นายกรัฐมนตรีชื่นชมศาสตราจารย์ ดร. เอ็ม ดิน ซัมซูดิน ประธานองค์กรมูฮัมมาดิยาห์ ที่มีบทบาทในการช่วยเหลือสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการศึกษาของอินโดนีเซีย พร้อมขอบคุณรัฐบาลอินโดนีเซียที่สนับสนุนและเข้าใจการแก้ปัญหาภาคใต้โดยสันติวิธีของไทย
วันนี้ เวลา 14.00 ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ศาสตราจารย์ ดร. เอ็ม ดิน ซัมซูดิน (Prof. Dr. M. Din Syamsuddin) ประธานองค์กรมูฮัมมาดิยาห์และรองประธานสภาอูลามาแห่งอินโดนีเซีย เข้าเยี่ยมคารวะพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชมศาสตราจารย์ ดร. เอ็ม ดิน ซัมซูดิน ที่มีบทบาทในการช่วยเหลือสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการศึกษาของอินโดนีเซีย พร้อมได้ย้ำถึงนโยบายรัฐบาลไทยที่ส่งเสริมการประสานความร่วมมือระหว่างสถานทูตไทย ณ กรุงจาร์กาตาร์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของอินโดนีเซีย รวมถึงการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างผู้นำทางศาสนาระหว่างกันอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งประธานองค์กรมูฮัมมาดิยาห์นับเป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญ ในการแลกเปลี่ยนแนวทางในการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี ในการนี้ ดร. ดินฯกล่าวว่า องค์กรมูฮัมมาดิยาห์เป็นองค์กรที่เก่าแก่และเป็นส่วนหนึ่งของประชาสังคมอิสลาม เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในระดับประชาชนต่อประชาชน และเป็นมิติสำคัญในความสัมพันธ์ นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมมุสลิมสายกลาง ให้มีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งด้วยวิธีการพูดคุยและประนีประนอม ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการนำภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ไปสู่สันติภาพ ความก้าวหน้า และความทันสมัยอันเป็นประโยชน์ร่วมกันของภูมิภาค ระหว่างการสนทนา
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณที่รัฐบาลอินโดนีเซียที่ให้การสนับสนุนและเข้าใจไทยที่พยายามแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี และสนใจร่วมแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังได้แจ้งให้ทราบถึงการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลที่เน้นสันติวิธีและสมานฉันท์ โดยเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งหวังว่าการสนทนาและแลกเปลี่ยนการเยือนของทั้งสองฝ่าย จะช่วยส่งเสริมความเข้าใจอันดีของประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวชื่นชม โลกมุสลิมและผู้นำมุสลิมที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยในช่วงสี่เดือนที่ผ่านมามีผู้นำศาสนาหลายท่านเดินทางเยือนประเทศไทยเพื่อแสดงการสนับสนุนนโยบายสมานฉันท์ นอกจากนี้ การเยือนภาคใต้ของผู้นำมุสลิมและการส่งสัญญาณว่าศาสนาอิสลามเป็นศาสนาแห่งสันติเป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาภาคใต้ของไทย ทั้งนี้ รัฐบาลไทยปรารถนาที่จะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับอินโดนีเซียและองค์กรมูฮัมมาดิยาห์ในการต่อสู้กับความรุนแรงและการใช้ศาสนาในการแก้ไขปัญหา โดย ดร. เอ็มฯและองค์กรมูฮัมมาดิยาห์สามารถช่วยสร้างความเข้าใจกับสมาชิกขององค์กรคนอินโดนีเซียและโลกมุสลิมโดยรวม โดยไทยประสงค์ให้ความร่วมมือในการส่งเสริมการสอนศาสนาที่ถูกต้องและส่งเสริมแนวคิดมุสลิมสายกลาง ดังนั้น ในโอกาสที่ ดร. เอ็มฯจะเดินทางเยือน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะเป็นโอกาสที่จะได้มีการแบ่งปันประสบการณ์ซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนที่ผสมผสานระหว่างวิชาสามัญกับวิชาศาสนา ทั้งนี้ ทั้งฝ่ายสองฝ่ายจะได้มีโอกาสในการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนนักเรียนนักศึกษาจากทั้งสองประเทศด้วย
ท้ายที่สุด นายกรัฐมนตรีแสดงความมุ่งมั่นว่าจะแก้ไขปัญหาการเมืองของไทยต่อไปเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง ในขณะเดียวกันก็ยังพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาต่อไป
อนึ่ง ในโอกาสเดินทางเยือนไทยครั้งนี้ ประธานองค์กรมูฮัมมาดิยาห์จะได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งนับเป็นโอกาสที่จะได้รับฟังพระราชดำรัสที่เป็นประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ด้วย นอกจากนี้ ดร. ดินฯยังจะได้เดินทางเยือนจังหวัดปัตตานีเพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับข้าราชการระดับสูงของไทยที่ปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งการเยี่ยมชมการดำเนินการของโรงเรียนในจังหวัดปัตตานี เพื่อเยื่ยมชมการสอนตามหลักสูตรผสมผสานระหว่างศาสนาอิสลามกับหลักสูตรสามัญอันเป็นประโยชน์ต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 14.00 ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ศาสตราจารย์ ดร. เอ็ม ดิน ซัมซูดิน (Prof. Dr. M. Din Syamsuddin) ประธานองค์กรมูฮัมมาดิยาห์และรองประธานสภาอูลามาแห่งอินโดนีเซีย เข้าเยี่ยมคารวะพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชมศาสตราจารย์ ดร. เอ็ม ดิน ซัมซูดิน ที่มีบทบาทในการช่วยเหลือสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการศึกษาของอินโดนีเซีย พร้อมได้ย้ำถึงนโยบายรัฐบาลไทยที่ส่งเสริมการประสานความร่วมมือระหว่างสถานทูตไทย ณ กรุงจาร์กาตาร์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของอินโดนีเซีย รวมถึงการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างผู้นำทางศาสนาระหว่างกันอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งประธานองค์กรมูฮัมมาดิยาห์นับเป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญ ในการแลกเปลี่ยนแนวทางในการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี ในการนี้ ดร. ดินฯกล่าวว่า องค์กรมูฮัมมาดิยาห์เป็นองค์กรที่เก่าแก่และเป็นส่วนหนึ่งของประชาสังคมอิสลาม เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในระดับประชาชนต่อประชาชน และเป็นมิติสำคัญในความสัมพันธ์ นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมมุสลิมสายกลาง ให้มีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งด้วยวิธีการพูดคุยและประนีประนอม ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการนำภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ไปสู่สันติภาพ ความก้าวหน้า และความทันสมัยอันเป็นประโยชน์ร่วมกันของภูมิภาค ระหว่างการสนทนา
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณที่รัฐบาลอินโดนีเซียที่ให้การสนับสนุนและเข้าใจไทยที่พยายามแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี และสนใจร่วมแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังได้แจ้งให้ทราบถึงการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลที่เน้นสันติวิธีและสมานฉันท์ โดยเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งหวังว่าการสนทนาและแลกเปลี่ยนการเยือนของทั้งสองฝ่าย จะช่วยส่งเสริมความเข้าใจอันดีของประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวชื่นชม โลกมุสลิมและผู้นำมุสลิมที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยในช่วงสี่เดือนที่ผ่านมามีผู้นำศาสนาหลายท่านเดินทางเยือนประเทศไทยเพื่อแสดงการสนับสนุนนโยบายสมานฉันท์ นอกจากนี้ การเยือนภาคใต้ของผู้นำมุสลิมและการส่งสัญญาณว่าศาสนาอิสลามเป็นศาสนาแห่งสันติเป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาภาคใต้ของไทย ทั้งนี้ รัฐบาลไทยปรารถนาที่จะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับอินโดนีเซียและองค์กรมูฮัมมาดิยาห์ในการต่อสู้กับความรุนแรงและการใช้ศาสนาในการแก้ไขปัญหา โดย ดร. เอ็มฯและองค์กรมูฮัมมาดิยาห์สามารถช่วยสร้างความเข้าใจกับสมาชิกขององค์กรคนอินโดนีเซียและโลกมุสลิมโดยรวม โดยไทยประสงค์ให้ความร่วมมือในการส่งเสริมการสอนศาสนาที่ถูกต้องและส่งเสริมแนวคิดมุสลิมสายกลาง ดังนั้น ในโอกาสที่ ดร. เอ็มฯจะเดินทางเยือน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะเป็นโอกาสที่จะได้มีการแบ่งปันประสบการณ์ซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนที่ผสมผสานระหว่างวิชาสามัญกับวิชาศาสนา ทั้งนี้ ทั้งฝ่ายสองฝ่ายจะได้มีโอกาสในการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนนักเรียนนักศึกษาจากทั้งสองประเทศด้วย
ท้ายที่สุด นายกรัฐมนตรีแสดงความมุ่งมั่นว่าจะแก้ไขปัญหาการเมืองของไทยต่อไปเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง ในขณะเดียวกันก็ยังพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาต่อไป
อนึ่ง ในโอกาสเดินทางเยือนไทยครั้งนี้ ประธานองค์กรมูฮัมมาดิยาห์จะได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งนับเป็นโอกาสที่จะได้รับฟังพระราชดำรัสที่เป็นประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ด้วย นอกจากนี้ ดร. ดินฯยังจะได้เดินทางเยือนจังหวัดปัตตานีเพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับข้าราชการระดับสูงของไทยที่ปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งการเยี่ยมชมการดำเนินการของโรงเรียนในจังหวัดปัตตานี เพื่อเยื่ยมชมการสอนตามหลักสูตรผสมผสานระหว่างศาสนาอิสลามกับหลักสูตรสามัญอันเป็นประโยชน์ต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--