กรุงเทพฯ--6 มี.ค.--เจริญโภคภัณฑ์
เมื่อเร็ว ๆ นี้ สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย และเครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้หารือร่วมกันถึงแนวทางในทำฟาร์มกุ้งควบคู่ไปกับการอนุรักษ์นก
ดร.อาชว์ เตาลานนท์ รองประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซี.พี.)เปิดเผยว่าซี.พี.ดำเนินธุรกิจภายใต้จิตสำนึกที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งรวมถึงความห่วงใยต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยทุกธุรกิจไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสัตว์บก ธุรกิจสัตว์น้ำก็ดำเนินการภายใต้นโยบายที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ในส่วนธุรกิจเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ซี.พี.ได้พัฒนาการเลี้ยงกุ้งในระบบโปรไบโอติกฟาร์มมิ่ง ซึ่งเป็นฟาร์มระบบปิดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการจัดการฟาร์มโดยใช้จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ไปจัดการกับจุลินทรีย์ที่ไม่มีประโยชน์ในบ่อกุ้ง ส่งผลให้ไม่มีการใช้สารหรือยาปฏิชีวนะที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมทั้งในแง่ของน้ำเสียหรือมลพิษทางกลิ่น มีการใช้น้ำระบบหมุนเวียน โดยนำน้ำที่ใช้แล้วมาเก็บ และทำการบำบัดน้ำ จากนั้นจะนำกลับมาใช้ใหม่ทั้งหมด(Recycle)
นอกจากนี้ยังคำนึงถึงระบบนิเวศน์รอบ ๆ บริเวณฟาร์ม โดยป้องกันพาหะนำโรค เช่น นก ด้วยการนำเชือกสีแดงเส้นใหญ่เบอร์ 12 ที่นกสามารถมองเห็นได้ชัดในระยะไกล มาขึงเป็นตาข่ายขนาดความกว้างประมาณ 3.5 - 5 ซม. ไม่เป็นอันตรายแก่นก เพราะนกจะสามารถเกาะเชือกตาข่ายได้ แต่จะไม่ตกลงไปในบ่อกุ้ง ซึ่งเป็นวิธีอนุรักษ์นกตามธรรมชาติ ทำให้กุ้งและนกสามารถอยู่ร่วมกันในระบบนิเวศน์เดียวกันได้อย่างเป็นสุข
ปัจจุบันพบว่ามีพื้นที่เลี้ยงกุ้งหลายแห่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของนก รวมทั้งนกอพยพ และ นกหายากที่ควรค่าแก่อนุรักษ์ ทางซี.พี.จึงได้เชิญผู้แทนจากสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้นำในด้านการอนุรักษ์นก และธรรมชาติในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย มาหารือร่วมกันถึงแนวทางในการเลี้ยงกุ้งควบคู่ไปกับการอนุรักษ์นก โดยมี ผศ.ฟิลลิป ดี ราวด์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนก คุณเพชร มโนปวิตร และคุณกฤษณา แก้วปลั่ง เป็นตัวแทนจากสมาคมอนุรักษ์นกฯ
ผศ.ฟิลลิป ดี ราวด์ เปิดเผยว่า บริเวณอ่าวไทยตอนใน เขตจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี เช่น ที่โคกขาม ปากทะเล แหลมผักเบี้ย วัดเขาตะเครา มีนกชายเลน นกน้ำ และนกอพยพ เป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นนกที่หายาก เช่น นกชายเลนปากช้อน นกหัวโตหน้าขาว ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีของกลุ่มนักดูนกทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ
ที่ผ่านมาสมาคมอนุรักษ์นกฯได้จัดทำโครงการพัฒนาอ่าวไทยตอนในให้เป็นแหล่งอนุรักษ์โดยร่วมกับชุมชนในท้องถิ่นนั้น ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เห็นความสำคัญ มีจิตสำนึก และตื่นตัวในการอนุรักษ์นกกันมากขึ้น
การที่ซี.พี.ร่วมมือกับสมาคมฯในการอนุรักษ์นกจึงเป็นการดี ซึ่งนักวิชาการของสมาคมฯและซี.พี.จะร่วมกันแลกเปลี่ยนประสบการณ์ โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับระบบนิเวศน์ ป่าชายเลน นาเกลือ หาดชายเลน ว่ามีความสำคัญกับนกอย่างไร และเรื่องการเลี้ยงกุ้งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะได้มีการเผยแพร่ สร้างความเข้าใจเรื่องนี้แก่เกษตรกรทั่วไปด้วย ซึ่งทาง ดร.อาชว์ ก็กล่าวว่าซี.พี.พร้อมที่จะร่วมมือกับสมาคมอนุรักษ์นกฯ เพราะตระหนักดีว่าเครือฯเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนและสังคม ซึ่งนอกจากจะดูแลและอนุรักษ์นกในพื้นที่ฟาร์มของบริษัทแล้ว เครือฯก็พร้อมที่จะขยายผลในการปลุกจิตสำนึก ให้ข้อมูลและคำแนะนำแก่เกษตรกรทั่วไปที่เลี้ยงกุ้งให้เลี้ยงกุ้งโดยไม่ทำอันตรายกับนก เพื่อเป็นการอนุรักษ์นกและรักษาระบบนิเวศน์ทางธรรมชาติให้สืบไป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
สำนักกิจกรรมสื่อสารองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์
โทรศัพท์ 02-625-8127-30, 02-638-2743
เมื่อเร็ว ๆ นี้ สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย และเครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้หารือร่วมกันถึงแนวทางในทำฟาร์มกุ้งควบคู่ไปกับการอนุรักษ์นก
ดร.อาชว์ เตาลานนท์ รองประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซี.พี.)เปิดเผยว่าซี.พี.ดำเนินธุรกิจภายใต้จิตสำนึกที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งรวมถึงความห่วงใยต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยทุกธุรกิจไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสัตว์บก ธุรกิจสัตว์น้ำก็ดำเนินการภายใต้นโยบายที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ในส่วนธุรกิจเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ซี.พี.ได้พัฒนาการเลี้ยงกุ้งในระบบโปรไบโอติกฟาร์มมิ่ง ซึ่งเป็นฟาร์มระบบปิดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการจัดการฟาร์มโดยใช้จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ไปจัดการกับจุลินทรีย์ที่ไม่มีประโยชน์ในบ่อกุ้ง ส่งผลให้ไม่มีการใช้สารหรือยาปฏิชีวนะที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมทั้งในแง่ของน้ำเสียหรือมลพิษทางกลิ่น มีการใช้น้ำระบบหมุนเวียน โดยนำน้ำที่ใช้แล้วมาเก็บ และทำการบำบัดน้ำ จากนั้นจะนำกลับมาใช้ใหม่ทั้งหมด(Recycle)
นอกจากนี้ยังคำนึงถึงระบบนิเวศน์รอบ ๆ บริเวณฟาร์ม โดยป้องกันพาหะนำโรค เช่น นก ด้วยการนำเชือกสีแดงเส้นใหญ่เบอร์ 12 ที่นกสามารถมองเห็นได้ชัดในระยะไกล มาขึงเป็นตาข่ายขนาดความกว้างประมาณ 3.5 - 5 ซม. ไม่เป็นอันตรายแก่นก เพราะนกจะสามารถเกาะเชือกตาข่ายได้ แต่จะไม่ตกลงไปในบ่อกุ้ง ซึ่งเป็นวิธีอนุรักษ์นกตามธรรมชาติ ทำให้กุ้งและนกสามารถอยู่ร่วมกันในระบบนิเวศน์เดียวกันได้อย่างเป็นสุข
ปัจจุบันพบว่ามีพื้นที่เลี้ยงกุ้งหลายแห่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของนก รวมทั้งนกอพยพ และ นกหายากที่ควรค่าแก่อนุรักษ์ ทางซี.พี.จึงได้เชิญผู้แทนจากสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้นำในด้านการอนุรักษ์นก และธรรมชาติในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย มาหารือร่วมกันถึงแนวทางในการเลี้ยงกุ้งควบคู่ไปกับการอนุรักษ์นก โดยมี ผศ.ฟิลลิป ดี ราวด์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนก คุณเพชร มโนปวิตร และคุณกฤษณา แก้วปลั่ง เป็นตัวแทนจากสมาคมอนุรักษ์นกฯ
ผศ.ฟิลลิป ดี ราวด์ เปิดเผยว่า บริเวณอ่าวไทยตอนใน เขตจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี เช่น ที่โคกขาม ปากทะเล แหลมผักเบี้ย วัดเขาตะเครา มีนกชายเลน นกน้ำ และนกอพยพ เป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นนกที่หายาก เช่น นกชายเลนปากช้อน นกหัวโตหน้าขาว ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีของกลุ่มนักดูนกทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ
ที่ผ่านมาสมาคมอนุรักษ์นกฯได้จัดทำโครงการพัฒนาอ่าวไทยตอนในให้เป็นแหล่งอนุรักษ์โดยร่วมกับชุมชนในท้องถิ่นนั้น ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เห็นความสำคัญ มีจิตสำนึก และตื่นตัวในการอนุรักษ์นกกันมากขึ้น
การที่ซี.พี.ร่วมมือกับสมาคมฯในการอนุรักษ์นกจึงเป็นการดี ซึ่งนักวิชาการของสมาคมฯและซี.พี.จะร่วมกันแลกเปลี่ยนประสบการณ์ โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับระบบนิเวศน์ ป่าชายเลน นาเกลือ หาดชายเลน ว่ามีความสำคัญกับนกอย่างไร และเรื่องการเลี้ยงกุ้งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะได้มีการเผยแพร่ สร้างความเข้าใจเรื่องนี้แก่เกษตรกรทั่วไปด้วย ซึ่งทาง ดร.อาชว์ ก็กล่าวว่าซี.พี.พร้อมที่จะร่วมมือกับสมาคมอนุรักษ์นกฯ เพราะตระหนักดีว่าเครือฯเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนและสังคม ซึ่งนอกจากจะดูแลและอนุรักษ์นกในพื้นที่ฟาร์มของบริษัทแล้ว เครือฯก็พร้อมที่จะขยายผลในการปลุกจิตสำนึก ให้ข้อมูลและคำแนะนำแก่เกษตรกรทั่วไปที่เลี้ยงกุ้งให้เลี้ยงกุ้งโดยไม่ทำอันตรายกับนก เพื่อเป็นการอนุรักษ์นกและรักษาระบบนิเวศน์ทางธรรมชาติให้สืบไป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
สำนักกิจกรรมสื่อสารองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์
โทรศัพท์ 02-625-8127-30, 02-638-2743