แท็ก
โฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์
ธนาคารแห่งประเทศไทย
กระทรวงการคลัง
ทำเนียบรัฐบาล
กระทรวงคมนาคม
นายกรัฐมนตรี
คณะรัฐมนตรีหารือนอกรอบเรื่องค่าเงินบาท โดยนายกรัฐมนตรีเปิดโอกาสให้คณะรัฐมนตรีแสดงความคิด ข้อเสนอแนะ ได้ข้อสรุปเบื้องต้นให้กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยติดตามสถานการณ์ค่าเงินอย่างใกล้ชิด
วันนี้ เวลา 14.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้หารือนอกรอบเกี่ยวกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้เปิดโอกาสให้คณะรัฐมนตรีเสนอความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่าง ๆ โดยขอให้นำข้อเสนอแนะของทุกฝ่ายเข้ามารับฟังและเสนอแนะเป็นนโยบาย ที่ไม่ใช่เฉพาะเรื่องค่าเงินบาทเท่านั้น แต่รวมไปถึงส่วนที่มีความสัมพันธ์กับค่าเงินด้วย เช่น การปรับปรุงโครงสร้างอุตสาหกรรม การมีงานทำ การจัดการด้านแรงงาน ซึ่งที่ประชุมได้ข้อสรุปในเบื้องต้นว่า เรื่องค่าเงินบาท กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยจะติดตามสถานการณ์ค่าเงินบาท อย่างใกล้ชิด ส่วนเรื่องอื่น ๆ ที่จะต้องประสานกันระหว่างรัฐบาลและเอกชน จะใช้คณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจส่วนรวมเป็นแกนหลักในการดำเนินงาน ทั้งนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้เพิ่มรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจส่วนรวมด้วย
“ข้อเสนอของเอกชน 6 ข้อ ที่ได้รับมาแล้ว บางเรื่องที่ทำได้ก่อนก็จะทำใน 2 วันนี้ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะเป็นผู้พิจารณา ส่วนเรื่องที่จะต้องไปหารือกันอีกจะมีคุยกันในวันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคมนี้ และจะเข้ารายงานถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทต่อนายกรัฐมนตรีในวันศุกร์นี้ ก่อนที่จะมีการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจส่วนรวมในวันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม และเมื่อได้ข้อสรุปก็จะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารหน้า (24 ก.ค.)” รองนายกรัฐมนตรีกล่าว
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่าการไหลเข้าของเงินทุนครั้งนี้แตกต่างจากปี 2540 ที่ได้เคยทำให้เกิดหนี้มหาศาลอย่างแน่นอน เพราะครั้งนี้เราหารือร่วมกับเอกชนตลอดเวลาเพื่อดูแลไม่ให้เกิดปัญหาที่ไม่คาคคิด และคงจะต้องขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการด้วยว่า ถ้ามีปัญหาจนถึงขนาดว่าจะต้องหยุดดำเนินกิจการก็ขอให้มาคุยกัน เพราะทุกคนจะได้รู้ตัวล่วงหน้า โดยเฉพาะภาคแรงงาน แต่ที่ยังไม่สามารถสรุปได้ตอนนี้เพราะคณะรัฐมนตรีไม่ได้เชิญธนาคารแห่งประเทศมาคุยด้วยกัน
ด้านนายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงเพิ่มเติมว่า คณะรัฐมนตรีเห็นตรงกันว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันค่าเงินและเงินทุนไหลเข้า-ออกอย่างรวดเร็ว รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจในไม่กี่เดือนอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วเช่นกัน ดังนั้น หลายหน่วยงานจะต้องร่วมกันติดตามสถานการณ์และเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่ผันผวนอย่างใกล้ชิด ซึ่งทางกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยจะดูแลระดับอัตราแลกเปลี่ยนและความผันผวนการไหลเข้า-ออกของเงินทุน อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอแนะจากภาคส่วนต่าง ๆ ที่เสนอมานั้น จะได้นำมาพิจารณาว่าเรื่องใดสามารถที่จะนำมาปฏิบัติได้ในระยะสั้นและระยะปานกลางได้ก่อน ทั้งนี้ ทุกวันศุกร์จะได้รายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบถึงสถานการณ์ค่าเงินบาท
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 14.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้หารือนอกรอบเกี่ยวกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้เปิดโอกาสให้คณะรัฐมนตรีเสนอความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่าง ๆ โดยขอให้นำข้อเสนอแนะของทุกฝ่ายเข้ามารับฟังและเสนอแนะเป็นนโยบาย ที่ไม่ใช่เฉพาะเรื่องค่าเงินบาทเท่านั้น แต่รวมไปถึงส่วนที่มีความสัมพันธ์กับค่าเงินด้วย เช่น การปรับปรุงโครงสร้างอุตสาหกรรม การมีงานทำ การจัดการด้านแรงงาน ซึ่งที่ประชุมได้ข้อสรุปในเบื้องต้นว่า เรื่องค่าเงินบาท กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยจะติดตามสถานการณ์ค่าเงินบาท อย่างใกล้ชิด ส่วนเรื่องอื่น ๆ ที่จะต้องประสานกันระหว่างรัฐบาลและเอกชน จะใช้คณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจส่วนรวมเป็นแกนหลักในการดำเนินงาน ทั้งนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้เพิ่มรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจส่วนรวมด้วย
“ข้อเสนอของเอกชน 6 ข้อ ที่ได้รับมาแล้ว บางเรื่องที่ทำได้ก่อนก็จะทำใน 2 วันนี้ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะเป็นผู้พิจารณา ส่วนเรื่องที่จะต้องไปหารือกันอีกจะมีคุยกันในวันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคมนี้ และจะเข้ารายงานถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทต่อนายกรัฐมนตรีในวันศุกร์นี้ ก่อนที่จะมีการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจส่วนรวมในวันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม และเมื่อได้ข้อสรุปก็จะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารหน้า (24 ก.ค.)” รองนายกรัฐมนตรีกล่าว
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่าการไหลเข้าของเงินทุนครั้งนี้แตกต่างจากปี 2540 ที่ได้เคยทำให้เกิดหนี้มหาศาลอย่างแน่นอน เพราะครั้งนี้เราหารือร่วมกับเอกชนตลอดเวลาเพื่อดูแลไม่ให้เกิดปัญหาที่ไม่คาคคิด และคงจะต้องขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการด้วยว่า ถ้ามีปัญหาจนถึงขนาดว่าจะต้องหยุดดำเนินกิจการก็ขอให้มาคุยกัน เพราะทุกคนจะได้รู้ตัวล่วงหน้า โดยเฉพาะภาคแรงงาน แต่ที่ยังไม่สามารถสรุปได้ตอนนี้เพราะคณะรัฐมนตรีไม่ได้เชิญธนาคารแห่งประเทศมาคุยด้วยกัน
ด้านนายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงเพิ่มเติมว่า คณะรัฐมนตรีเห็นตรงกันว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันค่าเงินและเงินทุนไหลเข้า-ออกอย่างรวดเร็ว รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจในไม่กี่เดือนอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วเช่นกัน ดังนั้น หลายหน่วยงานจะต้องร่วมกันติดตามสถานการณ์และเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่ผันผวนอย่างใกล้ชิด ซึ่งทางกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยจะดูแลระดับอัตราแลกเปลี่ยนและความผันผวนการไหลเข้า-ออกของเงินทุน อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอแนะจากภาคส่วนต่าง ๆ ที่เสนอมานั้น จะได้นำมาพิจารณาว่าเรื่องใดสามารถที่จะนำมาปฏิบัติได้ในระยะสั้นและระยะปานกลางได้ก่อน ทั้งนี้ ทุกวันศุกร์จะได้รายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบถึงสถานการณ์ค่าเงินบาท
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--