ปัจจุบันสมุนไพรไทยเป็นที่ยอมรับในการนำมาใช้รักษาโรคต่างๆ อย่างกว้างขวาง เนื่องจากมีความปลอดภัยสูง นักวิจัยมหาวิทยาลัยนเรศวรจึงได้ทำการศึกษาพัฒนาต้นพรมมิ สมุนไพรซึ่งมีคุณสมบัติบำรุงความจำ โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติเป็นเวลา 4 ปี ประมาณ 18 ล้านบาท ตั้งแต่พัฒนาการปลูก การศึกษาทางเคมี การสกัด การพัฒนาวิธีการวิเคราะห์ การพัฒนาสูตรตำรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทั้งในระดับหลอดทดลองและทางคลินิก พบว่าสารสกัดที่ได้จากพรมมิมีสารซาโปนิน สามารถชะลอการเสื่อมของเซลล์สมอง มีผลกระตุ้นความจำ และยังมีฤทธิ์ในการป้องกันการถูกทำลายของเซลล์ประสาท ที่อาจช่วยป้องกันไม่ให้ผู้สูงอายุเป็นอัลไซเมอร์ได้
ล่าสุดคณะผู้วิจัยได้ศึกษาผลของพรมมิในอาสาสมัครที่มีร่างกายปกติ อายุ 56-70 ปี จำนวน 60 คน โดยเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มที่ได้ยาหลอดและได้สารสกัดพรมมิขนาด 300 และ 600 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นเวลา 3 เดือน พบว่าสารสกัดพรมมิช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับผู้สูงอายุ โดยเพิ่มประสิทธิภาพในการทรงตัว เพิ่มการตื่นตัวต่อสิ่งเร้า มีสมาธิมากขึ้น เพิ่มความสามารถในการเรียนรู้และความจำ คลายอาการซึมเศร้า ไม่พบอาการพิษและภาวะข้างเคียงใดๆ ในอาสาสมัคร
รศ.ดร.กรกนก อิงคนันท์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้คณะผู้วิจัยได้ทดลองกับหนูเป็นเวลา 14 วัน พบว่าหนูมีการเรียนรู้และความจำดีขึ้น และได้ทดลองในหนูที่เกิดจากการเหนี่ยวนำให้มีสภาวะความจำบกพร่อง ก็พบว่าเมื่อให้สารสกัดพรมมิติดต่อกัน 2 สัปดาห์ก่อนสมองถูกทำให้บกพร่อง พบว่าพรมมิสามารถป้องกันความสูญเสียความทรงจำได้ ส่วนการศึกษาทางพิษวิทยา พบว่ามีความปลอดภัยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ
ทั้งนี้ มีการนำพรมมิมาใช้เป็นสมุนไพรบำรุงความจำอย่างกว้างขวางในอินเดีย และยังเป็นสมุนไพรในตำรับยาไทย จากการที่พรมมิเป็นพืชล้มลุกพบอยู่ในไทย และปลูกขยายพันธุ์ได้ง่าย หากมีการนำมาใช้ก็ถือว่าเป็นการลดการนำเข้าสมุนไพรอย่างโสมและแปะก๊วยจากต่างประเทศได้ ซึ่งขณะนี้ได้มีการจดอนุสิทธิบัตรแล้ว ในอนาคตจะมีการต่อยอดการวิจัยต่อไป.