กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ จัดงานบางกอกเจมส์ แอนด์ จิวเวลรี่ แฟร์ ครั้งที่ 46 (The 46th Bangkok Gems and Jewelry Fair) ระหว่างวันที่ 7-11 กันยายน 2553 นี้ ณ ศูนย์แสดงสินค้า อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยหวังให้ประเทศไทยไปสู่การเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับของโลก คาดว่าในปี 2553 ไทยจะสามารถส่งออกอัญมณีได้เป็นมูลค่าประมาณ 390,000 ล้านบาท หรือ 12,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯโดยในพิธีเปิดได้รับเกียรติจาก นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธี
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่างานบางกอกเจมส์ แอนด์ จิวเวลรี่ แฟร์ ถือเป็นเวทีสำคัญในการส่งเสริมการขาย และการส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับของประเทศไทย เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้แสดงศักยภาพให้ชาวต่างชาติได้รับรู้ และส่งเสริมงานฝีมือที่โดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของคนไทยให้เป็นที่รู้จักในเวทีโลก และผลักดันให้ประเทศไทยได้ก้าวสู่ความเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับของโลก
“ในฐานะตัวแทนจากภาครัฐ ได้สนับสนุนและส่งเสริมการส่งออกอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับมาโดยตลอด โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับในช่วงเดือน มกราคม — กรกฎาคม 2553 มีอัตราการขยายตัวโดยรวมเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ถึงร้อยละ 11.45 โดยประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย ได้แก่ ฮ่องกง สหรัฐอเมริกา สวิตเซอร์แลนด์ เป็นต้น และคาดว่าในปี 2553 ไทยจะสามารถส่งออกอัญมณีได้เป็นมูลค่าประมาณ 390,000 ล้านบาท หรือ 12,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 15” นางพรทิวา กล่าวเพิ่มเติม
ด้านนางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เผยว่า กรมส่งเสริมการส่งออกมีนโยบายและเป้าหมายที่ชัดเจนที่จะสนับสนุนและส่งเสริมให้ธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับไทยให้ก้าวไกลไปสู่สากล การจัดงานบางกอกเจมส์ แอนด์จิวเวลรี่ แฟร์ จึงเป็นกลไกสำคัญที่ทางกรมส่งเสริมการส่งออกที่ใช้เป็นกลยุทธ์ในการสร้างช่องทางการตลาดในการเชื่อมโยงการค้าด้านธุรกิจอัญมณี และเครื่องประดับของไทยไปสู่การค้าในระดับเวทีโลก ซึ่งก่อให้เกิดรายได้เข้าสู่ประเทศอย่างมหาศาล ธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับจัดอยู่ในกลุ่มสินค้าส่งออกสำคัญ 10 อันดับแรกของไทย
“มูลค่าการส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับในช่วงเดือน มกราคม - มิถุนายน 2553 มีอัตราการขยายตัวโดยรวมเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ถึงร้อยละ 13.84 โดยประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย ได้แก่ ฮ่องกง สหรัฐอเมริกา สวิตเซอร์แลนด์ เป็นต้น และคาดว่าในปี 2553 ไทยจะสามารถส่งออกอัญมณีได้เป็นมูลค่าประมาณ 390,000 ล้านบาท หรือ 12,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 15” นางนันทวัลย์ กล่าวเพิ่มเติม
นายสมชาย พรจินดารักษ์ อุปนายกสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ ในฐานะประธานกรรมการบริหารบางกอกเจมส์ แอนด์ จิวเวลรี่ แฟร์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมการผลิตอัญมณีและเครื่องประดับถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศไทย งานนี้นอกจากจะเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่และรายย่อย ได้นำแบรนด์ของตัวเองมาแสดง เพื่อแนะนำผู้ซื้อจากทั่วโลกให้รู้จัก ยังเป็นการแสดงศักยภาพและฝีมือการทำอัญมณีของช่างไทยต่อสายตาชาวโลก
สำหรับการตอบรับจากผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างชาติ มาร่วมจัดแสดงบูธสินค้ากว่า 3,189 คูหาบนพื้นที่จัดแสดงสินค้ากว่า 80,000 ตารางเมตร ตื่นตาตื่นใจกับอัญมณีและเครื่องประดับจากทั่วทุกมุมโลก พร้อมการแสดงและกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย ที่มาแสดงผลงานการออกแบบเครื่องประดับจากบรรดานักออกแบบและผู้ผลิต รวมทั้งแฟชั่นโชว์เครื่องประดับ ไฮไลต์ที่สำคัญของงานคือ การจัดประกวดพลอยไทยจิวเวลรี่ ครีเอชั่น จากผู้เข้าร่วมแสดงสินค้า เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่เวทีระดับโลก และเป็นการส่งเสริมงานฝีมือช่างไทย โดยสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ ร่วมกับสวารอฟสกี้ จัดทำโครงการชื่อ ดีไซน์ พาวิลเลี่ยน เทรนด์ 2011 ซึ่งโครงการดังกล่าวจะสนับสนุนให้มีการกำหนดเทรนด์ของพลอยสีของโลก ซึ่งในปีนี้กำหนดให้เป็นพลอยหลากสี หรือ มัลติคัลเลอร์ นอกจากนี้ภายในงานยังมีกิจกรรมอีกมากมาย อาทิ การแสดงผลงานจากช่างไทย การสาธิตการทำทองโบราณและเครื่องเงินในโซน ไทย เฮอริเทจ เป็นการแสดงผลงานจากช่างฝีมือในทุกภาคของประเทศ การจัดแสดงเครื่องประดับจากศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ การจัดสัมมนาให้ความรู้เกี่ยวกับอัญมณี เป็นต้น
ที่มา: http://www.depthai.go.th