นายเรวัติ ทับแผง อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 หมู่ 11 ต.ท่านางงาม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก และพวกอีก 6 คน ซึ่งเป็นนักแสวงโชคร่อนเร่ออกล่าสมบัติตามคำบอกเล่าของชาวบ้านในเขตลุ่มน้ำยมของ จ.พิจิตร ที่มาปักหลักหาสมบัติอยู่แถบหน้าวัดใหม่แสงวังปลากด หมู่ 8 ต.ไผ่ท่าโพธิ์ อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร ซึ่งเป็นดินแดนตำนานพระเจ้าเสือ อีกทั้งเป็นชุมชนริมน้ำที่เคยคึกคักในอดีต เปิดเผยว่า ทำอาชีพดังกล่าวมา 14 ปีแล้ว พอถึงฤดูแล้ง แม่น้ำยมแห้งขอดก็จะออกสืบหาตำนานจากผู้สูงอายุว่า ริมน้ำจุดใดเป็นท่าเรือ แหล่งชุมชน โรงงานช่างทำทองคำ และจุดที่เป็นวังน้ำเป็นเหตุให้เรือล่ม
โดยขณะนี้แม่น้ำยมแห้งจึงค้นพบจุดดังกล่าว และได้ปักหลักใช้จอบและตะแกรงไม้ไผ่ร่อนหาสิ่งของ ซึ่งขณะนี้ได้พบทองคำวัตถุโบราณและเหรียญโบราณสมัยรัชกาลที่ 5 นอกจากนี้ยังพบพระเครื่องหลวงพ่อเงินพิมพ์ขี้ตา นำไปขายได้เงินมา 250,000 บาท และผู้ที่ซื้อได้นำไปขายต่อได้ถึง 1.5 ล้านบาท และคาดว่ายังคงมีทรัพย์สมบัติมีค่าหลงเหลืออยู่อีกมาก
ภายหลังจากที่ข่าวนี้ได้แพร่สะพัดออกไป จึงมีชาวบ้านแห่กันมาขุดหาขุมทรัพย์พระเจ้าเสือและสิ่งของที่มีตำนานเรือ กฐิน, ผ้าป่า ที่เคยบรรทุกพระเครื่องหลวงพ่อเงินล่มในวังปลากดกลางแม่น้ำยมที่แห้งขอดดังกล่าว
นางลำเภา บัวดี อายุ 87 ปี ซึ่งมีบ้านอยู่ริมแม่น้ำยม เลขที่ 102 หมู่ 8 ต.ไผ่ท่าโพธิ์ อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร เล่าว่า สมัยเป็นเด็ก ปู่ ย่า ตา ยาย เล่าให้ฟังว่า ในอดีตกองทัพต่างๆ สมัยอยุธยาและสุโขทัย รวมถึงสมัยพระเจ้าเสือซึ่งเป็นกษัตริย์ มีชาติประสูติที่ อ.โพธิ์ประทับช้าง จะเดินทางมาด้วยเรือ
เคยมีเรื่องเล่าว่า มีเรือนางสนม เสนา อำมาตย์ ได้เกิดล่ม ของมีค่าตกลงน้ำ อีกทั้งชุมชน ต.ไผ่ท่าโพธิ์ ต.วังจิก ก็ล้วนแต่เป็นตลาดที่เจริญผู้คนหนาแน่นอยู่ริมน้ำกันทั้งสิ้น มีทั้งตลาดสด, ท่าเรือ, โรงเรียน, วัด ที่ใช้การคมนาคมด้วยเรือ แต่จุดบริเวณ "วังปลากด" เป็นช่วงคุ้งน้ำลักษณะเป็นน้ำวน จึงทำให้เกิดเรือล่มเป็นประจำ และมีตำนานเล่าขานว่า เคยมีเรือของชาวบ้านที่กลับจากไปทอดกฐิน ผ้าป่า ที่วัดท้ายน้ำและวัดบางคลาน ซึ่งเป็นวัดหลวงพ่อเงิน อ.โพทะเล จ.พิจิตร ได้รับพระเครื่องเป็นของที่ระลึกกลับมา แต่มาถึงบริเวณ "วังปลากด" ก็เกิดเรือล่ม สิ่งของจึงจมสู่ก้นแม่น้ำ ส่วนจุดอื่นๆ ก็คงเป็นของตกหล่นและเรือชาวบ้านที่ล่มในแม่น้ำยมที่เคยอุดมสมบูรณ์ จนเป็นเหตุให้เหลือเศษสมบัติให้บรรดานักแสวงโชคได้พบเจอดังกล่าว
นายสำเริง จำรูญ อายุ 36 ปี หนึ่งในทีมนักล่าหาสมบัติ กล่าวว่า ปกติมีอาชีพทำนา เมื่อได้ข่าวว่าแม่น้ำยมแห้งก็ออกหาสิ่งของมีค่า ทำเช่นนี้มานานนับสิบปี เดินตามร่องน้ำยมจาก จ.พิษณุโลก มาถึง จ.พิจิตร ค่ำไหนนอนนั่น เวลาจะโชคดีบางครั้งแค่เดินลงไปในแม่น้ำก็เจอเศษสมบัติของมีค่า ยอมรับว่าในเขต จ.พิจิตร มีชุมชนริมน้ำยมที่ทำให้เจอของมีค่ามากมาย แต่เมื่อได้มาแล้วขายได้เงิน ส่วนหนึ่งก็จะเอาไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร และก่อนที่จะลงมือขุดหาสมบัติก็จะจุดธูปบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์และภูตผีปีศาจ ที่ผ่านมาจึงมีโชคกับการเป็นนักแสวงหาสมบัติดังกล่าว.
นพพร หมวกมณี รายงาน