กรมส่งเสริมการส่งออก จัดเสวนาเรื่อง “ส่งออกอย่างไรในสภาวะที่เงินบาทแข็งค่า” โดยได้รับเกียรติจาก นายยรรยงค์ พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธีเปิดงานดังกล่าว ณ ห้องแกรนด์บอลลูม โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท
ภายในงาน นายยรรยงค์ เผยว่า กระทรวงพาณิชย์มีความเป็นห่วงสถานการณ์เงินบาทแข็งค่าที่จะมีผลกระทบมาถึงการส่งออกให้เห็นใน 2-3 เดือนข้างหน้า ซึ่งมีหลายฝ่ายมองว่าการส่งออกยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะตัวเลขส่งออกยังอยู่ในระดับที่ดี แต่ข้อเท็จจริงคือ ตัวเลขส่งออกดังกล่าวเป็นผลย้อนหลังในช่วง 3-4 เดือนก่อน แต่กระทรวงพาณิชย์ยังคงยืนยันเป้าหมายส่งออกขยายตัว 20% โดยเชื่อว่าช่วงปลายปีการส่งออกจะสูงถึง 1.4-1.5 หมื่นเหรียญสหรัฐฯ ต่อเดือน “ในนี้ทึ้งภาครัฐและเอกชนรวมทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย จะระดมความคิดเห็นเพื่อหาทางแก้ปัญหาเงินบาทแข็งค่า เนื่องจากภาคส่งออกยังเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ นอกจากนี้ผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่ายังเชื่อมโยงในภาคส่วนอื่นๆ โดยในเบื้องต้นกระทรวงพาณิชย์ได้เสนอหน่วยงานเกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือ ได้แก่ การผ่อนคลายกฎระเบียบการถือครองดอลลาร์ และให้ผู้ส่งออกรายย่อยรวมตัวกันซื้อประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนจาก ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า (Exim Bank) เพื่อให้เข้าถึงการประกันความเสี่ยงได้มากขึ้น” นายยรรยงค์ กล่าวเพิ่มเติม
ด้านนายดุสิต นนทะนาคร ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ค่าเงินบาทได้แข็งค่าขึ้น 1.8% แต่เมื่อวัดจากต้นปีเงินบาทแข็งค่าขึ้น 3.3% และหากเทียบกับตั้งแต่ปี 51 เงินบาทแข็งค่าขึ้นสูงถึง 8% ซึ่งผู้ประกอบการเป็นห่วงภาวะเงินทุนที่ไหลเข้าในช่วงนี้ เนื่องจากมองว่าจะเป็นเงินร้อนที่ไหลเข้ามาเก็งกำไร อยากให้ทุกฝ่ายเข้ามาดูแลใกล้ชิด เพราะเงินทุนลักษณะดังกล่าวไม่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ
ที่มา: http://www.depthai.go.th