นายเลอพงษ์ มุสิกะมาน รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยถึงผลผลิตผลไม้ของภาคตะวันออกในปี 2553 ว่า มังคุดมีเนื้อที่ยืนต้นประมาณ 199,980 ไร่ เพิ่มจากปี 2552 จำนวน 3,435 ไร่ ให้ผลผลิตประมาณ 161,516 ไร่ เพิ่มขึ้นประมาณ 6,710 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 4 ส่วนผลผลิตต่อไร่ประมาณ 778 กิโลกรัม เพิ่มขึ้น 64 กิโลกรัม คิดเป็นร้อยละ 9 มีปริมาณผลผลิตโดยรวมประมาณ 125,650 ตัน เพิ่มขึ้น 15,141 ตัน คิดเป็นร้อยละ 4
ทั้งนี้ ผลผลิตที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากเนื้อที่ให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น ประกอบกับสภาพอากาศมีความชื้นที่เหมาะสมกับมังคุด ทำให้ออกดอกและติดผลมาก ส่วนลองกองมีเนื้อที่ยืนต้น 122,942 ไร่ เพิ่มจากปี 2552 จำนวน 1,514 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 1 เนื้อที่ให้ผลผลิต 95,083 ไร่ เพิ่มขึ้น 4,647 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 5 แต่ให้ผลผลิตต่อไร่ 672 กิโลกรัม ลดลง 3 กิโลกรัมต่อไร่ คิดเป็นร้อยละ 1 ทำให้มีปริมาณผลผลิตโดยรวมประมาณ 63,876 ตัน เพิ่มจากฤดูกาลผลิตที่ผ่านมาประมาณ 2,834 ตัน คิดเป็นร้อยละ 5
สำหรับทุเรียนมีปริมาณผลผลิตโดยรวมประมาณ 332,160 ตัน ลดลงจากปีที่แล้วประมาณ 11,313 ตัน คิดเป็นร้อยละ 3 เงาะมีปริมาณผลผลิตโดยรวมประมาณ 230,846 ตัน เพิ่มขึ้น 6,431 ตัน คิดเป็นร้อยละ 3 เนื่องจากอากาศเหมาะสมทำให้เงาะออกดอกมาก ส่งผลให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นมาก สำหรับการกระจายตัวของผลไม้เหล่านี้ จะออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนมีนาคม-กรกฎาคม โดยจะกระจุกตัวช่วงเดือนพฤษภาคม
เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรในการกระจายผลไม้ออกสู่ตลาด กรมส่งเสริมสหกรณ์จึงได้จัดแหล่งรวบรวมและรับซื้อผลไม้จากสมาชิกสหกรณ์และเกษตรกร โดยให้สหกรณ์การเกษตรเขาคิชฌกูฎ จำกัด จ.จันทบุรี ดำเนินการ โดยในฤดูกาลผลิตปี 2552 ที่ผ่านมา สหกรณ์ดังกล่าวได้ดำเนินการรวบรวมและรับซื้อผลไม้จากสมาชิก และเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ภาคตะวันออก จำนวน 3,891.84 ตันคิดเป็นมูลค่า 63.71 ล้านบาท
ผลไม้ที่สหกรณ์รวบรวม ได้แก่ มังคุด เงาะ ลองกอง โดยส่วนใหญ่จะเป็นมังคุดซึ่งรวบรวมได้ 3,532.09 ตัน มูลค่า 59.88 ล้านบาท จากนั้นทางสหกรณ์กระจายออกสู่ตลาด อาทิ ห้างค้าปลีก ส่ง เครือข่ายสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร โรงงานแปรรูปและผู้ประกอบการค้าผลไม้ทั่วไป และบริษัทผู้ส่งออก ซึ่งปี 2552 ที่ผ่านมา ส่งออก 3,598.06 ตัน มูลค่า 60.67 ล้านบาท โดยมีจีนเป็นตลาดใหญ่ รองลงมา ได้แก่ บรูไนและเวียดนาม
การส่งออกจำนวนมากนี้จำเป็นต้องมีศูนย์ทันรวบรวมผลไม้ที่ทันสมัยและมีขนาดใหญ่ แต่เนื่องจากอาคารเดิมเริ่มคับแคบ ไม่สามารถรองรับผลไม้ที่มีปริมาณเพิ่มขึ้น ประกอบกับมีเกษตรกรสนใจนำผลไม้มาส่งจำหน่ายให้สหกรณ์มากขึ้น ทำให้ไม่ได้รับความสะดวกในการให้บริการสมาชิกอย่างเต็มที่ กรมส่งเสริมสหกรณ์จึงอนุมัติงบประมาณ 5,000,000 บาท ให้สหกรณ์การเกษตรเขาคิชฌกูฎ จำกัด เพื่อก่อสร้างศูนย์รวบรวมและคัดแยกผลไม้คุณภาพ ขนาดพื้นที่ 1,800 ตารางเมตร เพื่อรองรับผลผลิตผลไม้ประจำฤดูกาล 2553 ซึ่งจะสามารถรวบรวมผลไม้ได้ไม่น้อยกว่า 5,000 ตันต่อฤดูกาลผลิต ทั้งนี้ การรวบรวมผลไม้คุณภาพของสมาชิกสหกรณ์และเกษตรกรทั่วไปนั้น จะเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาเสถียรภาพด้านราคาและการให้บริการแก่สมาชิกและเกษตรกรทั่วไป ให้มีความสะดวกในการกระจายสินค้าสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
"ศูนย์รวบรวมและคัดแยกผลไม้ของสหกรณ์การเกษตรเขาคิชฌกูฎ จำกัด จะสามารถรองรับการให้บริการด้านธุรกิจและรวบรวมผลไม้คุณภาพได้เป็นอย่างดี ทั้งยังเป็นแหล่งกระจายผลผลิตผลไม้ในชุมชนที่เกิดจากการบูรณาการและสร้างแนวคิดร่วมกัน ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และสหกรณ์ ก่อให้เกิดความร่วมมือกันอย่างจริงจัง เพื่อช่วยผลักดันด้านการบริหารจัดการธุรกิจผลไม้คุณภาพได้มีโอกาสเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย และเป็นศูนย์รวมพลังในการดำเนินธุรกิจร่วมกัน เพื่อประโยชน์และความสุขแก่สมาชิก เกษตรกรภายใต้ระบบสหกรณ์จะนำมาซึ่งความมั่นคงในอาชีพเกษตรกร ชุมชน สังคม และประเทศชาติต่อไป" นายเลอพงษ์กล่าว.