขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 0.6
ภาพรวมของการเติบโตดีกว่าที่คาดหมาย จากข้อมูล GDP และการขยายตัวของตลาดส่งออกที่สูงขึ้น ชี้ให้เห็นว่า ในไตรมาสแรก เศรษฐกิจมีการปรับตัวดีขึ้น และจากข้อมูลทางด้านอุตสาหกรรมและตัวบ่งชี้ความมั่นใจ คาดว่าในไตรมาสที่สอง การเติบโตยังคงต่อเนื่อง การขยายตัวอาจเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 4.5 ทั้งในปี 2553 และ 2554 แต่ในปี 2554 มีความเสี่ยงที่จะลดต่ำลงสูงกว่า
กระทรวงเศรษฐกิจแห่งชาติ สรุปการประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่สอง ในเดือนมิถุนายน เทียบกับไตรมาสแรก ในเดือน มีนาคม 2553 ตามประเด็นต่างๆดังนี้
Domestic Consumption
การบริโภคภายในประเทศปี 2553 คาดว่าจะลดลง จากที่เคยหดตัวร้อยละ 1.5 จะหดตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 1.0 การบริโภคสินค้าในครัวเรือน ยังคงลดลงเล็กน้อยจากร้อยละ 2.6 เป็นร้อยละ 2.5
Capital Formation
เงินทุนสะสมคงที่ภายในประเทศ ลดลงจากร้อยละ 1.3 เป็นร้อยละ 0.8 เนื่องจากการถดถอยอย่างมาก ของภาคการลงทุนปลูกสร้างที่อยู่อาศัยถึงร้อยละ 15 แม้ว่าการลงทุนทางธุรกิจจะสูงขึ้นมากก็ตาม
Export & Import
ทั้งด้านสินค้าและบริการ การส่งออกเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.5 เป็นร้อยละ 9.9 การนำเข้าเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.4 เป็นร้อยละ 8.8
Wage growth
การขยายตัวของค่าจ้างแรงงานลดลงจากร้อยละ 3.0 เป็นร้อยละ 2.2 เห็นได้จากอัตราคนว่างงานที่เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 10.6 เป็นร้อยละ 11.7 คาดว่าอัตราการจ้างงานจะลดลงจากร้อยละ 1.1 เป็นร้อยละ 0.5 ในช่วงหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา ภาคธุรกิจของฮังการีสามารถเพิ่มงานได้ครั้งแรกในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่อัตราเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างช้าๆ จึงส่งผลให้สัดส่วนของคนว่างงานในระยะยาว เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน
Annual inflation
อัตราเงินเฟ้อรายปี เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากร้อยละ 4.3 เป็นร้อยละ 4.7 เนื่องจากค่าเงินโฟรินท์ที่อ่อนตัวลง การปรับขึ้นราคาอาหาร และความกดดันของราคาสินค้านำเข้าที่สูงขึ้น
Current —Account
ดุลบัญชีเดินสะพัด ในช่วงไตรมาสแรกการขาดดุลอยู่ที่ร้อยละ 0.4 ของ GDP แต่ช่วงไตรมาสที่สอง การค้าระหว่างประเทศเกินดุล จึงส่งผลให้เสถียรภาพการเงินภายนอกประเทศสุทธิ อยู่ที่ร้อยละ 1.7 ของ GDP
Deficit / GDP
การขาดดุล ต่อ GDP ยังคงอยู่ที่ร้อยละ 3.8 เงินหมุนเวียนของรัฐบาลยังไม่ดีขึ้นในไตรมาสแรก แต่หนี้ค้างชำระ มีการขาดดุลลดลง เมื่อเปรียบเทียบรายปี อย่างไรก็ตามในไตรมาสที่สอง แม้ว่าค่าใช้จ่ายของทางรัฐบาลจะลดลง แต่ก็ไม่สามารถชดเชยกับรายได้ที่สูญเสีย จากการเรียกเก็บภาษีอากรที่ลดต่ำลงได้ บัญชีการขาดดุลจึงขึ้นสูงถึงร้อยละ 119 ของเป้าหมายทั้งปีในเดือนมิถุนายน แต่ทั้งนี้งบประมาณภาษีที่สูงขึ้น และการลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาล จะสำเร็จตามเป้าหมาย หลังจากดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ 29 ข้อ อย่างเต็มรูปแบบ
การพัฒนาของตลาดเงินในฮังการี ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความเคลื่อนไหวของตลาดรวม อัตราแลกเปลี่ยนเงินโฟรินท์ผันผวนมากขึ้น แม้ว่ารายได้ของรัฐบาลจะขยับสูงขึ้นเล็กน้อย แต่ผลตอบแทนจากการลงทุนยังอยู่ในระดับต่ำ เมื่อเปรียบเทียบในระยะยาว
ที่มา: http://www.depthai.go.th