พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ระบุได้หารือกับอดีตอธิบดีตำรวจแห่งชาติ (อ.ตร.) และอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในการปรับโครงสร้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งสิ่งที่เสนอเข้ามา ถือว่าเป็นส่วนที่ดีที่จะได้นำมาปรับแก้ ย้ำขณะนี้ยังอยู่ในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี
วันนี้ เวลา 12.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการหารือกับอดีตอธิบดีตำรวจแห่งชาติ (อ.ตร.) และอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในการปรับโครงสร้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ว่า ได้หารือเกี่ยวกับประเด็นหลัก ๆ และก็ได้รับเอกสารจากอดีต อ.ตร.และผบ.ตร.ที่เสนอเข้ามา ถือว่าเป็นส่วนที่ดีที่จะได้นำมาปรับแก้ เมื่ออยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้วจะได้นำไปปรับแก้กันต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า จนถึงขณะนี้ได้ข้อยุติหรือยังว่า สตช.จะสังกัดหน่วยงานใด นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในขณะนี้สรุปว่า สตช. ยังไม่มีการย้ายสังกัด ยังคงสังกัดอยู่ในสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้บังคับบัญชา แต่จะทำงานในลักษณะใดคงจะต้องมาหารือกันอีกครั้ง ตัวอย่างเช่น นายกรัฐมนตรีคนต่อไปจะดูแลเรื่องนโยบายหรือจะลงไปดูแลในคณะกรรมการตำรวจ (ก.ตร.) หรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องหารือกัน แต่ในฐานะที่ทำหน้าที่บริหารในขณะนี้อยากให้เป็นเรื่องของนโยบายเท่านั้น ในเรื่องรายละเอียดนายกรัฐมนตรีไม่ควรจะลงไปยุ่งเกี่ยว แม้กระทั่งเรื่องบำเหน็จ บำนาญของจ่าสิบตำรวจ นายกรัฐมนตรีก็ต้องลงนามเป็นรายบุคคลด้วย ซึ่งถือเป็นภาระที่ค่อนข้างยุ่งยาก
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าข้อเสนอที่จะให้ ก.ตร. มาจากการเลือกตั้งมีความเป็นไปได้ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยู่ในร่างพระราชบัญญัติฯ อยู่แล้ว แต่ยังมีข้อคิดเห็นที่แตกต่างอยู่เล็กน้อย ซึ่งต้องมีการปรับแก้กัน
ส่วนข้อเสนอให้เพิ่มชั้นยศตำรวจชั้นผู้น้อยจากเดิมจะให้มีแค่ชั้นดาบตำรวจอย่างเดียว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทาง สตช. เสนอมามี 3 ชั้นยศ ซึ่งเป็นข้อพิจารณาที่ดี เพราะในการทำงานจะต้องมีผู้ที่เป็นหัวหน้า ลูกน้องที่ชั้นยศต่ำลงไปเพื่อให้บังคับบัญชากันได้ ถือว่าเป็นส่วนที่เราสามารถปรับแก้ไขได้
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 12.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการหารือกับอดีตอธิบดีตำรวจแห่งชาติ (อ.ตร.) และอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในการปรับโครงสร้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ว่า ได้หารือเกี่ยวกับประเด็นหลัก ๆ และก็ได้รับเอกสารจากอดีต อ.ตร.และผบ.ตร.ที่เสนอเข้ามา ถือว่าเป็นส่วนที่ดีที่จะได้นำมาปรับแก้ เมื่ออยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้วจะได้นำไปปรับแก้กันต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า จนถึงขณะนี้ได้ข้อยุติหรือยังว่า สตช.จะสังกัดหน่วยงานใด นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในขณะนี้สรุปว่า สตช. ยังไม่มีการย้ายสังกัด ยังคงสังกัดอยู่ในสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้บังคับบัญชา แต่จะทำงานในลักษณะใดคงจะต้องมาหารือกันอีกครั้ง ตัวอย่างเช่น นายกรัฐมนตรีคนต่อไปจะดูแลเรื่องนโยบายหรือจะลงไปดูแลในคณะกรรมการตำรวจ (ก.ตร.) หรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องหารือกัน แต่ในฐานะที่ทำหน้าที่บริหารในขณะนี้อยากให้เป็นเรื่องของนโยบายเท่านั้น ในเรื่องรายละเอียดนายกรัฐมนตรีไม่ควรจะลงไปยุ่งเกี่ยว แม้กระทั่งเรื่องบำเหน็จ บำนาญของจ่าสิบตำรวจ นายกรัฐมนตรีก็ต้องลงนามเป็นรายบุคคลด้วย ซึ่งถือเป็นภาระที่ค่อนข้างยุ่งยาก
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าข้อเสนอที่จะให้ ก.ตร. มาจากการเลือกตั้งมีความเป็นไปได้ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยู่ในร่างพระราชบัญญัติฯ อยู่แล้ว แต่ยังมีข้อคิดเห็นที่แตกต่างอยู่เล็กน้อย ซึ่งต้องมีการปรับแก้กัน
ส่วนข้อเสนอให้เพิ่มชั้นยศตำรวจชั้นผู้น้อยจากเดิมจะให้มีแค่ชั้นดาบตำรวจอย่างเดียว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทาง สตช. เสนอมามี 3 ชั้นยศ ซึ่งเป็นข้อพิจารณาที่ดี เพราะในการทำงานจะต้องมีผู้ที่เป็นหัวหน้า ลูกน้องที่ชั้นยศต่ำลงไปเพื่อให้บังคับบัญชากันได้ ถือว่าเป็นส่วนที่เราสามารถปรับแก้ไขได้
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--