วันนี้ เวลา 11.25 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาเคลื่อนไหว และมีการจ้างบริษัท ล็อบบี้ยิสต์ รวมทั้งที่มีสื่อต่างประเทศมาโจมตีประเทศไทยในขณะนี้ ว่า ทางรัฐบาลได้ติดตามความเคลื่อนไหวและจะมีการตอบโต้อย่างไรหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลได้ติดตามโดยจะทำในส่วนที่เกี่ยวข้อง ในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ กระทรวงการต่างประเทศจำเป็นจะต้องดำเนินการ ซึ่งคำว่า”จำเป็น” หมายถึงว่า ในการประชาสัมพันธ์ของบริษัทซึ่งอาจจะรับจ้างดำเนินการเหล่านั้นได้เผยแพร่ข้อความ หรือเรื่องราวที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับประเทศไทยอยู่ในสหรัฐอเมริกา เราจำเป็นที่จะต้องชี้แจงในส่วนนี้ และจะต้องมีช่องทาง จะต้องมีความรวดเร็ว จึงจำเป็นที่จะต้องจ้างบริษัทที่ทำประชาสัมพันธ์
ส่วนในเรื่องของกรณีที่ไทยถูกสหรัฐอเมริกาลดระดับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา จากระดับเดิมที่อยู่ในบัญชีจับตาเป็นบัญชีจับตาเป็นพิเศษ (Priority Watch List หรือ PWL) นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ ทำแผนปฏิบัติการร่วมกับสถานทูตสหรัฐฯ เพื่อที่จะดำเนินการตามข้อตกลงและวิธีการ จะมีการทำงานร่วมกันเพื่อให้การปฏิบัติของเราสอดคล้องและเป็นไปตามข้อตกลง และสามารถที่จะลดระดับลงมาสู่ระดับที่ต่ำสุด คือ อยู่ใน Priority List หรืออยู่ในระดับที่ต่ำลงไปอีก คือ ตัดคำว่าลำดับความเร่งด่วน ออกไปให้เหลือเพียง Watch List ในโอกาสหน้าคงจะต้องเป็นเรื่องที่มีแผนงานที่จะต้องทำต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาทางการเมือง เพราะมีกลุ่มธุรกิจเข้ามากดดันด้วย รัฐบาลจะคุยกับทางรัฐบาลสหรัฐฯ โดยตรงหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในส่วนของรัฐบาล ได้มีการดำเนินการในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศ และได้มีโอกาสพูดคุยกับเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ว่า เราจะทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ซึ่งอาจจะมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
ต่อข้อถามว่า รัฐบาลได้ตรวจสอบในเชิงลึกหรือไม่ ว่ากรณีที่สหรัฐฯ เปลี่ยนสถานะประเทศไทยในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณฯ หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เท่าที่ได้รับข้อมูลจากเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย เป็นเรื่องที่เราคงจะต้องร่วมมือในด้านของการแก้ปัญหาละเมิดลิขสิทธิ์อย่างจริงจัง ซึ่งถ้าทำได้ตามที่เป็นข้อตกลงแล้ว ส่วนอื่นก็ไม่น่ามีอิทธิพล ถ้าเราทำด้วยความโปร่งใสในทุก ๆ เรื่องแล้ว คงไม่มีปัญหาอะไร ส่วนที่ยังมีปัญหาอยู่นั้นเราคงมีข้อบกพร่องจริง ๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูเหมือนแนวทางการเจรจาของกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงพาณิชย์ เดินไปคนละแนว นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เราเจรจาเหมือนกัน ทั้งนี้ การใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยา (ซีแอล) เราทำเฉพาะยาที่มีความจำเป็นตัวเดียวในขณะนี้ก็คือ ยารักษาโรคเอดส์ ส่วนอื่นยังไม่ได้ดำเนินการ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ก็มีความเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะกรมทรัพย์สินทางปัญญา อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงพาณิชย์ ที่จะต้องดูแลไม่ให้มีการละเมิดลิขสิทธิ์ หรือละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของคนอื่น เป็นเรื่องที่เราจะต้องทำให้เกิดความโปร่งใส ให้เกิดความชัดเจน ส่วนเรื่องสิทธิบัตรยา ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะเดินทางไปชี้แจงทำความเข้าใจที่นิวยอร์ก และวอชิงตัน ดีซี ประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายให้ นายแพทย์วิชัย โชควิวัฒน์ ประธานคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม ไปลงนามความตกลงกับมูลนิธิคลินตัน ในการจัดซื้อยารวม ซึ่งเป็นวิธีการที่เราพยายามที่จะให้ได้มาซึ่งยาที่มีความจำเป็นในราคาที่ไม่แพงนัก เพื่อใช้ประโยชน์ในการรักษาคนไข้ของเราเอง
“ทุกอย่างเราพยายามที่จะหาทางแก้ไข หาทางออกในลักษณะที่ประนีประนอม ลักษณะที่มีความสมดุล สิ่งใดที่เป็นความบกพร่องของเรา เราจะแก้ไข สิ่งใดที่ไม่ได้เป็นความบกพร่อง ก็เป็นสิ่งเราจะดำเนินการตามหลักมนุษยธรรม” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ต่อข้อถามว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณฯ เข้าพบอดีตบุคคลสำคัญและรัฐมนตรีหลายคนของสหรัฐฯ ยืนยันได้หรือไม่ว่าไม่มีการเชื่อมโยงกับปัญหาที่เกิดขึ้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าในฐานะที่เป็นผู้นำฝ่ายบริหาร คงจะไม่สามารถไประบุได้ว่า ถ้าคุณไปพบกับคนโน้นแล้ว คุณจะต้องคิดไม่ดี ผมพูดไม่ได้ เพราะเราไม่มีอะไรที่เป็นหลักฐาน ถ้าผมไปพบกับใครคนใดคนหนึ่งแล้วบอกว่าผมจะคิดจะมีข้อตกลงลับเป็นพิเศษอะไรอย่างนี้ก็พูดได้ แต่ไม่มีหลักฐาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองเรื่องการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณฯ ในช่วงนี้อย่างไร เพราะมีการเคลื่อนไหวหลายส่วนทั้งเรื่องการซื้อสโมสรฟุตบอล การเป็นนายกสมาคมกอล์ฟ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นสิ่งที่เป็นสิทธิ เพราะท่านมีเงินอยู่แล้ว เป็นสิทธิของท่านที่จะใช้เงินของท่านเอง เราไม่สามารถจะไปละเมิดสิทธิส่วนบุคคลได้
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
ส่วนในเรื่องของกรณีที่ไทยถูกสหรัฐอเมริกาลดระดับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา จากระดับเดิมที่อยู่ในบัญชีจับตาเป็นบัญชีจับตาเป็นพิเศษ (Priority Watch List หรือ PWL) นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ ทำแผนปฏิบัติการร่วมกับสถานทูตสหรัฐฯ เพื่อที่จะดำเนินการตามข้อตกลงและวิธีการ จะมีการทำงานร่วมกันเพื่อให้การปฏิบัติของเราสอดคล้องและเป็นไปตามข้อตกลง และสามารถที่จะลดระดับลงมาสู่ระดับที่ต่ำสุด คือ อยู่ใน Priority List หรืออยู่ในระดับที่ต่ำลงไปอีก คือ ตัดคำว่าลำดับความเร่งด่วน ออกไปให้เหลือเพียง Watch List ในโอกาสหน้าคงจะต้องเป็นเรื่องที่มีแผนงานที่จะต้องทำต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาทางการเมือง เพราะมีกลุ่มธุรกิจเข้ามากดดันด้วย รัฐบาลจะคุยกับทางรัฐบาลสหรัฐฯ โดยตรงหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในส่วนของรัฐบาล ได้มีการดำเนินการในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศ และได้มีโอกาสพูดคุยกับเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ว่า เราจะทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ซึ่งอาจจะมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
ต่อข้อถามว่า รัฐบาลได้ตรวจสอบในเชิงลึกหรือไม่ ว่ากรณีที่สหรัฐฯ เปลี่ยนสถานะประเทศไทยในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณฯ หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เท่าที่ได้รับข้อมูลจากเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย เป็นเรื่องที่เราคงจะต้องร่วมมือในด้านของการแก้ปัญหาละเมิดลิขสิทธิ์อย่างจริงจัง ซึ่งถ้าทำได้ตามที่เป็นข้อตกลงแล้ว ส่วนอื่นก็ไม่น่ามีอิทธิพล ถ้าเราทำด้วยความโปร่งใสในทุก ๆ เรื่องแล้ว คงไม่มีปัญหาอะไร ส่วนที่ยังมีปัญหาอยู่นั้นเราคงมีข้อบกพร่องจริง ๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูเหมือนแนวทางการเจรจาของกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงพาณิชย์ เดินไปคนละแนว นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เราเจรจาเหมือนกัน ทั้งนี้ การใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยา (ซีแอล) เราทำเฉพาะยาที่มีความจำเป็นตัวเดียวในขณะนี้ก็คือ ยารักษาโรคเอดส์ ส่วนอื่นยังไม่ได้ดำเนินการ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ก็มีความเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะกรมทรัพย์สินทางปัญญา อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงพาณิชย์ ที่จะต้องดูแลไม่ให้มีการละเมิดลิขสิทธิ์ หรือละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของคนอื่น เป็นเรื่องที่เราจะต้องทำให้เกิดความโปร่งใส ให้เกิดความชัดเจน ส่วนเรื่องสิทธิบัตรยา ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะเดินทางไปชี้แจงทำความเข้าใจที่นิวยอร์ก และวอชิงตัน ดีซี ประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายให้ นายแพทย์วิชัย โชควิวัฒน์ ประธานคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม ไปลงนามความตกลงกับมูลนิธิคลินตัน ในการจัดซื้อยารวม ซึ่งเป็นวิธีการที่เราพยายามที่จะให้ได้มาซึ่งยาที่มีความจำเป็นในราคาที่ไม่แพงนัก เพื่อใช้ประโยชน์ในการรักษาคนไข้ของเราเอง
“ทุกอย่างเราพยายามที่จะหาทางแก้ไข หาทางออกในลักษณะที่ประนีประนอม ลักษณะที่มีความสมดุล สิ่งใดที่เป็นความบกพร่องของเรา เราจะแก้ไข สิ่งใดที่ไม่ได้เป็นความบกพร่อง ก็เป็นสิ่งเราจะดำเนินการตามหลักมนุษยธรรม” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ต่อข้อถามว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณฯ เข้าพบอดีตบุคคลสำคัญและรัฐมนตรีหลายคนของสหรัฐฯ ยืนยันได้หรือไม่ว่าไม่มีการเชื่อมโยงกับปัญหาที่เกิดขึ้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าในฐานะที่เป็นผู้นำฝ่ายบริหาร คงจะไม่สามารถไประบุได้ว่า ถ้าคุณไปพบกับคนโน้นแล้ว คุณจะต้องคิดไม่ดี ผมพูดไม่ได้ เพราะเราไม่มีอะไรที่เป็นหลักฐาน ถ้าผมไปพบกับใครคนใดคนหนึ่งแล้วบอกว่าผมจะคิดจะมีข้อตกลงลับเป็นพิเศษอะไรอย่างนี้ก็พูดได้ แต่ไม่มีหลักฐาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองเรื่องการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณฯ ในช่วงนี้อย่างไร เพราะมีการเคลื่อนไหวหลายส่วนทั้งเรื่องการซื้อสโมสรฟุตบอล การเป็นนายกสมาคมกอล์ฟ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นสิ่งที่เป็นสิทธิ เพราะท่านมีเงินอยู่แล้ว เป็นสิทธิของท่านที่จะใช้เงินของท่านเอง เราไม่สามารถจะไปละเมิดสิทธิส่วนบุคคลได้
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--