นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรฯ เปิดเผยว่า ขณะนี้เกิดภาวะภัยแล้งมากที่สุดเหมือน 18 ปีที่แล้ว โดยสามารถกักเก็บน้ำฝนลดลงเหลือเพียง 7 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร จากปริมาณน้ำที่เคยมีกว่า 2 แสนล้านลูกบาศก์เมตร หรือเพียง 1 ใน 3 เท่านั้น ส่งผลให้อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางมีน้ำรวมกันทั้งสิ้น 34,531 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 47 ของความจุอ่างทั้งหมด โดยเฉพาะน้ำในเขื่อนต่างๆ ของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ไม่ว่าจะเป็นเขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีปริมาณน้ำในอ่าง 4,217 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 31 ของความจุ เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีปริมาณน้ำในอ่าง 3,374 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 35 ของความจุทั้งหมด เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก มีปริมาณน้ำในอ่าง 127 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 17 ของความจุ และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีปริมาณน้ำในอ่าง 88 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 9 ของความจุทั้งหมด และสถานการณ์ในอ่างส่วนใหญ่ยังคงมีปริมาณลดลง
สำหรับในพื้นที่ภาคตะวันออกซึ่งเป็นเขตอุตสาหกรรมหลักของประเทศ ในพื้นที่ จ.ชลบุรี สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำสำคัญ 7 แห่ง มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 74.9 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 42 ของความจุ ส่วนในพื้นที่ จ.ระยอง น้ำในอ่างเก็บสำคัญ 4 แห่ง มีน้ำรวมกัน 321.8 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 61 ของความจุ สถานการณ์ในภาคตะวันออกจึงไม่มีปัญหา เนื่องจากปริมาณน้ำที่มีอยู่ กรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้วางแผนจัดสรรน้ำไว้อย่างเพียงพอ
ด้านนายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้เร่งแก้ปัญหา โดยจัดทำฝนหลวง แจ้งเตือน และจัดมาตรการระบบการปลูกข้าวใหม่ และเร่งสร้างอ่างเก็บน้ำอย่างต่อเนื่อง แต่ยังพบอุปสรรคด้านผลกระทบต่างๆ ทำให้การจัดหาแหล่งน้ำไม่พัฒนาเท่าที่ควร ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ดำเนินโครงการเขื่อนขนาดใหญ่แค่ 3 แห่งคือ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เขื่อนคลองท่าด่าน และเขื่อนแควน้อย ซึ่งล้วนเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในเร็วๆ นี้ กรมชลประทานจะจัดทำโครงการสร้างเขื่อนอีก 2 แห่งคือ เขื่อนคลองหลวง จ.ชลบุรี ในระยะ 7 ปี ตั้งแต่ปี 53-59 ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อพื้นที่ปลูกข้าวในฤดูฝน 44,000 ไร่ พื้นที่ปลูกข้าวในฤดูแล้ง 6,000 ไร่ พื้นที่เพาะปลูก 2,500 ไร่ ส่งน้ำเพื่อบริโภคอุปโภคและอุตสาหกรรม 11.90 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี และเขื่อนห้วยโสมง จ.ปราจีนบุรี ความจุ 295 ล้านลูกบาศก์เมตร จะช่วยบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำปราจีนบุรีและลุ่มน้ำบางปะกงตอนบน ส่งน้ำเพื่อการเกษตรในเขตชลประทานได้ตลอดทั้งปี ครอบคลุมพื้นที่กว่า 111,300 ไร่ ในเขต อ.นาดี และ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี.