รายงานภาวะเศรษฐกิจและการค้าของกรีซ ณ เดือนส.ค. 2553

ข่าวเศรษฐกิจ Monday September 20, 2010 17:40 —กรมส่งเสริมการส่งออก

1. สถานการณ์เศรษฐกิจและภาวะการค้าของกรีซในเดือนสค. 53 ยังทรงตัวหลังจากเมื่อเดือนกค. 53 ที่การดาเนินกิจการของโรงงานต่างๆ ได้ตกตาลงอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีสัญญาณที่ดีว่าสถานการณ์เศรษฐกิจที่ตกตาได้กระเตื้องขึ้นแล้วจากการที่ผลผลิตและคาสั่งซื้อใหม่มีการหดตัวน้อยลง โดยดัชนีการสั่งซื้อของผู้จัดการ (Purchasing Manager's Index - PMI) ในเดือนกค. 53 ได้เพิ่มขึ้นจากเดือนมิย. 53 (ที่เท่ากับ 42.2 จุด) เป็น 45.3 จุด แต่ยังคงตากว่า 50 จุด ที่ถือเป็นจุดผ่านของภาวะการหดตัวและมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เหตุผลที่คาสั่งซื้อใหม่ยังคงมีการหดตัวเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ตกตาและความต้องการที่เบาบางซึ่งแม้ว่ายังคงเป็นปัญหาหนักแต่ก็เริ่มเบาบางลงบ้างแล้วตั้งแต่ มค. 53 โดยดัชนีคาสั่งซื้อใหม่ในเดือน กค. 53 เพิ่มขึ้นจาก 39.9 จุด ในเดือนก่อนหน้าเป็น 45.1 จุด ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์กรีซคาดว่ามาตรการเข้มงวดด้านรายจ่าย (Austerity) ของรัฐบาลเพื่อลดภาระหนี้สาธารณะ จะทาให้เศรษฐกิจกรีซถดถอยต่อไปอีกเป็นปีที่สอง โดยจะมี GDP หดตัว 4% (GDP ปี 52 หดตัว 2%)

2. สมาพันธ์ช่างและพ่อค้าแห่งกรีซ (The Confederation of Greek Craftsmen and Merchants - GSEVEE) ซึ่งเป็นตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบการ SME ได้รายงานผลการสารวจผู้ประกอบการที่มีคนงานไม่เกิน 50 คน จานวน 960 บริษัท ในช่วง ระหว่าง 15 กค. 53 และ 28 กค. 53 พบว่า 44% มีแนวโน้มอย่างมากที่จะปิดกิจการและเกือบ 20% แจ้งว่ามีอันตรายอย่างสาคัญที่จะต้องปิดกิจการ และได้ประมาณการว่าจะมีธุรกิจ 375,180 บริษัท ที่ดาเนินกิจการขาดทุน (ในจานวนนี้ราว 176,700 ราย มีความเสี่ยงที่จะปิดกิจการในปลายปี 2554) โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 53 ผู้ประกอบการร้อยละ 18.3 มีการลดจานวนคนงานลง หรือคิดเป็นจานวนคนตกงาน 88,000 ราย และคาดว่าในช่วง 6 เดือนหลังของปี 53 จะมีการว่างงานถึง 120,000 ตาแหน่ง

ทั้งนี้ ผู้ประกอบธุรกิจกรีซ ร้อยละ 99 เป็นธุรกิจขนาดเล็ก มาตรการเข้มงวดด้านรายจ่ายของรัฐบาลได้แก่การลดเงินเดือนข้าราชการ การไม่ปรับขึ้นเงินบานาญ การปรับเพิ่มภาษี VAT ตั้งแต่ 4 - 23% และการเพิ่มรายการสินค้าที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิต ส่งผลกระทบทาให้การใช้จ่ายของประชาชนลดลงค่อนข้างมาก

3. สมาคมผู้จาหน่ายปลีกแห่งกรีซ (Retail Trade Association) ได้เปิดเผยว่ามาตรการเข้มงวดด้านรายจ่ายของรัฐบาล (Austerity) ได้ส่งผลกระทบอย่างมากและเป็นวงกว้างต่อภาวะเศรษฐกิจและการค้าโดยรวม การบริโภคเกิดการหดตัว โดยจากการสารวจร้านค้าเสื้อผ้าใจกลางกรุงเอเธนส์ พบว่ายอดจาหน่ายลดลงกว่า 30% แม้จะมีการลดลงราคาสินค้าลงถึง 50% แล้วก็ตาม

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์เศรษฐกิจของกรีซได้แสดงข้อกังวลว่าการหดตัวของการบริโภคจะเพิ่มมากขึ้นในระยะต่อไปและจะคุกคามต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจประเทศซึ่งมีการบริโภคภาคเอกชนคิดเป็นร้อยละ 70 ของผลผลิตทางเศรษฐกิจของกรีซ

ภาวะเศรษฐกิจที่ตกตายังคงต่อเนื่องมาจนถึงเดือนสค. 53 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงตาที่สุดเป็นประวัติการณ์ ร้านค้าปลีกที่กรุงเอเธนส์ ตั้งแต่ร้านฟาร์มาร์ซี จนถึงร้านเสื้อผ้าและเครื่องเขียน แจ้งว่าลูกค้าจะใช้จ่ายเงินเท่าที่จาเป็น ร้านค้าเสื้อผ้า รองเท้าและดีพาร์ทเมนสโตร์ ได้รับผลกระทบมากที่สุด ยอดขายตั้งแต่ต้นปีจนถึง เดือนเมย. 53 ลดลง 20% และลดลง 10% ในเดือนมิย. 53

ส่วนสินค้าที่ยังคงขายได้ดี ได้แก่ โทรศัพท์มือถือและการบริการอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นผลจากการที่ประชาชนปรับตัวที่จะอยู่บ้านเล่นอินเตอร์เน็ตมากกว่าออกไปทานตามร้านอาหาร

4. รัฐมนตรีกระทรวงท่องเที่ยวกรีซ (นายGiorgos Nikitiadis) คาดว่ารายได้จากภาคการท่องเที่ยวในปี 2553 จะลดลงกว่าปี 2552 ประมาณ 7 - 9% ซึ่งถือว่าตาสุดในรอบ 7 ปี สอดคล้องกับความเห็นของประธานสมาพันธ์ผู้ประกอบการการโรงแรมแห่ง Panhellenic (The Panhellenic Federation of Hoteliers) ที่คาดว่ารายได้จากการท่องเที่ยวในปี 53 จะหดตัวลงราว 9% ซึ่งหมายถึงรายได้ราว 1,000 พันล้านยูโร ที่จะหายไปจากเศรษฐกิจหรือคิดเป็นรายได้ประมาณ 9.4 พันล้านยูโร

ที่ผ่านมา ปี 2551 ถือเป็นปีที่กรีซมีรายได้จากการท่องเที่ยวสูงสุด คือ 11.6 พันล้านยูโร ในขณะที่ปี 2546 ถือเป็นปีที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวตาที่สุด คือ 9.5 พันล้านยูโร

นอกจากนี้ ประธานสมาคมโรงแรมแห่ง Athens - Attica ได้คาดการณ์ว่ารายได้ของภาคโรงแรมในปี 2553 จะลดลงจากปีก่อน 8 - 10 % โดยจะมีจานวนนักท่องเที่ยวเข้ามากรีซราว 25 ล้านคน จากปัจจุบันอยู่ที่ 14 ล้านคน

5. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกรีซได้เปิดเผยว่าในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2553 กรีซสามารถตัดลดการขาดดุลงบประมาณได้ถึง 39.7 % (ลดลง 12.09 พันล้านยูโร) เปรียบเทียบกับเป้าหมายปี 53 ที่ตั้งไว้ที่ 39.5% ในขณะที่มีการจัดการเก็บรายได้ตากว่าเป้าหมาย โดยจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้น 4.1% (จานวน 28.6 พันล้านยูโร) ตากว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 13.7%

6. สมาคมผู้ส่งออกแห่ง Panhellenic (The Panhellenic Exporters Association - PEA) ได้รายงานว่าในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2553 กรีซส่งออกได้เพิ่มขึ้น 2.2% มูลค่าส่งออก 7.32 พันล้านยูโร เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งส่งออกลดลง 18.4% สินค้าส่งออกที่สาคัญได้แก่ สินค้าจากภาคเกษตร และสินค้าอุตสาหกรรม เช่น เครื่องจักร เคมีภัณฑ์ เป็นต้น

7. คณะผู้ตรวจสอบจากสหภาพยุโรป IMF และ European Central Bank (TROIKA) ซึ่งทาหน้าที่ตรวจสอบประเมินผลการดาเนินมาตรการเข้มงวดด้านรายจ่ายของรัฐบาลกรีซ ได้เปิดเผยว่า ผลการดาเนินมาตรการมีความก้าวหน้าอย่างมากและเหนือความคาดหมาย โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 53 รัฐบาลกรีซลดการใช้จ่ายลงได้ถึง 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในภาพรวมแล้วถือเป็นการเริ่มต้นที่เข้มแข็ง แต่ยังคงมีความท้าทายที่สาคัญและความเสี่ยงรออยู่ข้างหน้า โดยพาะอย่างยิ่งในด้านการป้องกันให้สภาพคล่องมีความเหมาะสมและความมั่นคงทางการเงินของภาคธนาคาร และเชื่อว่ากรีซจะได้รับเงินกู้ระยะ 3 ปี งวดที่ 2 จานวน 9 พันล้านยูโร ในกลางเดือนกย. 53 นี้ อย่างไรก็ดี คณะผู้ตรวจสอบยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับการใช้จ่ายของโรงพยาบาลและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่ยังคงมีสูงอยู่

เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2553 รัฐมนตรีกระทรวงคลังกรีซ (นายYiorgos Papakonstantinon) และคณะผู้แทน TROIKA ได้มีการหารือเพื่อปรับปรุง MOU สาหรับมาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจ ได้แก่ การเปิดเสรีด้านพลังงาน ซึ่งผลสรุปได้มีข้อเสนอให้ขายหุ้น 40% ของโรงงานผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินและพลังนาของรัฐบาล นอกจากนี้ TROIKA ยังต้องการให้รัฐบาลเปิดตลาดให้กับอาชีพที่สงวน เช่น เภสัชกร (Pharmacist) สถาปนิก และนักกฏหมาย การปรับปรุงระบบสาธารณะสุขและการปรับภาระหนี้ของการรถไฟแห่ง Hellenic อย่างเข้มงวด

8. กระทรวงสิ่งแวดล้อมและกระทรวงพลังงานและการเปลี่ยนแปลงของอากาศแห่งกรีซ ได้มีการปรับกระบวนการในการติดตั้งแผ่นทาความร้อนด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar panels) ในอาคารและสนามกีฬาให้มีความคล่องตัวและง่ายขึ้น โดยผู้เป็นเจ้าของระบบ Photovoltaic system ขนาดไม่เกิน 100 กิโลวัตต์ ซึ่งติดตั้งบนหลังคาของอาคาร ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ไฟฟ้าประจาท้องถิ่นทราบ โดยไม่ต้องได้รับอนุญาตจากสานักงานผังเมืองประจาท้องถิ่น แต่หากเป็นเจ้าของระบบที่มีขนาดเกินกว่า 100 กิโลวัตต์ จะต้องได้รับการอนุญาตจากสานักงานผังเมืองประจาท้องถิ่นด้วย

9. รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมกรีซ ได้เปิดเผยแผนโครงการลงทุนด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงาน มูลค่า 12 พันล้านยูโร ระยะเวลา 5 ปี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการสร้างงาน ครอบคลุมทั้งการปรับปรุงเพื่อให้ใหม่ขึ้นและการวางผังเมืองใหม่ โดยแจ้งว่าจะสามารถดึงเงินลงทุนจากภาคเอกชนได้ 32 พันล้านยูโร และสร้างงานได้ถึง 192,000 ตาแหน่ง

รัฐบาลกรีซได้คาดว่า จะมีบริษัทเอกชนมาลงทุนภายใต้โครงการดังกล่าวโดยเฉพาะด้านพลังงาน เช่น โครงการก่อสร้างท่อส่งและถังเก็บแก๊ซธรรมชาติทางเหนือของกรีซ รวมมูลค่า 14 พันล้านยูโร ทั้งนี้ในปี 2552 มีการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากกระแสลมและแสงอาทิตย์ คิดเป็นร้อยละ 4 ของผลผลิตไฟฟ้าทั้งหมด ในขณะที่มีการผลิตพลังงานจากการเผาไหม้ถ่านหินและถ่านซึ่งก่อให้เกิดมลภาวะถึงร้อยละ 60

10. สถานการณ์การค้าไทย - กรีซ

10.1 การส่งออก การส่งออกของไทยไปกรีซในช่วง 7 เดือนแรก (มค.- กค.) ของปี 2553 มีมูลค่า 138.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งส่งออกมูลค่า 109.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 26.49 สินค้าสาคัญที่มีการส่งออกเพิ่มขึ้นมาก ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (195.71%) เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ (118.29%) ของเล่น (40.87%) เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน (54.52%) ยางพารา (71.03%) เป็นต้น

10.2 การนาเข้า ในช่วง 7 เดือนแรก (มค.- กค.) ของปี 2553 ไทยนาเข้าจากกรีซมูลค่า 20.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งนาเข้ามูลค่า 17.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 22.03

สินค้าที่ไทยนาเข้าสาคัญและเพิ่มขึ้นมาก ได้แก่ ผักผลไม้และของปรุงแต่งที่ทาจากผลไม้ (94.45%) เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ (300.82%) เครื่องเพชรพลอยอัญมณี เงินแท่งและทองคา (2,123.31%) สินแร่ โลหะอื่นๆ และผลิตภัณฑ์ (152.90%) เสื้อผ้าสาเร็จรูป (408.41%) 11. เครื่องชี้วัดเศรษฐกิจ (ประมาณการปี 2553 โดย The Economist Intelligence Unit)

GDP Growth = -4.5 %

GDP Value = 227 พันล้านยูโร

อัตราเงินเฟ้อ = 2.7 %

การบริโภค = -5 %

การลงทุน = -11.9 %

การว่างงาน = 12.0 %

หนี้สาธารณะ = 132.2 %

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงโรม

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ