1. การส่งออกของญี่ปุ่นเดือนกรกฎาคม 2553 มีมูลค่า 5.98 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว 23.5% โดยส่งออกไปเอเชีย 3.34 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้น 23.8% ขณะที่ส่งออกไปสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป มูลค่า 9.72 และ 6.33 แสนล้านเยน เพิ่มขึ้นในอัตรา 25.9 % และ 13.3% ตามลำดับ
การส่งออกของญี่ปุ่นขยายตัวตามความต้องการสินค้าส่งออกสำคัญของญี่ปุ่น คือ รถยนต์ และส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะในตลาดเอเชีย อย่างไรก็ตาม อัตราการขยายตัวต่อปีของมูลค่าส่งออกเดือนนี้ชลอตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 นอกจากนี้ ค่าเงินเยนที่แข็งขึ้นต่อเนื่อง จนมีค่าแข็งที่สุดในรอบ 15 ปี ที่อัตรา 83.58 เยนต่อ 1 เหรียญสหรัฐฯ ช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้ ทำให้เกิดความกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อการส่งออก และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่น
2. รัฐบาลญี่ปุ่นจะขยายเวลาการใช้มาตรการให้ eco-point สำหรับแลกของรางวัลแก่ผู้ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงาน ที่จะสิ้นสุดลงสิ้นปีนี้ ออกไปอีกเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
แต่ไม่มีแผนที่จะขยายเวลาการอุดหนุนการซื้อรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมซึ่งจะหมดอายุลงสิ้นเดือนกันยายนนี้
3. ญี่ปุ่นยังคงประสบภาวะเงินฝืด โดยดัชนีราคาผู้บริโภคที่ไม่รวมอาหารสด (core CPI) ของญี่ปุ่นเดือนกรกฎาคม 2553 ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว 1.1 % ลดลงติดต่อมาเป็นเดือนที่ 17
นักวิเคราะห์เห็นว่าภาวะเงินฝืดในญี่ปุ่นจะยืดเยื้อต่อไป เนื่องจากเงินเยนที่แข็งค่าขึ้น และสถานการณ์เศรษฐกิจในสหรัฐฯ และยุโรป ยังไม่แน่นอน จะส่งผลให้แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศจากการส่งออกอ่อนลง
นอกจากนี้ core CPI สำหรับเขตโตเกียวเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นตัวชี้นำแนวโน้มราคาสินค้าของประเทศ ลดลงในอัตรา 1.1 %
ที่มา: http://www.depthai.go.th