นายกรัฐมนตรีระบุประเทศไทยได้รับเชิญเข้าร่วมการประชุม LID เป็นครั้งแรก และถือเป็นโอกาสอันดีที่ได้พบกับประเทศสมาชิก LID และผู้นำประเทศเครือจักรภพ โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มแอฟริกา ที่ในอนาคตจะต้องขยายความสัมพันธ์ให้เพิ่มมากขึ้น
วันนี้ เวลา 13.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่น เร็วกว่ากรุงเทพฯ 1 ชม) พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติลังกาวี เกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย โดยมีนายปิยวัชร นิยมฤกษ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ นายพฤทธิพงศ์ กุลทนันทน์ กงสุลใหญ่เมืองปีนัง พร้อมข้าราชการสถานเอกอัครราชทูตฯ และสถานกงสุลใหญ่ฯ ให้การต้อนรับ
จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางไปยังโรงแรม Berjaya เพื่อเข้าร่วมหารือกลุ่มย่อยระหว่างผู้นำรัฐบาลในหัวข้อ “การพัฒนาทุนมนุษย์และขีดความสามารถเพื่อขจัดความยากจน” : Poverty Eradication Through Human Capital Development and Capacity Building ณ ห้อง Mat Sirat Ballroom I โดยมีประมุขและผู้นำจากหลายประเทศเข้าร่วมด้วย อาทิ นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรเลโซโท อดีตประธานาธิบดีสาธารณรัฐโมซัมบิก และอดีตประธานาธิบดีสาธารณรัฐนามิเบีย เป็นต้น
ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปเยี่ยมสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ไทย ประจำเมืองลังกาวี โดยมี ดาโต๊ะ ชาซรีล เอสเคย์ บิน อับดุลลาห์ (Dato’ Shazryl Eskay bin Abdullah) กงสุลกิตติมศักดิ์ไทยประจำเมืองลังกาวี รอให้การต้อนรับ ซึ่งสถานกงสุลกิตติมศ้กดิ์ไทยประจำเมืองลังกาวีได้เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2548 โดยนายกรัฐมนตรีได้ปลูกต้นปลิงทะเลเป็นที่ระลึกบริเวณหน้าสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ไทยด้วย โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนท้องถิ่นและสื่อมวลชนต่างประเทศ อาทิ สำนักข่าว Bernama และ TV3 ของมาเลเซีย, The Star, สำนักข่าว Reuter, หนังสือพิมพ์ Strait Time, หนังสือพิมพ์ The Sun ฯลฯ
ผู้สื่อข่าวท้องถิ่นได้สอบถามถึงความรู้สึกของนายกรัฐมนตรีในโอกาสได้เข้าร่วมประชุม LID 2007 เป็นครั้งแรก ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ตอบว่ามีความยินดีที่ได้รับเชิญเข้าประชุมและยังเป็นโอกาสดีที่ได้รู้จักกับมิตรประเทศกำลังพัฒนามากขึ้นตลอดจนได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในเรื่องที่มีความสำคัญและมีความสนใจร่วมกันในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะให้การเสนอแนะผู้ที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาลในสมัยหน้าเข้าร่วมประชุมนี้ในการจัดครั้งต่อไปด้วย
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงความร่วมมือระหว่างไทยและมาเลเซียในการแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีตอบว่า ประเทศไทยยังคงยึดหลักความยุติธรรมและแนวทางสันติวิธีในการแก้ปัญหา โดยเน้นการพูดคุยและเข้าถึงประชาชน ครูสอนศาสนา และผู้นำชุมชน ในพื้นที่ให้มากที่สุด เพื่อสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างกัน นอกจากนี้ รัฐบาลไทยได้นำหลัก “3Es” (ได้แก่ Education, Employment, Entrepreneurship) ซึ่งเสนอโดยนายกมาเลเชียมาเป็นแนวทางหนึ่งในแก้ปัญหาความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเชื่อว่า วิถีทางที่จะแก้ปัญหาได้ดีที่สุด คือ ต้องหยุดความรุนแรงที่เกิดขึ้นให้ได้ก่อน และคาดว่าน่าจะมีการหารือและร่วมมือกับทางมาเลเซียเพิ่มเติมในเรื่องนี้กับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ระหว่างการหารือทวิภาคี Annual Consultation ในช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวท้องถิ่นตั้งคำถามต่อเนื่องว่า รัฐบาลมีแผนที่จะเจรจากับแกนนำกลุ่มผู้ก่อการร้าย หรือไม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีตอบว่า มีหน่วยงานของไทยได้รับการติดต่อมาและรัฐบาลพร้อมที่จะเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหา อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ การเจรจาดังกล่าวยังคงไม่เกิดขึ้น
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ถึงการเข้าร่วมการประชุมนานาชาติลังกาวี (Global 2007 Lankawi International Dialogue : LID) ว่า ประเทศไทยได้รับเชิญเข้าร่วมการประชุมเป็นครั้งแรก และถือเป็นโอกาสอันดีที่ได้พบกับประเทศสมาชิก LID และผู้นำประเทศเครือจักรภพ โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มแอฟริกา ที่ในอนาคตจะต้องขยายความสัมพันธ์ให้เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งข้อเสนอของไทยในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเกี่ยวกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การแก้ไขปัญหาความยากจน การศึกษา การเสริมสร้างทรัพยากรบุคคลให้มีขีดความสามารถ โดยไทยได้ใช้ทรัพยากรและวัฒนธรรมที่มีอยู่ภายในประเทศในการแข่งขันให้เท่าเทียมกับโลกาภิวัตน์ และเน้นให้มีการพัฒนาด้านอื่นๆ ให้รอบด้านมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้สามารถ หรือให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า ความรู้คู่คุณธรรม
ทั้งนี้ ในระหว่างการรับประทานอาหารกลางวัน นายกรัฐมนตรีประเทศเลโซโทได้สอบถามถึงสถานการณ์ทางการเมืองของไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงว่าขณะนี้ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ขั้นตอนการทำประชามติ เพื่อนำไปสู่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ส่วนการแก้ไขปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้มีโอกาสพูดคุยกันเนื่องจากปัญหาในภาคใต้ไม่ได้อยู่ในวาระการประชุม
จากนั้น ในตอนค่ำ นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางไปยัง Mahsuri International Exhibition Center เพื่อร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ และพิธีเปิดการประชุม Langkawi International Dialogue 2007 พร้อมกับประมุขและหัวหน้ารัฐบาลที่เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว โดยมีนายกรัฐมนตรีมาเลเซียรอให้การต้อนรับ ณ สถานที่จัดงาน และมีการแสดงทางวัฒนธรรมเพื่อเป็นการต้อนรับแขกที่มาร่วมงาน จากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซียกล่าวให้การต้อนรับก่อนการรับประทานอาหารค่ำ และนายกรัฐมนตรีมาเลเซียกล่าวสุนทรพจน์เพื่อเปิดการประชุม LID 2007 อย่างเป็นทางการ และมีพิธีมอบรางวัล Companionship Award ให้แก่นาย Joaquim Alberto Chissano อดีตประธานาธิบดีสาธารณรัฐโมซัมบิก และ ดร. San Nujoma อดีตประธานาธิบดีสาธารณรัฐนามิเบีย ด้วย
ภายหลังเสร็จสิ้นงานเลี้ยง นายกรัฐมนตรีเดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาติลังกาวี เพื่อเดินทางกลับประเทศไทยและเดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร (กองบิน6) ในเวลาประมาณ 23.45 น.
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 13.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่น เร็วกว่ากรุงเทพฯ 1 ชม) พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติลังกาวี เกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย โดยมีนายปิยวัชร นิยมฤกษ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ นายพฤทธิพงศ์ กุลทนันทน์ กงสุลใหญ่เมืองปีนัง พร้อมข้าราชการสถานเอกอัครราชทูตฯ และสถานกงสุลใหญ่ฯ ให้การต้อนรับ
จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางไปยังโรงแรม Berjaya เพื่อเข้าร่วมหารือกลุ่มย่อยระหว่างผู้นำรัฐบาลในหัวข้อ “การพัฒนาทุนมนุษย์และขีดความสามารถเพื่อขจัดความยากจน” : Poverty Eradication Through Human Capital Development and Capacity Building ณ ห้อง Mat Sirat Ballroom I โดยมีประมุขและผู้นำจากหลายประเทศเข้าร่วมด้วย อาทิ นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรเลโซโท อดีตประธานาธิบดีสาธารณรัฐโมซัมบิก และอดีตประธานาธิบดีสาธารณรัฐนามิเบีย เป็นต้น
ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปเยี่ยมสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ไทย ประจำเมืองลังกาวี โดยมี ดาโต๊ะ ชาซรีล เอสเคย์ บิน อับดุลลาห์ (Dato’ Shazryl Eskay bin Abdullah) กงสุลกิตติมศักดิ์ไทยประจำเมืองลังกาวี รอให้การต้อนรับ ซึ่งสถานกงสุลกิตติมศ้กดิ์ไทยประจำเมืองลังกาวีได้เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2548 โดยนายกรัฐมนตรีได้ปลูกต้นปลิงทะเลเป็นที่ระลึกบริเวณหน้าสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ไทยด้วย โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนท้องถิ่นและสื่อมวลชนต่างประเทศ อาทิ สำนักข่าว Bernama และ TV3 ของมาเลเซีย, The Star, สำนักข่าว Reuter, หนังสือพิมพ์ Strait Time, หนังสือพิมพ์ The Sun ฯลฯ
ผู้สื่อข่าวท้องถิ่นได้สอบถามถึงความรู้สึกของนายกรัฐมนตรีในโอกาสได้เข้าร่วมประชุม LID 2007 เป็นครั้งแรก ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ตอบว่ามีความยินดีที่ได้รับเชิญเข้าประชุมและยังเป็นโอกาสดีที่ได้รู้จักกับมิตรประเทศกำลังพัฒนามากขึ้นตลอดจนได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในเรื่องที่มีความสำคัญและมีความสนใจร่วมกันในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะให้การเสนอแนะผู้ที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาลในสมัยหน้าเข้าร่วมประชุมนี้ในการจัดครั้งต่อไปด้วย
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงความร่วมมือระหว่างไทยและมาเลเซียในการแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีตอบว่า ประเทศไทยยังคงยึดหลักความยุติธรรมและแนวทางสันติวิธีในการแก้ปัญหา โดยเน้นการพูดคุยและเข้าถึงประชาชน ครูสอนศาสนา และผู้นำชุมชน ในพื้นที่ให้มากที่สุด เพื่อสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างกัน นอกจากนี้ รัฐบาลไทยได้นำหลัก “3Es” (ได้แก่ Education, Employment, Entrepreneurship) ซึ่งเสนอโดยนายกมาเลเชียมาเป็นแนวทางหนึ่งในแก้ปัญหาความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเชื่อว่า วิถีทางที่จะแก้ปัญหาได้ดีที่สุด คือ ต้องหยุดความรุนแรงที่เกิดขึ้นให้ได้ก่อน และคาดว่าน่าจะมีการหารือและร่วมมือกับทางมาเลเซียเพิ่มเติมในเรื่องนี้กับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ระหว่างการหารือทวิภาคี Annual Consultation ในช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวท้องถิ่นตั้งคำถามต่อเนื่องว่า รัฐบาลมีแผนที่จะเจรจากับแกนนำกลุ่มผู้ก่อการร้าย หรือไม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีตอบว่า มีหน่วยงานของไทยได้รับการติดต่อมาและรัฐบาลพร้อมที่จะเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหา อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ การเจรจาดังกล่าวยังคงไม่เกิดขึ้น
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ถึงการเข้าร่วมการประชุมนานาชาติลังกาวี (Global 2007 Lankawi International Dialogue : LID) ว่า ประเทศไทยได้รับเชิญเข้าร่วมการประชุมเป็นครั้งแรก และถือเป็นโอกาสอันดีที่ได้พบกับประเทศสมาชิก LID และผู้นำประเทศเครือจักรภพ โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มแอฟริกา ที่ในอนาคตจะต้องขยายความสัมพันธ์ให้เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งข้อเสนอของไทยในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเกี่ยวกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การแก้ไขปัญหาความยากจน การศึกษา การเสริมสร้างทรัพยากรบุคคลให้มีขีดความสามารถ โดยไทยได้ใช้ทรัพยากรและวัฒนธรรมที่มีอยู่ภายในประเทศในการแข่งขันให้เท่าเทียมกับโลกาภิวัตน์ และเน้นให้มีการพัฒนาด้านอื่นๆ ให้รอบด้านมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้สามารถ หรือให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า ความรู้คู่คุณธรรม
ทั้งนี้ ในระหว่างการรับประทานอาหารกลางวัน นายกรัฐมนตรีประเทศเลโซโทได้สอบถามถึงสถานการณ์ทางการเมืองของไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงว่าขณะนี้ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ขั้นตอนการทำประชามติ เพื่อนำไปสู่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ส่วนการแก้ไขปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้มีโอกาสพูดคุยกันเนื่องจากปัญหาในภาคใต้ไม่ได้อยู่ในวาระการประชุม
จากนั้น ในตอนค่ำ นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางไปยัง Mahsuri International Exhibition Center เพื่อร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ และพิธีเปิดการประชุม Langkawi International Dialogue 2007 พร้อมกับประมุขและหัวหน้ารัฐบาลที่เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว โดยมีนายกรัฐมนตรีมาเลเซียรอให้การต้อนรับ ณ สถานที่จัดงาน และมีการแสดงทางวัฒนธรรมเพื่อเป็นการต้อนรับแขกที่มาร่วมงาน จากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซียกล่าวให้การต้อนรับก่อนการรับประทานอาหารค่ำ และนายกรัฐมนตรีมาเลเซียกล่าวสุนทรพจน์เพื่อเปิดการประชุม LID 2007 อย่างเป็นทางการ และมีพิธีมอบรางวัล Companionship Award ให้แก่นาย Joaquim Alberto Chissano อดีตประธานาธิบดีสาธารณรัฐโมซัมบิก และ ดร. San Nujoma อดีตประธานาธิบดีสาธารณรัฐนามิเบีย ด้วย
ภายหลังเสร็จสิ้นงานเลี้ยง นายกรัฐมนตรีเดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาติลังกาวี เพื่อเดินทางกลับประเทศไทยและเดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร (กองบิน6) ในเวลาประมาณ 23.45 น.
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--