กรุงเทพฯ--18 เม.ย.--อีสท์ วอเตอร์
ถึงแม้สถานการณ์น้ำในภาคตะวันออกมีแนวโน้มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำต่างๆ ของกรมชลประทานลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก หรือ อีสท์ วอเตอร์ ยังยืนยันว่า แล้งนี้ อีสท์ วอเตอร์ ยังมีปริมาณน้ำพอเพียงในการสูบส่งให้แก่ผู้ใช้น้ำ ทั้งในพื้นที่จังหวัดระยอง ฉะเชิงเทรา และชลบุรี
คุณเจริญสุข วรพรรณโสภาค ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนโครงการ กล่าวถึงปริมาณน้ำว่า ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2551 ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำดอกกรายและหนองปลาไหล ซึ่งเป็นแหล่งน้ำหลัก มีปริมาณน้ำคงเหลือร้อยละ 50 ของปริมาตรอ่างฯ ซึ่งยังสูงกว่าปริมาณน้ำคงเหลือเมื่อปี 2548 ในช่วงเวลาเดียวกันกว่า 44 ล้าน ลบ.ม. ในขณะที่อ่างเก็บน้ำประแสร์ มีปริมาณน้ำร้อยละ 69 ของความจุอ่าง รวมถึงอ่างเก็บน้ำอื่นๆ ได้แก่ อ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ บางพระ หนองค้อ มีปริมาณน้ำรวมร้อยละ 30-43 ของความจุอ่างฯ ในปัจจุบัน อีสท์ วอเตอร์ สูบส่งน้ำให้แก่ผู้ใช้น้ำทั้ง 3 จังหวัดในอัตราประมาณ 620,000 ลบ.ม.ต่อวัน หรือประมาณ 18.6 ล้าน ลบ.ม.ต่อเดือน ดังนั้น แม้จะเกิดฝนทิ้งช่วงยาวนานเช่นเดียวกับปี 2548 อีสท์ วอเตอร์ จะยังมีปริมาณน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำหลักเพียงพอที่จะให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี อีสท์ วอเตอร์ ก็มิได้นิ่งนอนใจในสภาวการณ์แล้งในขณะนี้ ปัจจุบันได้เริ่มดำเนินการมาตรการแก้ปัญหาภัยแล้งแล้ว โดยเริ่มใช้น้ำสำรองจากอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ หากสิ้นเดือนเมษายน ปริมาณน้ำรวมของอ่างเก็บน้ำดอกกรายและหนองปลาไหลลดลงต่ำกว่า 100 ล้าน ลบ.ม. ก็มีความจำเป็นต้องผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์ ซึ่งการก่อสร้างเส้นท่อเชื่อมอ่างเก็บน้ำประแสร์-หนองปลาไหล จะแล้วเสร็จทันกันพอดี มาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งดังกล่าวนี้ เพื่อรักษาปริมาณน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำดอกกรายและหนองปลาไหล ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเพียงพอต่อการใช้น้ำถึงฤดูแล้งของปี 2552 นอกจากนั้น อีสท์ วอเตอร์ ยังได้ติดตั้งแพสูบน้ำในอ่างเก็บน้ำบางพระ ซึ่งสามารถสูบส่งน้ำให้แก่การประปาชลบุรี (โรงกรองน้ำบางพระ 2) ได้ในอัตรา 40,000 ลบ.ม.ต่อวัน ซึ่งจะช่วยบรรเทาปัญหาน้ำขาดในพื้นที่ชลบุรีตอนเหนือได้ระดับหนึ่ง และในปลายปี 2551 นี้ จะติดตั้งแพสูบน้ำเพิ่มอีก 1 ชุด ในอ่างเก็บน้ำบางพระ โดยมีกำลังการสูบส่ง 100,000 ลบ.ม.ต่อวัน เพื่อสูบส่งน้ำเข้าระบบท่อหนองค้อ-แหลมฉบัง เสริมศักยภาพการส่งน้ำให้ทันกับการเจริญเติบโตของชุมชนและความต้องการใช้น้ำในพื้นที่ชลบุรีได้อย่างทั่วถึง
ถึงแม้สถานการณ์น้ำในภาคตะวันออกมีแนวโน้มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำต่างๆ ของกรมชลประทานลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก หรือ อีสท์ วอเตอร์ ยังยืนยันว่า แล้งนี้ อีสท์ วอเตอร์ ยังมีปริมาณน้ำพอเพียงในการสูบส่งให้แก่ผู้ใช้น้ำ ทั้งในพื้นที่จังหวัดระยอง ฉะเชิงเทรา และชลบุรี
คุณเจริญสุข วรพรรณโสภาค ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนโครงการ กล่าวถึงปริมาณน้ำว่า ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2551 ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำดอกกรายและหนองปลาไหล ซึ่งเป็นแหล่งน้ำหลัก มีปริมาณน้ำคงเหลือร้อยละ 50 ของปริมาตรอ่างฯ ซึ่งยังสูงกว่าปริมาณน้ำคงเหลือเมื่อปี 2548 ในช่วงเวลาเดียวกันกว่า 44 ล้าน ลบ.ม. ในขณะที่อ่างเก็บน้ำประแสร์ มีปริมาณน้ำร้อยละ 69 ของความจุอ่าง รวมถึงอ่างเก็บน้ำอื่นๆ ได้แก่ อ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ บางพระ หนองค้อ มีปริมาณน้ำรวมร้อยละ 30-43 ของความจุอ่างฯ ในปัจจุบัน อีสท์ วอเตอร์ สูบส่งน้ำให้แก่ผู้ใช้น้ำทั้ง 3 จังหวัดในอัตราประมาณ 620,000 ลบ.ม.ต่อวัน หรือประมาณ 18.6 ล้าน ลบ.ม.ต่อเดือน ดังนั้น แม้จะเกิดฝนทิ้งช่วงยาวนานเช่นเดียวกับปี 2548 อีสท์ วอเตอร์ จะยังมีปริมาณน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำหลักเพียงพอที่จะให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี อีสท์ วอเตอร์ ก็มิได้นิ่งนอนใจในสภาวการณ์แล้งในขณะนี้ ปัจจุบันได้เริ่มดำเนินการมาตรการแก้ปัญหาภัยแล้งแล้ว โดยเริ่มใช้น้ำสำรองจากอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ หากสิ้นเดือนเมษายน ปริมาณน้ำรวมของอ่างเก็บน้ำดอกกรายและหนองปลาไหลลดลงต่ำกว่า 100 ล้าน ลบ.ม. ก็มีความจำเป็นต้องผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์ ซึ่งการก่อสร้างเส้นท่อเชื่อมอ่างเก็บน้ำประแสร์-หนองปลาไหล จะแล้วเสร็จทันกันพอดี มาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งดังกล่าวนี้ เพื่อรักษาปริมาณน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำดอกกรายและหนองปลาไหล ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเพียงพอต่อการใช้น้ำถึงฤดูแล้งของปี 2552 นอกจากนั้น อีสท์ วอเตอร์ ยังได้ติดตั้งแพสูบน้ำในอ่างเก็บน้ำบางพระ ซึ่งสามารถสูบส่งน้ำให้แก่การประปาชลบุรี (โรงกรองน้ำบางพระ 2) ได้ในอัตรา 40,000 ลบ.ม.ต่อวัน ซึ่งจะช่วยบรรเทาปัญหาน้ำขาดในพื้นที่ชลบุรีตอนเหนือได้ระดับหนึ่ง และในปลายปี 2551 นี้ จะติดตั้งแพสูบน้ำเพิ่มอีก 1 ชุด ในอ่างเก็บน้ำบางพระ โดยมีกำลังการสูบส่ง 100,000 ลบ.ม.ต่อวัน เพื่อสูบส่งน้ำเข้าระบบท่อหนองค้อ-แหลมฉบัง เสริมศักยภาพการส่งน้ำให้ทันกับการเจริญเติบโตของชุมชนและความต้องการใช้น้ำในพื้นที่ชลบุรีได้อย่างทั่วถึง