วันนี้ เวลา 14.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายวิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้นำคณะนิสิต นักศึกษา สถาบันอุดมศึกษาของ รัฐจำนวน 51 แห่ง สถาบันอุดมศึกษาเอกชน จำนวน 34 แห่ง และวิทยาลัยชุมชน จำนวน 7 แห่ง ที่เข้าร่วมโครงการสัมมนาผู้นำนิสิตนักศึกษา จำนวนทั้งสิ้น 119 คน ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการได้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-29 มีนาคม 2550 ณ สำนักส่งเสริมและฝึกอบรมการเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน จังหวัดนครปฐม เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เพื่อนำผลสรุปจากการสัมมนาที่เป็นเรื่องเร่งด่วนต่อการร่างรัฐธรรมนูญจำนวน 14 ข้อเสนอให้รัฐบาลได้รับทราบ
นายวิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้กล่าวรายงานว่า เพื่อสนองตอบต่อนโยบายของรัฐบาลด้านสังคม ที่มุ่งเน้นจะสร้างสังคมเข้มแข็ง คนในชาติอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกันอย่างสมานฉันท์บนพื้นฐานของคุณธรรม ด้านการเร่งรัดการปฏิรูปการศึกษา ที่ยึดคุณธรรมนำความรู้ สร้างความตระหนัก สำนึกในคุณค่าของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ความสมานฉันท์ สันติวิธี วิถีประชาธิปไตย และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกภาคส่วนประกอบกับขณะนี้กำลังมีการร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ กระทรวงศึกษาธิการจึงได้จัดโครงการสัมมนาผู้นำนิสิตนักศึกษาขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นิสิตนักศึกษาได้แสดงความคิดเห็นเพื่อเป็นเสียงสะท้อนถึงรัฐบาลและสภายกร่างรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับทิศทางอุดมศึกษาไทยในอนาคต สิทธิหน้าที่ของคนไทย ตลอดจนเพื่อให้นิสิตนักศึกษาได้แลกเปลี่ยนแนวคิด ประสบการณ์และการสร้างเครือข่ายระหว่างสถาบัน
โอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า สิ่งที่นักศึกษาได้นำข้อคิดเห็นที่จะเป็นประโยชน์ต่อการร่างรัฐธรรมนูญมามอบให้กับรัฐบาลนั้น ถือได้ว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งเพราะทำให้สังคมของเรายังมีความหวังจากคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่คาดหวังของสังคมไทยในปัจจุบัน ที่อยากจะเห็นผู้นำในทุก ๆ ด้านมีความตื่นตัว และมีการปลูกฝังกันในเรื่องของคุณธรรมนำความรู้ ที่จะสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตในอนาคต และทำให้สังคมไทยเป็นสังคมที่ยืนอยู่บนพื้นฐานของคุณธรรม เช่นเดียวกับความรู้ ถ้าทุกคนยืนอยู่บนพื้นฐานของเหตุผล และไม่ตัดสินใจด้วยอารมณ์ ก็จะทำให้ทุกคนใช้เหตุผลในการตัดสินใจในเรื่องต่างๆได้เป็นอย่าดี
การที่นิสิต นักศึกษาได้ใช้เวลา 3 วันที่ผ่านมา ร่วมกันแสดงออกถึงความปรารถนาในการมีส่วนร่วมทางการเมืองนั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง เพราะเมื่อทุกคนได้เริ่มมีส่วนร่วมในทางการเมืองตั้งแต่ในเบื้องต้นแล้ว ในอนาคตข้างหน้าย่อมจะมีโอกาสในการลงประชามติเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ไม่ใช่จบไปพร้อมกับการสัมมนา เพราะในความเป็นจริงการมีส่วนทางการเมืองย่อมไม่มีวันจบสิ้น จึงขอให้นักศึกษาทุกคนได้ตระหนักถึงสิ่งนี้ว่า เมื่อคิดอะไรแล้ว จะต้องติดตามผลความคืบหน้าด้วย โดยเฉพาะเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีคนอีกหลายล้านคนที่มีความตื่นตัวทางการเมืองและมีความคิดเหมือนกับทุกคนว่า สิ่งใดที่จะดำเนินไปในรูปแบบเดียวกันได้และอยู่ในกรอบที่ยอมรับได้ ก็ควรที่จะยอมรับในสิ่งเหล่านั้น และเมื่อรัฐธรรมนูญได้ผ่านการลงประชามติแล้วก็จะมีการเลือกตั้ง ซึ่งทุกคนคาดหวังว่าการเลือกตั้งในครั้งนี้จะเป็นไปด้วยความโปร่งใส บริสุทธิ์ ยุติธรรม และหวังว่าคงไม่มีการซื้อเสียง ขายเสียง หรือมีการใช้เงินกันอย่างกว้างขวาง
สิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีประโยชน์อะไร เพราะว่าในบั้นปลายของคนที่ลงทุน ย่อมมาถอนทุน ซึ่งเป็นวัฏจักรสืบเนื่องและวนเวียนอยู่ในวัฏจักรมาเป็นเวลานานพอสมควร การที่จะออกจากวัฏจักรได้นั้น ส่วนหนึ่งย่อมขึ้นอยู่กับทุกคนที่เป็นคลื่นลูกใหม่ เป็นความหวังของประเทศชาติ ที่จะต้องพิจารณาให้รอบคอบและสามารถนำความคิดไปสร้างความเข้าใจกับคนในครอบครัวและคนใกล้ชิด เพื่อให้เกิดความเข้าใจ และถือว่าทุกคนได้ทำประโยชน์ที่สมบูรณ์ยิ่งต่อระบอบการเมืองของประเทศชาติ เช่นเดียวกับการร่างรัฐธรรมนูญ ที่ขณะนี้อยู่ในช่วงเวลาที่เหมือนกับเรากำลังจะสร้างบ้าน สร้างถนน ถ้าทุกคนอยากจะเห็นบ้านที่เหมาะกับความเป็นอยู่ หรือเหมาะกับสภาพของความเป็นคนไทย เราจะต้องช่วยกันตั้งแต่บัดนี้
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงข้อเสนอที่นิสิตนักศึกษาได้นำมามอบให้ในวันนี้ว่า จะรีบนำไปมอบให้กับประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญภายในวันนี้ และขอให้ทุกคนได้ตระหนักถึงสิ่งที่ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการที่จะสร้างบ้าน ถึงแม้ว่าจะเป็นอิฐเพียงแค่ก้อนสองก้อน แต่ขอให้ทุกคนจงภูมิใจว่าเป็นส่วนหนึ่งของบ้านหลังใหม่ของเรา และทำอย่างไรที่เราจะมองเห็นบ้านหลังใหม่สำเร็จตามกำหนดเวลา และเป็นไปอย่างที่ทุกคนได้คาดหวังไว้
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
นายวิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้กล่าวรายงานว่า เพื่อสนองตอบต่อนโยบายของรัฐบาลด้านสังคม ที่มุ่งเน้นจะสร้างสังคมเข้มแข็ง คนในชาติอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกันอย่างสมานฉันท์บนพื้นฐานของคุณธรรม ด้านการเร่งรัดการปฏิรูปการศึกษา ที่ยึดคุณธรรมนำความรู้ สร้างความตระหนัก สำนึกในคุณค่าของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ความสมานฉันท์ สันติวิธี วิถีประชาธิปไตย และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกภาคส่วนประกอบกับขณะนี้กำลังมีการร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ กระทรวงศึกษาธิการจึงได้จัดโครงการสัมมนาผู้นำนิสิตนักศึกษาขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นิสิตนักศึกษาได้แสดงความคิดเห็นเพื่อเป็นเสียงสะท้อนถึงรัฐบาลและสภายกร่างรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับทิศทางอุดมศึกษาไทยในอนาคต สิทธิหน้าที่ของคนไทย ตลอดจนเพื่อให้นิสิตนักศึกษาได้แลกเปลี่ยนแนวคิด ประสบการณ์และการสร้างเครือข่ายระหว่างสถาบัน
โอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า สิ่งที่นักศึกษาได้นำข้อคิดเห็นที่จะเป็นประโยชน์ต่อการร่างรัฐธรรมนูญมามอบให้กับรัฐบาลนั้น ถือได้ว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งเพราะทำให้สังคมของเรายังมีความหวังจากคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่คาดหวังของสังคมไทยในปัจจุบัน ที่อยากจะเห็นผู้นำในทุก ๆ ด้านมีความตื่นตัว และมีการปลูกฝังกันในเรื่องของคุณธรรมนำความรู้ ที่จะสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตในอนาคต และทำให้สังคมไทยเป็นสังคมที่ยืนอยู่บนพื้นฐานของคุณธรรม เช่นเดียวกับความรู้ ถ้าทุกคนยืนอยู่บนพื้นฐานของเหตุผล และไม่ตัดสินใจด้วยอารมณ์ ก็จะทำให้ทุกคนใช้เหตุผลในการตัดสินใจในเรื่องต่างๆได้เป็นอย่าดี
การที่นิสิต นักศึกษาได้ใช้เวลา 3 วันที่ผ่านมา ร่วมกันแสดงออกถึงความปรารถนาในการมีส่วนร่วมทางการเมืองนั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง เพราะเมื่อทุกคนได้เริ่มมีส่วนร่วมในทางการเมืองตั้งแต่ในเบื้องต้นแล้ว ในอนาคตข้างหน้าย่อมจะมีโอกาสในการลงประชามติเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ไม่ใช่จบไปพร้อมกับการสัมมนา เพราะในความเป็นจริงการมีส่วนทางการเมืองย่อมไม่มีวันจบสิ้น จึงขอให้นักศึกษาทุกคนได้ตระหนักถึงสิ่งนี้ว่า เมื่อคิดอะไรแล้ว จะต้องติดตามผลความคืบหน้าด้วย โดยเฉพาะเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีคนอีกหลายล้านคนที่มีความตื่นตัวทางการเมืองและมีความคิดเหมือนกับทุกคนว่า สิ่งใดที่จะดำเนินไปในรูปแบบเดียวกันได้และอยู่ในกรอบที่ยอมรับได้ ก็ควรที่จะยอมรับในสิ่งเหล่านั้น และเมื่อรัฐธรรมนูญได้ผ่านการลงประชามติแล้วก็จะมีการเลือกตั้ง ซึ่งทุกคนคาดหวังว่าการเลือกตั้งในครั้งนี้จะเป็นไปด้วยความโปร่งใส บริสุทธิ์ ยุติธรรม และหวังว่าคงไม่มีการซื้อเสียง ขายเสียง หรือมีการใช้เงินกันอย่างกว้างขวาง
สิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีประโยชน์อะไร เพราะว่าในบั้นปลายของคนที่ลงทุน ย่อมมาถอนทุน ซึ่งเป็นวัฏจักรสืบเนื่องและวนเวียนอยู่ในวัฏจักรมาเป็นเวลานานพอสมควร การที่จะออกจากวัฏจักรได้นั้น ส่วนหนึ่งย่อมขึ้นอยู่กับทุกคนที่เป็นคลื่นลูกใหม่ เป็นความหวังของประเทศชาติ ที่จะต้องพิจารณาให้รอบคอบและสามารถนำความคิดไปสร้างความเข้าใจกับคนในครอบครัวและคนใกล้ชิด เพื่อให้เกิดความเข้าใจ และถือว่าทุกคนได้ทำประโยชน์ที่สมบูรณ์ยิ่งต่อระบอบการเมืองของประเทศชาติ เช่นเดียวกับการร่างรัฐธรรมนูญ ที่ขณะนี้อยู่ในช่วงเวลาที่เหมือนกับเรากำลังจะสร้างบ้าน สร้างถนน ถ้าทุกคนอยากจะเห็นบ้านที่เหมาะกับความเป็นอยู่ หรือเหมาะกับสภาพของความเป็นคนไทย เราจะต้องช่วยกันตั้งแต่บัดนี้
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงข้อเสนอที่นิสิตนักศึกษาได้นำมามอบให้ในวันนี้ว่า จะรีบนำไปมอบให้กับประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญภายในวันนี้ และขอให้ทุกคนได้ตระหนักถึงสิ่งที่ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการที่จะสร้างบ้าน ถึงแม้ว่าจะเป็นอิฐเพียงแค่ก้อนสองก้อน แต่ขอให้ทุกคนจงภูมิใจว่าเป็นส่วนหนึ่งของบ้านหลังใหม่ของเรา และทำอย่างไรที่เราจะมองเห็นบ้านหลังใหม่สำเร็จตามกำหนดเวลา และเป็นไปอย่างที่ทุกคนได้คาดหวังไว้
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--