ตลาดลำไยอบแห้ง

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 29, 2010 12:19 —กรมส่งเสริมการส่งออก

ลำไยอบแห้งเป็นสินค้าเกษตรที่ได้รับประโยชน์จากข้อตกลง FTA จีน-อาเซียน จึงไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า แต่ยังคงต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 13 ตามข้อกำหนดของจีน จากข้อตกลงดังกล่าวทำให้ศุลกากรต้องปฎิบัติตามกรอบข้อตกลงอย่างเคร่งครัด ตามมติที่ทางศุลกากรอาเซียนวางไว้ จึงเป็นผลดีสำหรับการให้บริการทางค้าระหว่างประเทศจีนกับกลุ่มอาเซียน โดยด่านศุลกากรจะคำนวณโดยประเมินราคาตามเกรดสินค้าที่ผู้นำเข้าระบุในเอกสารสำแดงสินค้า ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 เกรด คือ AA,A,B,C และใช้ราคาซื้อขายเป็นมาตรฐานตามที่ระบุในเอกสารการค้าระหว่างคู่ค้าทั้งฝ่ายส่งออกและนำเข้า

ในแต่ละปี จีนมีปริมาณความต้องการบริโภคลำไยแห้งรวมกว่า 60,000 ตัน มีการซื้อขายลำไยแห้งจากไทยถึงกว่า 40,000 ตัน โดยมีการกระจายสินค้าไปยังตลาดกลางซื้อขายลำไยอบแห้งที่ใหญ่ที่สุดในจีน ที่เมืองอี้อู มณฑลเจ้อเจียง เมืองผู่เถียน มณฑลฝูเจี้ยน และเมืองฉางซา มณฑลหูหนาน

จากรายงานศุลกากรของท่าเรือเซี่ยเหมิน พบว่า ปี 2552 การนำเข้าผลไม้สดและผลไม้แห้งของจีนจากไทยมีมูลค่าประมาณ 30,316,400 เหรียญสหรัฐฯ และของท่าเรือหนิงโป การนำเข้าผลไม้สดและผลไม้แห้งของจีนจากไทยมีมูลค่าประมาณ 300,000 เหรียญสหรัฐ สำหรับการนำเข้าต่อ 1 ตู้คอนเทนเนอร์เท่ากับจำนวน 15 ตัน หรือ 15,000 กิโลกรัมคิดเป็น กล่องละ 10 กิโลกรัม (1,500 กล่อง) ราคาลำไยอบแห้งในช่วงตรุษจีนที่ผ่านมามีราคาค่อนข้างสูง โดยกล่อง 10 กิโลกรัม เกรด AA ราคา 180-220 หยวน/กล่อง เกรด A ราคา 120-160 หยวน/กล่อง เกรด B ราคา 90-120 หยวน/กล่อง ถ้าไม่ใช่ช่วงเทศกาล ราคาเกรด AA ราคา 150 หยวน/กล่อง เกรด A ราคา 100 หยวน/กล่อง เกรด B ราคา 80 หยวน/กล่อง

การนำเข้าลำใยอบแห้งจากไทยไปตลาดจีน ส่วนใหญ่เป็นลักษณะเหมาซื้อและส่งออกจากไทยมาโดยพ่อค้าคนกลางซึ่งเป็นชาวจีน ถึงแม้ว่าสินค้าจะเป็นที่ต้องการของจีนและส่งออกได้อย่างต่อเนื่อง แต่ในอนาคตอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกในระยะยาว ถ้าไม่สามารถควบคุมระบบการตลาดได้ ตัวอย่างเช่นศุลกากรเมือง หนิงโปได้มีการสุ่มตรวจลำไยอบแห้งจากไทย ในช่วงเดือนธันวาคมปี 2552 ซึ่งพบว่าผู้นำเข้าจีนได้มีการหลบเลี่ยงการชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยแจ้งรายละเอียดสินค้าไม่ตรงกับความเป็นจริง คือแจ้งเกรดต่ำกว่าที่แจ้งสำแดงเกรดสินค้าและแจ้งสินค้าเกรดสูงในปริมาณที่น้อย แต่แจ้งสินค้าเกรดต่ำในปริมาณที่มาก ซึ่งไม่ตรงตามความเป็นจริง ดังนั้นจึงทำให้ถูกกักที่ท่าเรือ และทำให้การนำเข้าลำใยอบแห้งมีการตรวจสอบมากขึ้น

จากปัญหาดังกล่าว แนวทางที่ภาครัฐบาลและเอกชนไทยควรตระหนักสำหรับบอนาคตการค้าลำไยอบแห้งในระยะยาว เนื่องจากความต้องการลำไยอบแห้งในตลาดจีนยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงควรมีการร่วมมือกันเพื่อส่งเสริมสนับเกษตรกรและผู้ประกอบการไทย ให้มีความรู้ความเข้าใจในระบบการทำการค้ากับจีน ศึกษาข้อมูลการปรับปรุงพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยให้มีการดำเนินตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง และสามารถทำตลาดอย่างเป็นระบบได้ด้วยตนเอง เพื่อปกป้องรักษาตลาดและการดำเนินธุรกิจไม่ให้ตกเป็นของชาวจีน

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ