วันนี้ เวลา 10.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีประกาศสดุดีเกียรติคุณผู้บริหารราชการพลเรือนดีเด่นประจำปี 2548-2549 และมอบเหรียญสดุดีเกียรติคุณ “ครุฑทองคำ” ซึ่งสมาคมข้าราชการพลเรือนแห่งประเทศไทยจัดขึ้น เพื่อประกาศสดุดีเกียรติคุณผู้บริหาราชการพลเรือนดีเด่น จำนวน 9 คน ดังนี้ นายกฤษณ์ กาญจนกุญชร ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ นายบุณยสิทธิ์ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา น.ส. สุพัตรา ธนเสนีวัฒน์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ศาสตราจารย์ ดร. สุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายสุธี มากบุญ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี นายสุวิทย์ สิมะสกุล เอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว นายแพทย์ ม.ล. สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต นายสมศักดิ์ โพธิสัตย์ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี และ น.ส. อรจิต สิงคาลวณิช อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
นายจาดุร อภิชาตบุตร อุปนายกฯ รักษาการนายกสมาคมข้าราชการพลเรือนแห่งประเทศไทย กล่าวรายงานว่า สมาคมข้าราชการพลเรือนแห่งประเทศไทยได้จัดให้มีโครงการประกาศเกียรติคุณผู้บริหารราชการพลเรือนดีเด่นทุก 2 ปี เพื่อมอบเหรียญครุฑทองคำและประกาศเกียรติคุณยกย่องให้เป็นที่ประจักษ์แก่สังคม อันจะเป็นแบบอย่างที่ดีที่ข้าราชการจะได้ประพฤติปฏิบัติตาม โดยได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2529 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีข้าราชการพลเรือนได้รับประกาศเกียรติคุณรวม 68 คน
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวมีเป้าหมายสำคัญที่จะทำให้ข้าราชการทำงานด้วยความโปร่งใส ประหยัด มีประสิทธิภาพ ยึดมั่นในความถูกต้องชอบธรรม รักษาเกียรติและศักดิ์ศรีที่ได้มาด้วยการกระทำคุณงามความดี รวมทั้งส่งเสริมข้าราชการที่ดีมีความเสียสละ ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต อุทิศตนให้กับงานในหน้าที่ มีจิตสำนึกที่จะปกป้องผลประโยชน์ของแผ่นดิน มีผลงานดีเด่นเป็นที่ยอมรับ และได้รับการยกย่องนับถือจากสังคม
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีที่ได้มาเป็นประธานในพิธีมอบรางวัล “ครุฑทองคำ” ให้แก่ผู้บริหารราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี 2548-2549 ที่สมาคมข้าราชการพลเรือนแห่งประเทศไทยจัดขึ้นต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 20 แล้ว เนื่องจากโครงการประกาศเกียรติคุณผู้บริหารราชการพลเรือนดีเด่นเป็นโครงการที่ส่งเสริมขวัญกำลังใจให้แก่ผู้บริหารราชการพลเรือนที่มีความประพฤติ ปฏิบัติตน และปฏิบัติงานด้วยความมีวิริยอุตสาหะตามหลักทศพิธราชธรรมและหลักคุณธรรม ขณะเดียวกันระบบราชการก็ได้ต้นแบบที่ดีให้ข้าราชการทั่วไปได้ยึดถือและปฏิบัติตาม ดังนั้น โครงการดังกล่าวจึงเป็นกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ทั้งต่อข้าราชการ ต่อส่วนราชการ และต่อประเทศชาติโดยส่วนรวม
บ้านเมืองของเราในขณะนี้ต้องการความร่วมมือร่วมใจกันทุกฝ่าย เพื่อขับเคลื่อนพัฒนาไปสู่ความเป็นสังคมคุณธรรม สมานฉันท์ และมั่นคงปลอดภัย ดังนั้น การทำงานของข้าราชการในฐานะกลไกสำคัญในการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลสำเร็จ จึงต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจ ความทุ่มเทเสียสละ และอุทิศตนมากยิ่งกว่าในเวลาปกติ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาทุกด้านดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และทันต่อเหตุการณ์ ฉะนั้น ผู้บริหารของทุกส่วนราชการจะต้องประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่างที่ดี ใช้ความรู้ความสามารถให้เกิดประโยชน์ต่อการทำงานเพื่อส่วนรวม รักษาคุณธรรมจริยธรรมให้เข้มแข็ง แปลงวิกฤติให้เป็นโอกาส และนำประสบการณ์มาเป็นบทเรียนเพื่อพัฒนาการทำงานให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งนำผู้ใต้บังคับบัญชาให้ช่วยกันทำงานด้วยความมุ่งมั่น เสียสละและอดทน ร่วมกันสร้างสรรค์สังคมให้เข้มแข็งและมีความมั่นคงสืบไป
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ถ่ายภาพร่วมกับผู้บริหารราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี 2548-2549 และผู้บริหารสมาคมข้าราชการพลเรือนแห่งประเทศไทย
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
นายจาดุร อภิชาตบุตร อุปนายกฯ รักษาการนายกสมาคมข้าราชการพลเรือนแห่งประเทศไทย กล่าวรายงานว่า สมาคมข้าราชการพลเรือนแห่งประเทศไทยได้จัดให้มีโครงการประกาศเกียรติคุณผู้บริหารราชการพลเรือนดีเด่นทุก 2 ปี เพื่อมอบเหรียญครุฑทองคำและประกาศเกียรติคุณยกย่องให้เป็นที่ประจักษ์แก่สังคม อันจะเป็นแบบอย่างที่ดีที่ข้าราชการจะได้ประพฤติปฏิบัติตาม โดยได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2529 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีข้าราชการพลเรือนได้รับประกาศเกียรติคุณรวม 68 คน
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวมีเป้าหมายสำคัญที่จะทำให้ข้าราชการทำงานด้วยความโปร่งใส ประหยัด มีประสิทธิภาพ ยึดมั่นในความถูกต้องชอบธรรม รักษาเกียรติและศักดิ์ศรีที่ได้มาด้วยการกระทำคุณงามความดี รวมทั้งส่งเสริมข้าราชการที่ดีมีความเสียสละ ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต อุทิศตนให้กับงานในหน้าที่ มีจิตสำนึกที่จะปกป้องผลประโยชน์ของแผ่นดิน มีผลงานดีเด่นเป็นที่ยอมรับ และได้รับการยกย่องนับถือจากสังคม
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีที่ได้มาเป็นประธานในพิธีมอบรางวัล “ครุฑทองคำ” ให้แก่ผู้บริหารราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี 2548-2549 ที่สมาคมข้าราชการพลเรือนแห่งประเทศไทยจัดขึ้นต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 20 แล้ว เนื่องจากโครงการประกาศเกียรติคุณผู้บริหารราชการพลเรือนดีเด่นเป็นโครงการที่ส่งเสริมขวัญกำลังใจให้แก่ผู้บริหารราชการพลเรือนที่มีความประพฤติ ปฏิบัติตน และปฏิบัติงานด้วยความมีวิริยอุตสาหะตามหลักทศพิธราชธรรมและหลักคุณธรรม ขณะเดียวกันระบบราชการก็ได้ต้นแบบที่ดีให้ข้าราชการทั่วไปได้ยึดถือและปฏิบัติตาม ดังนั้น โครงการดังกล่าวจึงเป็นกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ทั้งต่อข้าราชการ ต่อส่วนราชการ และต่อประเทศชาติโดยส่วนรวม
บ้านเมืองของเราในขณะนี้ต้องการความร่วมมือร่วมใจกันทุกฝ่าย เพื่อขับเคลื่อนพัฒนาไปสู่ความเป็นสังคมคุณธรรม สมานฉันท์ และมั่นคงปลอดภัย ดังนั้น การทำงานของข้าราชการในฐานะกลไกสำคัญในการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลสำเร็จ จึงต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจ ความทุ่มเทเสียสละ และอุทิศตนมากยิ่งกว่าในเวลาปกติ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาทุกด้านดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และทันต่อเหตุการณ์ ฉะนั้น ผู้บริหารของทุกส่วนราชการจะต้องประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่างที่ดี ใช้ความรู้ความสามารถให้เกิดประโยชน์ต่อการทำงานเพื่อส่วนรวม รักษาคุณธรรมจริยธรรมให้เข้มแข็ง แปลงวิกฤติให้เป็นโอกาส และนำประสบการณ์มาเป็นบทเรียนเพื่อพัฒนาการทำงานให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งนำผู้ใต้บังคับบัญชาให้ช่วยกันทำงานด้วยความมุ่งมั่น เสียสละและอดทน ร่วมกันสร้างสรรค์สังคมให้เข้มแข็งและมีความมั่นคงสืบไป
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ถ่ายภาพร่วมกับผู้บริหารราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี 2548-2549 และผู้บริหารสมาคมข้าราชการพลเรือนแห่งประเทศไทย
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--