แท็ก
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
สุรยุทธ์ จุลานนท์
กรมการขนส่งทางบก
กระทรวงการคลัง
Prime Minister
ทำเนียบรัฐบาล
วันนี้ เวลา 14.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลและประกาศเกียรติคุณอุตสาหกรรมดีเด่น (Prime Minister Industry Award) และรางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม (Prime Minister Best Industry Award) ประจำปี 2550 แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม รวม 19 ราย พร้อมมอบประกาศเกียรติคุณผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม 1 ราย จัดโดยกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับสถานประกอบการอุตสาหกรรมได้ตื่นตัวและยกระดับภาคธุรกิจสู่การพัฒนาในระดับสากล
นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวรายงานโดยสรุปว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้จัดงานมอบรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น (Prime Minister Industry Award) ขึ้น โดยได้ทำการรับมอบรางวัลจากนายกรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ปี 2536 เป็นต้นมา จนถึงวันนี้มีอุตสาหกรรมที่ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น จำนวนทั้งสิ้น 288 ราย และรางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม 5 ราย สำหรับการพิจารณาคัดเลือกรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น ประจำปี 2550 มีอุตสาหกรรมสมัครเข้ารับการคัดเลือกทั้ง 6 ประเภทรางวัล จำนวน 97 บริษัท โดยคณะกรรมการคัดเลือกประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา ซึ่งได้ร่วมกันพิจารณาคัดเลือกผู้ที่เห็นว่าสมควรได้รับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่นและอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม ประจำปี 2550 รวม 19 ราย พร้อมกันนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมได้มีการมอบรางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม (Prime Minister Best Industry Award) จำนวน 1 ราย ให้กับสถานประกอบการอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในทุกด้านทั้งด้านการผลิต การตลาด และการลงทุน รวมถึงเป็นการประกอบการอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ในการเพิ่มขีดความสามารถทางธุรกิจของตน โดยจะต้องเป็นผู้ที่เคยได้รับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่นมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ประเภท ตั้งแต่ พ.ศ. 2536 จนถึงปัจจุบัน และยังคงรักษาระดับมาตรฐานความดีเด่นในแต่ละด้านเอาไว้ พร้อม ๆ กับพัฒนาศักยภาพให้สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมได้ให้ความสำคัญกับกลุ่มอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม เพราะเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างแท้จริง จึงได้พิจารณาคัดเลือกผู้ประกอบการที่มีความเหมาะสมได้รับประกาศเกียรติคุณผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม จำนวน 1 ราย เพื่อเป็นกำลังใจและชมเชยในความอุตสาหะมุ่งมั่นในการพัฒนาปรับปรุงการผลิตให้มีการพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการบริหารจัดการธุรกิจจากพื้นฐานการผลิตที่ส่วนใหญ่มาจากระดับครอบครัวจนสามารถผลักดันตนเองให้ก้าวสู่การแข่งขันในระดับที่สูงขึ้น และมีแนวโน้มก้าวสู่เวทีการแข่งขันในตลาดโลกได้ในอนาคต
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบรางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม 1 ราย รางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 18 ราย ประกาศเกียรติคุณผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม 1 ราย แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมที่ได้รับการคัดเลือกให้ได้รับรางวัล จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้กล่าวสุนทรพจน์แสดงความยินดีสรุปสาระสำคัญว่า ขอชื่นชมยินดีอย่างจริงใจต่อทุกอุตสาหกรรมที่ได้รับรางวัลอันมีเกียรติ ซึ่งเป็นกำลังใจอันสำคัญส่วนหนึ่งที่ส่งเสริมและสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมของไทยดำเนินกิจการมาด้วยความเจริญก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง รัฐบาลได้กำหนดนโยบายด้านการพัฒนาประเทศและนโยบายด้านเศรษฐกิจใหม่ที่ยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมากขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งเน้นการสร้างความสมดุล การสร้างฐานเศรษฐกิจที่มั่นคงยั่งยืน และความสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 ที่ได้วางกรอบทิศทางการพัฒนาประเทศ โดยให้ความสำคัญกับเป้าหมายการพัฒนาด้วยการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางในการบริหารและการพัฒนา เนื่องจากนโยบายการพัฒนาประเทศที่ผ่านมาได้มุ่งเน้นการพัฒนาด้านเศรษฐกิจมากเกินไป ก่อให้เกิดความไม่สมดุลในเชิงโครงสร้างและเกิดปัญหาทางสังคมหลายประการ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีความเชื่อมั่นว่า นโยบายใหม่ที่กล่าวมานี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมและภาคเศรษฐกิจสังคมอื่นๆ แต่ในระยะยาวกลับจะทำให้ทุกภาคส่วนดำเนินต่อไปด้วยความรอบคอบรัดกุม สมเหตุสมผล และมีความมั่นคงแข็งแรงมากยิ่งขึ้น
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สำหรับในส่วนของภาคประชาชนนั้น รัฐบาลได้วางนโยบายส่งเสริมคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนให้อยู่ดีมีสุข โดยเน้นการพึ่งพาตนเองและการอยู่ร่วมกันด้วยความสมานฉันท์บนพื้นฐานของคุณธรรม ความรู้ และความพอเพียงด้วย โดยแผนงานภายใต้ยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขและโครงการพัฒนาหมู่บ้านชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอพียง ซึ่งเน้นการพัฒนาคนและชุมชนอย่างองค์รวมนี้ ได้ครอบคลุมในมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม และการฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปพร้อม ๆ กัน รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 10,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานในปี 2550 นี้ด้วยแล้ว ซึ่งจะทำให้การขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติดำเนินไปอย่างเป็นรูปธรรม สามารถเข้าถึงชุมชนและเกิดผลสำเร็จโดยเร็ว
“ที่กล่าวมาแล้วนั้นก็เพื่อเน้นย้ำว่าทิศทางใหม่ของการพัฒนาประเทศ ทำให้ทุกภาคการผลิตรวมทั้งภาคอุตสาหกรรมจำเป็นต้องปรับตัวอย่างสอดคล้องและต้องร่วมมือกันให้มากขึ้น และการจะทำเช่นนั้นได้ผู้ประกอบการทั้งหลายนอกจากจะต้องเข้าใจและมองเห็นตรงกันในเจตนารมณ์ที่ดีของรัฐบาล รวมทั้งเห็นประโยชนที่แท้จริงของการดำเนินงานทุกด้านอย่างระมัดระวังแล้ว ยังต้องคำนึงถึงความสำคัญของการสร้างความมั่นคงให้กับประชาชนในระดับล่างซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศด้วย เพราะความมั่นคงของคนเหล่านี้คือความมั่นคงของชาติและเป็นความเข้มแข็งของคนไทยในภาพรวมนั่นเอง อย่างไรก็ตาม ภาคอุตสาหกรรมยังคงเป็นภาคการผลิตที่สำคัญของไทยและอนาคตของอุตสาหกรรมไทยภายใต้นโยบายและมาตรการต่าง ๆ จะไม่ส่งผลกระทบด้านลบต่อผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอย่างแน่นอน ” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความหวังว่าผู้ประกอบการและภาครัฐจะร่วมมือกันทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศดำเนินไปสู่เป้าหมาย คือความมั่นคงอย่างพอเพียงและสมดุล เกิดประโยชน์ทั้งต่อผู้ประกอบการเอง ผู้ใช้แรงงาน หน่วยงานภาครัฐ และพี่น้องประชาชนโดยรวมต่อไป และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมจะดำรงรักษาความเข้มแข็งของกิจการและความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ทุกด้านต่อไป เพื่อสร้างความพร้อมให้แก่ภาคอุตสาหกรรมไทยในการก้าวไปสู่เวทีการแข่งขันของโลกเสรีทางการค้า
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณผู้ประกอบการอุตสาหกรรมทุกคนที่เป็นแรงสำคัญทำให้เกิดงานในวันนี้ ซึ่งรางวัลที่ทุกอุตสาหกรรมได้รับ ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ความสำเร็จและความภาคภูมิใจของทุกคนเท่านั้น แต่ยังถือว่าเป็นความสำเร็จของประเทศไทยที่มีองค์กรในระดับแนวหน้าและได้รับการยอมรับในด้านคุณภาพและมาตรฐานที่ดีอีกด้วย ทั้งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกอุตสาหกรรมจะเป็นแบบอย่างในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมไทยให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป
ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ถ่ายภาพร่วมกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมที่ได้รับรางวัลในวันนี้ ก่อนเดินชมนิทรรศการที่จัดแสดงบริเวณโถงกลาง ตึกสันติไมตรี
สำหรับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่นและอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม ประจำปี 2550 จำนวน 19 บริษัท รวม 20 ราย ประกอบด้วย รางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม (Prime Minister Best Industry Award) 1 ราย ได้แก่ บริษัทซันโย เซมิคอนดัคเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น (Prime Minister Industry Award) จำนวน 18 ราย คือ 1. ประเภทการเพิ่มผลผลิต 1 ราย 2. ประเภทการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม 2 ราย 3. ประเภทการบริหารความปลอดภัย 2 ราย 4. ประเภทการบริหารงานคุณภาพ 5 ราย 5. ประเภทการจัดการพลังงาน 4 ราย 6. ประเภทการบริหารอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม 4 ราย และประกาศเกียรติคุณผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม 1 ราย
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวรายงานโดยสรุปว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้จัดงานมอบรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น (Prime Minister Industry Award) ขึ้น โดยได้ทำการรับมอบรางวัลจากนายกรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ปี 2536 เป็นต้นมา จนถึงวันนี้มีอุตสาหกรรมที่ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น จำนวนทั้งสิ้น 288 ราย และรางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม 5 ราย สำหรับการพิจารณาคัดเลือกรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น ประจำปี 2550 มีอุตสาหกรรมสมัครเข้ารับการคัดเลือกทั้ง 6 ประเภทรางวัล จำนวน 97 บริษัท โดยคณะกรรมการคัดเลือกประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา ซึ่งได้ร่วมกันพิจารณาคัดเลือกผู้ที่เห็นว่าสมควรได้รับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่นและอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม ประจำปี 2550 รวม 19 ราย พร้อมกันนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมได้มีการมอบรางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม (Prime Minister Best Industry Award) จำนวน 1 ราย ให้กับสถานประกอบการอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในทุกด้านทั้งด้านการผลิต การตลาด และการลงทุน รวมถึงเป็นการประกอบการอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ในการเพิ่มขีดความสามารถทางธุรกิจของตน โดยจะต้องเป็นผู้ที่เคยได้รับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่นมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ประเภท ตั้งแต่ พ.ศ. 2536 จนถึงปัจจุบัน และยังคงรักษาระดับมาตรฐานความดีเด่นในแต่ละด้านเอาไว้ พร้อม ๆ กับพัฒนาศักยภาพให้สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมได้ให้ความสำคัญกับกลุ่มอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม เพราะเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างแท้จริง จึงได้พิจารณาคัดเลือกผู้ประกอบการที่มีความเหมาะสมได้รับประกาศเกียรติคุณผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม จำนวน 1 ราย เพื่อเป็นกำลังใจและชมเชยในความอุตสาหะมุ่งมั่นในการพัฒนาปรับปรุงการผลิตให้มีการพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการบริหารจัดการธุรกิจจากพื้นฐานการผลิตที่ส่วนใหญ่มาจากระดับครอบครัวจนสามารถผลักดันตนเองให้ก้าวสู่การแข่งขันในระดับที่สูงขึ้น และมีแนวโน้มก้าวสู่เวทีการแข่งขันในตลาดโลกได้ในอนาคต
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบรางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม 1 ราย รางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 18 ราย ประกาศเกียรติคุณผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม 1 ราย แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมที่ได้รับการคัดเลือกให้ได้รับรางวัล จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้กล่าวสุนทรพจน์แสดงความยินดีสรุปสาระสำคัญว่า ขอชื่นชมยินดีอย่างจริงใจต่อทุกอุตสาหกรรมที่ได้รับรางวัลอันมีเกียรติ ซึ่งเป็นกำลังใจอันสำคัญส่วนหนึ่งที่ส่งเสริมและสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมของไทยดำเนินกิจการมาด้วยความเจริญก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง รัฐบาลได้กำหนดนโยบายด้านการพัฒนาประเทศและนโยบายด้านเศรษฐกิจใหม่ที่ยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมากขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งเน้นการสร้างความสมดุล การสร้างฐานเศรษฐกิจที่มั่นคงยั่งยืน และความสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 ที่ได้วางกรอบทิศทางการพัฒนาประเทศ โดยให้ความสำคัญกับเป้าหมายการพัฒนาด้วยการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางในการบริหารและการพัฒนา เนื่องจากนโยบายการพัฒนาประเทศที่ผ่านมาได้มุ่งเน้นการพัฒนาด้านเศรษฐกิจมากเกินไป ก่อให้เกิดความไม่สมดุลในเชิงโครงสร้างและเกิดปัญหาทางสังคมหลายประการ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีความเชื่อมั่นว่า นโยบายใหม่ที่กล่าวมานี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมและภาคเศรษฐกิจสังคมอื่นๆ แต่ในระยะยาวกลับจะทำให้ทุกภาคส่วนดำเนินต่อไปด้วยความรอบคอบรัดกุม สมเหตุสมผล และมีความมั่นคงแข็งแรงมากยิ่งขึ้น
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สำหรับในส่วนของภาคประชาชนนั้น รัฐบาลได้วางนโยบายส่งเสริมคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนให้อยู่ดีมีสุข โดยเน้นการพึ่งพาตนเองและการอยู่ร่วมกันด้วยความสมานฉันท์บนพื้นฐานของคุณธรรม ความรู้ และความพอเพียงด้วย โดยแผนงานภายใต้ยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขและโครงการพัฒนาหมู่บ้านชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอพียง ซึ่งเน้นการพัฒนาคนและชุมชนอย่างองค์รวมนี้ ได้ครอบคลุมในมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม และการฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปพร้อม ๆ กัน รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 10,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานในปี 2550 นี้ด้วยแล้ว ซึ่งจะทำให้การขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติดำเนินไปอย่างเป็นรูปธรรม สามารถเข้าถึงชุมชนและเกิดผลสำเร็จโดยเร็ว
“ที่กล่าวมาแล้วนั้นก็เพื่อเน้นย้ำว่าทิศทางใหม่ของการพัฒนาประเทศ ทำให้ทุกภาคการผลิตรวมทั้งภาคอุตสาหกรรมจำเป็นต้องปรับตัวอย่างสอดคล้องและต้องร่วมมือกันให้มากขึ้น และการจะทำเช่นนั้นได้ผู้ประกอบการทั้งหลายนอกจากจะต้องเข้าใจและมองเห็นตรงกันในเจตนารมณ์ที่ดีของรัฐบาล รวมทั้งเห็นประโยชนที่แท้จริงของการดำเนินงานทุกด้านอย่างระมัดระวังแล้ว ยังต้องคำนึงถึงความสำคัญของการสร้างความมั่นคงให้กับประชาชนในระดับล่างซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศด้วย เพราะความมั่นคงของคนเหล่านี้คือความมั่นคงของชาติและเป็นความเข้มแข็งของคนไทยในภาพรวมนั่นเอง อย่างไรก็ตาม ภาคอุตสาหกรรมยังคงเป็นภาคการผลิตที่สำคัญของไทยและอนาคตของอุตสาหกรรมไทยภายใต้นโยบายและมาตรการต่าง ๆ จะไม่ส่งผลกระทบด้านลบต่อผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอย่างแน่นอน ” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความหวังว่าผู้ประกอบการและภาครัฐจะร่วมมือกันทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศดำเนินไปสู่เป้าหมาย คือความมั่นคงอย่างพอเพียงและสมดุล เกิดประโยชน์ทั้งต่อผู้ประกอบการเอง ผู้ใช้แรงงาน หน่วยงานภาครัฐ และพี่น้องประชาชนโดยรวมต่อไป และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมจะดำรงรักษาความเข้มแข็งของกิจการและความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ทุกด้านต่อไป เพื่อสร้างความพร้อมให้แก่ภาคอุตสาหกรรมไทยในการก้าวไปสู่เวทีการแข่งขันของโลกเสรีทางการค้า
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณผู้ประกอบการอุตสาหกรรมทุกคนที่เป็นแรงสำคัญทำให้เกิดงานในวันนี้ ซึ่งรางวัลที่ทุกอุตสาหกรรมได้รับ ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ความสำเร็จและความภาคภูมิใจของทุกคนเท่านั้น แต่ยังถือว่าเป็นความสำเร็จของประเทศไทยที่มีองค์กรในระดับแนวหน้าและได้รับการยอมรับในด้านคุณภาพและมาตรฐานที่ดีอีกด้วย ทั้งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกอุตสาหกรรมจะเป็นแบบอย่างในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมไทยให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป
ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ถ่ายภาพร่วมกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมที่ได้รับรางวัลในวันนี้ ก่อนเดินชมนิทรรศการที่จัดแสดงบริเวณโถงกลาง ตึกสันติไมตรี
สำหรับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่นและอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม ประจำปี 2550 จำนวน 19 บริษัท รวม 20 ราย ประกอบด้วย รางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม (Prime Minister Best Industry Award) 1 ราย ได้แก่ บริษัทซันโย เซมิคอนดัคเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น (Prime Minister Industry Award) จำนวน 18 ราย คือ 1. ประเภทการเพิ่มผลผลิต 1 ราย 2. ประเภทการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม 2 ราย 3. ประเภทการบริหารความปลอดภัย 2 ราย 4. ประเภทการบริหารงานคุณภาพ 5 ราย 5. ประเภทการจัดการพลังงาน 4 ราย 6. ประเภทการบริหารอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม 4 ราย และประกาศเกียรติคุณผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม 1 ราย
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--