วันนี้ เวลา 18.00 น. ณ. ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและนายรัตนศิริ วิกรามานายากา (Mr. Ratnas Wickramanayaka) นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา (Prime Minister of the Democratic Socialist Republic of Sri Lanka) ได้หารือทวิภาคีร่วมกัน ในโอกาสเดินทางมาเยือนไทย (Working Visit) ระหว่างวันที่ 29-30 มีนาคมศกนี้ โดยมีบุคคลระดับสูงของทั้งสองฝ่ายเข้าร่วมหารือ ประกอบด้วย นายนิตย์ พิบูลสงคราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนางอรนุช โอสถานนท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ สรุปสาระสำคัญของการหารือ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวแสดงความชื่นชมความสัมพันธ์ไทยและศรีลังกาที่มีมายาวนาน ก่อนการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ นับตั้งแต่ราวพุทธศตวรรษที่ 12 โดยทั้งสองฝ่ายได้เคยแลกเปลี่ยนการส่งพระภิกษุไปฟื้นฟูและเผยแพร่พุทธศาสนาระหว่างกัน และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็มีการจัดกิจกรรมทะนุบำรุงพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่อง เป็นเหตุให้พุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองในทั้งสองประเทศจนถึงปัจจุบัน สำหรับความสัมพันธ์ทวิภาคีในด้านต่างๆ นั้น ในด้านความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน ไทยมีความยินดีที่จะสนับสนุนและส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ เพื่อขยายการลงทุนโดยเฉพาะ อุตสาหกรรมประมง และการแลกเปลี่ยนการเยือนของคณะผู้แทนทางการค้า ส่วนความร่วมมือทางด้านความมั่นคงนั้น จะได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านข่าวกรองระหว่างกัน นอกจากนี้ ไทย ยังเห็นชอบต่อแนวทางการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในศรีลังกา ระหว่างรัฐบาลและกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬอีแลม (LTTEX) ด้วยแนวทางสันติ และไทยพร้อมให้ความสนับสนุนหากต้องการให้ไทยเป็นสถานที่เพื่อการเจรจาสันติภาพ
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีศรีลังกา ได้กล่าวแสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลและประชาชนไทยในไมตรีจิต และเชื่อว่าการเดินทางมาเยือนไทยครั้งนี้ จะมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการลงทุน โดยที่ศรีลังกาประสบความสำเร็จในการลงนามส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างศรีลังกาและอินเดีย และระหว่างศรีลังกาและปากีสถาน ดังนั้น นักลงทุนไทยสามารถใช้ประโยชน์จากความร่วมมือดังกล่าวเพื่อขยายการค้าและการลงทุนสู่ประเทศทั้งสองผ่านศรีลังกาได้ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีศรีลังกายังได้กล่าวแสดงความยินดีที่ไทยได้ให้ความสนับสนุนในกิจกรรมพุทธศาสนาและการธำรงรักษามรดกทางพุทธศาสนาอีกด้วย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีศรีลังกาขอเชิญนายกรัฐมนตรีเดินทางไปเยือนศรีลังกาในโอกาสที่สะดวกต่อไปด้วย
ภายหลังการหารือเสร็จสิ้น นายกรัฐมนตรีได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีศรีลังกาและคณะ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวแสดงความชื่นชมความสัมพันธ์ไทยและศรีลังกาที่มีมายาวนาน ก่อนการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ นับตั้งแต่ราวพุทธศตวรรษที่ 12 โดยทั้งสองฝ่ายได้เคยแลกเปลี่ยนการส่งพระภิกษุไปฟื้นฟูและเผยแพร่พุทธศาสนาระหว่างกัน และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็มีการจัดกิจกรรมทะนุบำรุงพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่อง เป็นเหตุให้พุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองในทั้งสองประเทศจนถึงปัจจุบัน สำหรับความสัมพันธ์ทวิภาคีในด้านต่างๆ นั้น ในด้านความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน ไทยมีความยินดีที่จะสนับสนุนและส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ เพื่อขยายการลงทุนโดยเฉพาะ อุตสาหกรรมประมง และการแลกเปลี่ยนการเยือนของคณะผู้แทนทางการค้า ส่วนความร่วมมือทางด้านความมั่นคงนั้น จะได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านข่าวกรองระหว่างกัน นอกจากนี้ ไทย ยังเห็นชอบต่อแนวทางการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในศรีลังกา ระหว่างรัฐบาลและกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬอีแลม (LTTEX) ด้วยแนวทางสันติ และไทยพร้อมให้ความสนับสนุนหากต้องการให้ไทยเป็นสถานที่เพื่อการเจรจาสันติภาพ
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีศรีลังกา ได้กล่าวแสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลและประชาชนไทยในไมตรีจิต และเชื่อว่าการเดินทางมาเยือนไทยครั้งนี้ จะมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการลงทุน โดยที่ศรีลังกาประสบความสำเร็จในการลงนามส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างศรีลังกาและอินเดีย และระหว่างศรีลังกาและปากีสถาน ดังนั้น นักลงทุนไทยสามารถใช้ประโยชน์จากความร่วมมือดังกล่าวเพื่อขยายการค้าและการลงทุนสู่ประเทศทั้งสองผ่านศรีลังกาได้ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีศรีลังกายังได้กล่าวแสดงความยินดีที่ไทยได้ให้ความสนับสนุนในกิจกรรมพุทธศาสนาและการธำรงรักษามรดกทางพุทธศาสนาอีกด้วย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีศรีลังกาขอเชิญนายกรัฐมนตรีเดินทางไปเยือนศรีลังกาในโอกาสที่สะดวกต่อไปด้วย
ภายหลังการหารือเสร็จสิ้น นายกรัฐมนตรีได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีศรีลังกาและคณะ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--