เมื่อกล่าวถึง Big Box Retailer ผู้บริโภคจะต้องนึกถึงห้าง Wal-Mart Store Inc. (NYSE: WMT) ยักษ์ใหญ่ ของวงการธุรกิจร้านค้าปลีกของสหรัฐฯ ที่มีสาขา 8,500 แห่งใน 15 ประเทศ และมียอดจำหน่ายมากที่สุดของโลก (405 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2010) และเป็นร้านค้าปลีกที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ประมาณ 150,000 - 195,000 ตารางฟุต (13,935 -18,115 ตารางเมตร) ห้าง Wal-Mart จะตั้งอยู่ตามชานเมืองเพราะใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ทั้งในส่วนของพื้นที่จำหน่ายสินค้าและลานจอดรถ และมีชื่อเรียกต่างๆ กันตามขนาดพื้นที่ อาทิ Wal-Mart Supercenters (พื้นที่ประมาณ 187,000 ตารางฟุต) Wal-Mart Discount Stores (ประมาณ 107,000 ตารางฟุต) เป็นต้น
เมื่อเร็วๆ นี้ Mr. Bill Simon ประธานบริหารและ CEO คนใหม่ของห้าง Wal-Mart ได้ประกาศแผนการขยายตลาดของห้างฯ ซึ่งจะบุกตลาดไปยังย่านชุมชนตามมหานครใหญ่ๆ ในสหรัฐฯ อาทิ นครลอสแอนเจลิส นิวยอร์ก ชิคาโก ฟรานซานซิสโก ร้านค้าปลีกในรูปแบบใหม่จะมีพื้นที่ขนาดขนาดเล็กประมาณ 20,000 — 42,000 ตารางฟุต (1,858- 3,901 ตารางเมตร) มีขนาดเล็กกว่าร้าน Supermarkets ทั่วไป แต่จะมีขนาดใหญ่กว่าร้านค้าปลีกประเภท Drugstore
ห้าง Wal-Mart ได้ทดสอบตลาดโดยการเปิดร้านค้าปลีกที่มีขนาดเล็กหรือเรียกว่า Marketside (พื้นที่ประมาณ 15,000 ตารางฟุต) มาแล้วตั้งแต่ปี 2008 ซึ่งมีจำนวนเพียง 4 แห่ง เน้นการจำหน่ายสินค้าประเภท อาหารสด เภสัชกรรม ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม อุปกรณ์เครื่องเขียนอุปกรณ์สัตว์เลี้ยง ซึ่งมีรูปแบบคล้ายคลึงกับห้าง Wal-Mart ในประเทศเม็กซิโก กลุ่มประเทศอเมริกากลางและแถบลาตินอเมริกา
กลยุทธ์การขยายตลาดของห้าง Wal-Mart ในรูปแบบใหม่นี้ถือเป็นแผนการที่แข็งกร้าวของห้างฯ เพราะห้างฯ ต้องการจะกระตุ้นยอดขายในสหรัฐฯ และมีแนวความคิด(Concept) ที่ต้องการดึงผู้บริโภคในย่านชุมชนเมืองให้ซื้อสินค้าที่ห้าง Wal-Mart ทุกๆ สองสัปดาห์ทั้งนี้ร้านค้าปลีกขนาดเล็กในรูปแบบใหม่นี้ จะเป็นการผสมผสานรูปแบบต่างๆ ของร้านค้าประเภท Supercenters, Grocery, Neighborhood Market เข้าไว้ด้วยกัน
แม้ว่า ห้าง Wal-Mart ในสหรัฐฯ จะได้เปรียบคู่แข่งขันรายอื่นๆ ที่จำหน่ายสินค้าราคาย่อมเยา แต่ในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันของสหรัฐฯ ที่อัตราการว่างงานสูงถึงร้อยละ 9.6 (เดือน ส.ค.53) ห้าง Wal-Mart จึงต้องขยายตลาดเข้าถึงผู้บริโภคในชุมชนเมืองให้มากที่สุด อีกทั้งจะต้องแข่งขันกับห้าง Target ที่มีแผนการเปิดร้านค้าปลีกขนาดเล็กในอนาคตเช่นกัน
สำนักงานส่งเสริมการระหว่างประเทศ ณ นครชิคาโก
ที่มา: http://www.depthai.go.th