วันนี้ เวลา 10.25 น. ณ ห้องน้ำพราว โรงแรมซีเอส อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานกล่าวมอบนโยบายและแนวทางการดำเนินงานในการประชุมชี้แจงมอบนโยบายตามโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนระดับตำบล จังหวัดชายแดนภาคใต้ แก่ผู้ว่าราชการการจังหวัด 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นายอำเภอ 44 อำเภอ หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ ผู้นำศาสนา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำภาคประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 88 ตำบล และข้าราชการทีมพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับตำบล จำนวน 1,500 คน จัดโดยศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) โดยมีนายอารีย์ วงศ์อารยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายพระนาย สุวรรณรัฐ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้การต้อนรับ
นายพระนาย สุวรรณรัฐ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวรายงานโดยสรุปว่า นับตั้งแต่รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี ได้ปรับโครงสร้างการบริหารราชการในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้กำหนดแนวนโยบายแห่งรัฐในการดำเนินงาน โดยมุ่งเน้นการเสริมสร้างสันติสุขด้วยแนวทางสันติวิธีและความสมานฉันท์ เน้นการมีส่วนร่วมของพี่น้องทุกภาคส่วนเป็นสำคัญ และนายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยการเดินทางมาพบปะพี่น้องประชาชนและเพื่อนข้าราชการในห้วงเวลาที่ผ่านมาถึง 2 ครั้ง ซึ่งก่อให้เกิดความตื่นตัวในการเปลี่ยนแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติ ข้าราชการมีการปรับวิธีคิดและวิธีการทำงานให้สอดคล้องกับแนวนโยบายดังกล่าว ประชาชนส่วนใหญ่ก็มีทัศนคติที่ดีขึ้น เกิดการยอมรับและตอบรับการเปลี่ยนแปลงในเชิงนโยบายดีขึ้นเป็นลำดับ กระทรวงมหาดไทยโดยความเห็นชอบของรัฐบาล ก็ได้จัดทำโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนระดับตำบล ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้น ทั้งนี้ ผอ.ศอ.บต. ได้นำเสนอผลการปฏิบัติหน้าที่ของนายกูเฮ็ง สาอิ ผู้ใหญ่บ้านควนลาแม หมู่ที่ 3 นาเกตุ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี เมื่อวันเสาร์ที่ 16 ธันวาคม 2549 ต่อนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกูเฮ็งได้ยิงปืนต่อสู้กับคนร้ายที่เข้ามาทำร้ายมุ่งเอาชีวิตของนายกูเฮ็ง จนทำให้คนร้ายเสียชีวิต 2 ราย โดยนายกูเฮ็งได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งทางกรมการปกครอง จังหวัดปัตตานี และ ศอ.บต. ได้พิจารณาร่วมกันเห็นว่านายกูเฮ็ง สาอิ เป็นแบบอย่างของผู้นำท้องที่ที่ได้ทุ่มเทเสียสละ เสี่ยงชีวิต และมีความกล้าหาญในการปฏิบัติหน้าที่ของตนในฐานะผู้ใหญ่บ้าน จึงสมควรได้รับเครื่องหมายผู้ใหญ่บ้านยอดเยี่ยมของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เป็นกรณีพิเศษ
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบเครื่องหมายผู้ใหญ่บ้านยอดเยี่ยมของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เป็นกรณีพิเศษ พร้อมมอบประกาศเกียรติคุณบัตรเพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่นายกูเฮ็ง สาอิ ผู้ใหญ่บ้านควนลาแม และเป็นศักดิ์ศรีแก่ตระกูลสาอิ จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้กล่าวมอบนโยบายและแนวทางการดำเนินงาน สรุปสาระสำคัญคือ นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีที่ได้มีโอกาสมาพบปะกับพี่น้องประชาชนและผู้นำศาสนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกครั้งในวันนี้ ซึ่งครั้งที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงความในใจที่อยากให้เกิดความร่วมมือร่วมใจกันของพี่น้องประชาชนชาวพุทธและมุสลิม เพื่อให้เกิดความสันติสุขในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และในวันนี้ความมุ่งมั่นความพยายามของนายกรัฐมนตรีก็ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป โดยยังพยายามให้เกิดความสงบสันติสุขขึ้นมาในบ้านเมืองให้ได้ รัฐบาลได้กำหนดให้การแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็น 1 ใน 2 เรื่องที่มีความสำคัญ และถือเป็นวาระแห่งชาติที่จะต้องดำเนินการให้สำเร็จ โดยใช้แนวทางสมานฉันท์สันติเป็นหลัก ที่จะต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วนเป็นหลักสำคัญ รวมทั้งให้ประชาชนได้มีโอกาสมีส่วนร่วมมากขึ้น ซึ่งหัวใจที่สำคัญของการแก้ไขปัญหาเพื่อให้เกิดความสงบขึ้นในบ้านเมืองคือผู้นำศาสนาของอิสลามจะต้องมีส่วนร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองด้วย เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการบริหารงานภายใต้ความร่วมมือร่วมใจของผู้ใหญ่ ซึ่งจะทำให้การดำเนินงานบรรลุความสำเร็จ ทั้งนี้ การใช้แนวทางสมานฉันท์ ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะไม่ดำเนินการตามกฎหมาย รัฐบาลยืนอยู่บนการดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ยืนอยู่บนความถูกต้อง เป็นธรรม หากมีผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย ใช้อาวุธ ทำความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น ทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลยึดแนวทางเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทาน เป็นแนวทางหลัก โดยพยายามดำเนินการให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการดำเนินงานของรัฐบาลที่สำคัญ 2 เรื่องคือ 1. การลดปัญหาความรุนแรงลงให้ได้ การสร้างความสงบสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 2. การวางรากฐานสร้างความเข้าใจ สร้างความสมานฉันท์ ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นได้แล้วความแตกแยกที่มีอยู่ก็จะลดลงไป นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่รัฐบาลจะต้องมองในระยะยาว และเป็นสิ่งที่นายกรัฐมนตรีมีความมุ่งมั่นดำเนินการให้ได้คือ การวางพื้นฐานการศึกษาให้เด็กและเยาวชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งด้านวิชาสามัญ วิชาทางศาสนา ให้มีความรู้มากขึ้นเพื่อเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติ โดยขณะนี้มีโครงการสำคัญคือ การปรับปรุงการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้สอดแทรกการศึกษาวิชาทางศาสนาให้มากยิ่งขึ้น เช่น วิทยาลัยอิสลามศึกษา ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ที่รัฐบาลจะทุ่มเทพัฒนาให้มีความเจริญก้าวหน้า สามารถรองรับนักศึกษาในท้องถิ่นได้มากขึ้น รวมทั้งที่มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ จังหวัดนราธิวาส ด้วย ขณะที่จะมีการปรับปรุงการศึกษาในขั้นพื้นฐานโดยหาแนวทางสอดแทรกวิชาทางศาสนา ซึ่งในเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศประสานกับรัฐบาลประเทศมาเลเซีย เพื่อจะนำนักเรียน ครู และครูสอนศาสนาอิสลาม ไปศึกษาแนวทางการปรับปรุงการศึกษาขั้นพื้นฐานของมาเลเซีย เพื่อนำสิ่งดี ๆ มาปรับปรุงระบบการศึกษาของเราให้ก้าวหน้าใกล้เคียงกัน
"ผมได้หารือในเรื่องเหล่านี้ และคิดว่าเรื่องการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ตอนผมไปประชุมที่ประเทศอินโดนีเซีย ก็ได้พูดคุยกันในเรื่องเหล่านี้ จะได้มีความร่วมมือกันในด้านการศึกษา ทั้งวิชาสามัญและวิชาด้านศาสนา เพื่อให้เกิดความคิดเห็นที่กว้างขวางมากยิ่งขึ้น มีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นต่าง ๆ อันจะนำไปสู่ความร่วมมือที่ดียิ่งขึ้นต่อไป" นายกรัฐมนตรีกล่าว
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดของกลุ่มประเทศอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ที่จะเกิดขึ้นในปี 2558 ซึ่งเร็วขึ้นกว่าเดิมในปี 2563 ถึง 8 ปี โดยความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นในภูมิภาคอาเซียนนี้ จำเป็นจะต้องหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศสมาชิกให้ยุติลง ให้เกิดความสงบ เพื่อให้กลุ่มประเทศอาเซียนก้าวไปข้างหน้า ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความมั่นใจว่าเป็นไปได้ไม่ยาก เพราะกลุ่มประเทศอาเซียนมีศักยภาพ มีทรัพยากรครบทุกอย่าง สามารถร่วมมือกันทำให้ภูมิภาคอาเซียนก้าวไปข้างหน้าได้
“ความเจริญที่ว่านั้นเรายืนอยู่บนพื้นฐานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เราจะเรียกว่าแค่พอเพียงนั้นแค่ไหน เรามีกำลังแค่ไหน เราจะรับแค่ไหน เราก็จะเอาแค่นั้น เราไม่มองว่าจะเจริญเหมือนกับญี่ปุ่น แต่เราจะต้องมีความมั่นคงก้าวหน้า อย่างที่เราพูดกันว่าเราจะมีรายได้ใกล้เคียงกับทางมาเลเซียได้ไหม ไม่ต้องไปมองไกลตัว รายได้ต่อหัวต่อคนถ้าจะขยับเข้าไปให้ใกล้เคียงกันได้หรือไม่ อยากฝากเป็นข้อคิดให้กับท่านทั้งหลายไว้ว่าทำอย่างไรที่เราจะดำเนินการตรงนี้ได้ ในส่วนของรัฐบาลจะมีความร่วมมือระหว่างอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ที่จะพัฒนาร่วมกัน โดยในส่วนของประเทศไทยได้รวมพื้นที่จังหวัดภาคใต้ทั้งหมดในโครงการดังกล่าว ซึ่งในอนาคตจะมีโอกาสขยายไปสู่เรื่องการพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ ทั้งด้านคมนาคม เศรษฐกิจ เหมือนเช่นในอดีต แต่ในการที่จะดำเนินการดังกล่าวได้ จะต้องมีความสงบ สันติ มีการพัฒนาการศึกษา ที่จะรองรับความก้าวหน้าดังกล่าวให้ได้ ทั้งนี้เวลาอีก 8 ปีถือว่าไม่นาน จึงขอให้ประชาชนร่วมมือกันเพื่อให้เกิดความก้าวหน้าขึ้นให้ได้ ” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงสิ่งที่ ศอ.บต. กำลังดำเนินการ โดยเฉพาะการสร้างความเข้าใจ เป็นเรื่องที่จะต้องทำตั้งแต่ในระดับตำบล หมู่บ้าน ให้เกิดความร่วมมือช่วยกันสร้างความสงบสันติสุขขึ้นมาให้ได้ เป็นขั้นริเริ่ม เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญถ้าสามารถทำให้เกิดเป็นรูปธรรมขึ้นมาได้ โดยมีท่าทีของความสงบของความสันติสุขเกิดขึ้น มีผลในทางบวกเกิดขึ้น ก็แสดงว่าความพยายามได้เริ่มปรากฏให้เห็นแล้ว จึงขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายและทุกคนในสังคมอย่าปล่อยโอกาสดีอย่างนี้ไป นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำรัฐบาล จะทุ่มเทให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ในทุก ๆ ด้านที่จะก้าวไปข้างหน้า และคาดว่าจะเห็นผลสำเร็จได้ในอนาคตอันใกล้นี้
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำในเรื่องการศึกษาว่าเป็นเรื่องระยะยาวที่ทุก ๆ คนจะต้องหาทางช่วยกัน ขณะนี้รัฐบาลกำลังพิจารณาหาแนวทางให้ผู้ที่สำเร็จการศึกษาด้านศาสนาจากต่างประเทศ เข้ามามีส่วนช่วยสอนในโรงเรียนของรัฐบาล เพื่อให้เกิดการสอนวิชาสามัญและวิชาทางศาสนาควบคู่กันไปในโรงเรียนของรัฐบาล รวมทั้งกำลังหาแนวทางปรับปรุงการสอนวิชาสามัญในโรงเรียนปอเนาะ ให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มมาตรฐานการศึกษาของเยาวชนให้มากยิ่งขึ้นด้วย
“การติวเด็กเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่จริง ๆ จะต้องแก้ไขที่โรงเรียน จะต้องวางพื้นฐานให้ดี ถ้าวางพื้นฐานดีแล้วก็ไม่จำเป็นต้องมาติว มาตรฐานการศึกษาของเราจะเทียบกับที่อื่น ๆ ได้ใกล้เคียง ตรงนี้เป็นอีกจุดหนึ่งที่อยากฝากทุกคนว่าต้องมาช่วยกันทำให้ลูกหลานมีความรู้ มีมาตรฐานทางการศึกษาใกล้เคียงกับคนอื่น และไม่ด้อยในเรื่องทางศาสนา ผมเป็นห่วงการศึกษาระดับพื้นฐาน ถ้าเรายกระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานขึ้นมาอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันแล้ว ระดับมหาวิทยาลัยก็ไม่เป็นเรื่องที่ลำบาก จะไปเรียนที่ไหนก็ได้ถ้าพื้นฐานมีความพร้อมอยู่แล้ว ผมได้พูดกับมหาวิทยาลัยในขณะนี้แล้วว่า ขอให้พิจารณาการให้ทุนการศึกษาแก่เยาวชนที่เรียนดีแต่ไม่มีเงินให้มากขึ้นด้วย ซึ่งต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้จะทราบตัวเลขของทุนการศึกษาที่ชัดเจน“ นายกรัฐมนตรีกล่าว
โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนระดับตำบล ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีแนวทางการดำเนินงานโดยการสร้างชุดเจ้าหน้าที่ลงไปปฏิบัติงานร่วมกันในระดับตำบล หมู่บ้าน กับหลักคิดที่ให้ผู้นำพลังประชาชนเข้ามามีบทบาทในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน โดยมีวัตถุประสงค์ให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี เกิดหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง อยู่เย็นเป็นสุข รู้รักสามัคคีและสมานฉันท์ ซึ่งถือเป็นโครงการนำร่องที่จะต้องบูรณาการการดำเนินงานของทุกภาคส่วน และเป็นโครงการที่จะต้องอาศัยความริเริ่มของผู้นำพลังประชาชน ในการระดมการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ตำบลและหมู่บ้าน ที่จะร่วมคิด ร่วมตัดสินใจและร่วมกันแก้ไขปัญหา โดยภาครัฐเป็นผู้หนุนเสริม รวมทั้งสนับสนุนทรัพยากรและงบประมาณให้หมู่บ้าน ชุมชน สามารถบริหารจัดการได้ด้วยตนเอง ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้จึงได้จัดการประชุมขึ้น เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ได้รับทราบวัตถุประสงค์และแนวทางการดำเนินงานตามโครงการอันจะส่งผลให้การดำเนินงานในพื้นที่บรรลุเป้าประสงค์ที่กำหนดไว้
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
นายพระนาย สุวรรณรัฐ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวรายงานโดยสรุปว่า นับตั้งแต่รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี ได้ปรับโครงสร้างการบริหารราชการในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้กำหนดแนวนโยบายแห่งรัฐในการดำเนินงาน โดยมุ่งเน้นการเสริมสร้างสันติสุขด้วยแนวทางสันติวิธีและความสมานฉันท์ เน้นการมีส่วนร่วมของพี่น้องทุกภาคส่วนเป็นสำคัญ และนายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยการเดินทางมาพบปะพี่น้องประชาชนและเพื่อนข้าราชการในห้วงเวลาที่ผ่านมาถึง 2 ครั้ง ซึ่งก่อให้เกิดความตื่นตัวในการเปลี่ยนแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติ ข้าราชการมีการปรับวิธีคิดและวิธีการทำงานให้สอดคล้องกับแนวนโยบายดังกล่าว ประชาชนส่วนใหญ่ก็มีทัศนคติที่ดีขึ้น เกิดการยอมรับและตอบรับการเปลี่ยนแปลงในเชิงนโยบายดีขึ้นเป็นลำดับ กระทรวงมหาดไทยโดยความเห็นชอบของรัฐบาล ก็ได้จัดทำโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนระดับตำบล ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้น ทั้งนี้ ผอ.ศอ.บต. ได้นำเสนอผลการปฏิบัติหน้าที่ของนายกูเฮ็ง สาอิ ผู้ใหญ่บ้านควนลาแม หมู่ที่ 3 นาเกตุ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี เมื่อวันเสาร์ที่ 16 ธันวาคม 2549 ต่อนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกูเฮ็งได้ยิงปืนต่อสู้กับคนร้ายที่เข้ามาทำร้ายมุ่งเอาชีวิตของนายกูเฮ็ง จนทำให้คนร้ายเสียชีวิต 2 ราย โดยนายกูเฮ็งได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งทางกรมการปกครอง จังหวัดปัตตานี และ ศอ.บต. ได้พิจารณาร่วมกันเห็นว่านายกูเฮ็ง สาอิ เป็นแบบอย่างของผู้นำท้องที่ที่ได้ทุ่มเทเสียสละ เสี่ยงชีวิต และมีความกล้าหาญในการปฏิบัติหน้าที่ของตนในฐานะผู้ใหญ่บ้าน จึงสมควรได้รับเครื่องหมายผู้ใหญ่บ้านยอดเยี่ยมของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เป็นกรณีพิเศษ
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบเครื่องหมายผู้ใหญ่บ้านยอดเยี่ยมของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เป็นกรณีพิเศษ พร้อมมอบประกาศเกียรติคุณบัตรเพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่นายกูเฮ็ง สาอิ ผู้ใหญ่บ้านควนลาแม และเป็นศักดิ์ศรีแก่ตระกูลสาอิ จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้กล่าวมอบนโยบายและแนวทางการดำเนินงาน สรุปสาระสำคัญคือ นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีที่ได้มีโอกาสมาพบปะกับพี่น้องประชาชนและผู้นำศาสนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกครั้งในวันนี้ ซึ่งครั้งที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงความในใจที่อยากให้เกิดความร่วมมือร่วมใจกันของพี่น้องประชาชนชาวพุทธและมุสลิม เพื่อให้เกิดความสันติสุขในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และในวันนี้ความมุ่งมั่นความพยายามของนายกรัฐมนตรีก็ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป โดยยังพยายามให้เกิดความสงบสันติสุขขึ้นมาในบ้านเมืองให้ได้ รัฐบาลได้กำหนดให้การแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็น 1 ใน 2 เรื่องที่มีความสำคัญ และถือเป็นวาระแห่งชาติที่จะต้องดำเนินการให้สำเร็จ โดยใช้แนวทางสมานฉันท์สันติเป็นหลัก ที่จะต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วนเป็นหลักสำคัญ รวมทั้งให้ประชาชนได้มีโอกาสมีส่วนร่วมมากขึ้น ซึ่งหัวใจที่สำคัญของการแก้ไขปัญหาเพื่อให้เกิดความสงบขึ้นในบ้านเมืองคือผู้นำศาสนาของอิสลามจะต้องมีส่วนร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองด้วย เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการบริหารงานภายใต้ความร่วมมือร่วมใจของผู้ใหญ่ ซึ่งจะทำให้การดำเนินงานบรรลุความสำเร็จ ทั้งนี้ การใช้แนวทางสมานฉันท์ ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะไม่ดำเนินการตามกฎหมาย รัฐบาลยืนอยู่บนการดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ยืนอยู่บนความถูกต้อง เป็นธรรม หากมีผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย ใช้อาวุธ ทำความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น ทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลยึดแนวทางเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทาน เป็นแนวทางหลัก โดยพยายามดำเนินการให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการดำเนินงานของรัฐบาลที่สำคัญ 2 เรื่องคือ 1. การลดปัญหาความรุนแรงลงให้ได้ การสร้างความสงบสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 2. การวางรากฐานสร้างความเข้าใจ สร้างความสมานฉันท์ ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นได้แล้วความแตกแยกที่มีอยู่ก็จะลดลงไป นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่รัฐบาลจะต้องมองในระยะยาว และเป็นสิ่งที่นายกรัฐมนตรีมีความมุ่งมั่นดำเนินการให้ได้คือ การวางพื้นฐานการศึกษาให้เด็กและเยาวชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งด้านวิชาสามัญ วิชาทางศาสนา ให้มีความรู้มากขึ้นเพื่อเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติ โดยขณะนี้มีโครงการสำคัญคือ การปรับปรุงการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้สอดแทรกการศึกษาวิชาทางศาสนาให้มากยิ่งขึ้น เช่น วิทยาลัยอิสลามศึกษา ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ที่รัฐบาลจะทุ่มเทพัฒนาให้มีความเจริญก้าวหน้า สามารถรองรับนักศึกษาในท้องถิ่นได้มากขึ้น รวมทั้งที่มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ จังหวัดนราธิวาส ด้วย ขณะที่จะมีการปรับปรุงการศึกษาในขั้นพื้นฐานโดยหาแนวทางสอดแทรกวิชาทางศาสนา ซึ่งในเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศประสานกับรัฐบาลประเทศมาเลเซีย เพื่อจะนำนักเรียน ครู และครูสอนศาสนาอิสลาม ไปศึกษาแนวทางการปรับปรุงการศึกษาขั้นพื้นฐานของมาเลเซีย เพื่อนำสิ่งดี ๆ มาปรับปรุงระบบการศึกษาของเราให้ก้าวหน้าใกล้เคียงกัน
"ผมได้หารือในเรื่องเหล่านี้ และคิดว่าเรื่องการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ตอนผมไปประชุมที่ประเทศอินโดนีเซีย ก็ได้พูดคุยกันในเรื่องเหล่านี้ จะได้มีความร่วมมือกันในด้านการศึกษา ทั้งวิชาสามัญและวิชาด้านศาสนา เพื่อให้เกิดความคิดเห็นที่กว้างขวางมากยิ่งขึ้น มีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นต่าง ๆ อันจะนำไปสู่ความร่วมมือที่ดียิ่งขึ้นต่อไป" นายกรัฐมนตรีกล่าว
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดของกลุ่มประเทศอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ที่จะเกิดขึ้นในปี 2558 ซึ่งเร็วขึ้นกว่าเดิมในปี 2563 ถึง 8 ปี โดยความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นในภูมิภาคอาเซียนนี้ จำเป็นจะต้องหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศสมาชิกให้ยุติลง ให้เกิดความสงบ เพื่อให้กลุ่มประเทศอาเซียนก้าวไปข้างหน้า ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความมั่นใจว่าเป็นไปได้ไม่ยาก เพราะกลุ่มประเทศอาเซียนมีศักยภาพ มีทรัพยากรครบทุกอย่าง สามารถร่วมมือกันทำให้ภูมิภาคอาเซียนก้าวไปข้างหน้าได้
“ความเจริญที่ว่านั้นเรายืนอยู่บนพื้นฐานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เราจะเรียกว่าแค่พอเพียงนั้นแค่ไหน เรามีกำลังแค่ไหน เราจะรับแค่ไหน เราก็จะเอาแค่นั้น เราไม่มองว่าจะเจริญเหมือนกับญี่ปุ่น แต่เราจะต้องมีความมั่นคงก้าวหน้า อย่างที่เราพูดกันว่าเราจะมีรายได้ใกล้เคียงกับทางมาเลเซียได้ไหม ไม่ต้องไปมองไกลตัว รายได้ต่อหัวต่อคนถ้าจะขยับเข้าไปให้ใกล้เคียงกันได้หรือไม่ อยากฝากเป็นข้อคิดให้กับท่านทั้งหลายไว้ว่าทำอย่างไรที่เราจะดำเนินการตรงนี้ได้ ในส่วนของรัฐบาลจะมีความร่วมมือระหว่างอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ที่จะพัฒนาร่วมกัน โดยในส่วนของประเทศไทยได้รวมพื้นที่จังหวัดภาคใต้ทั้งหมดในโครงการดังกล่าว ซึ่งในอนาคตจะมีโอกาสขยายไปสู่เรื่องการพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ ทั้งด้านคมนาคม เศรษฐกิจ เหมือนเช่นในอดีต แต่ในการที่จะดำเนินการดังกล่าวได้ จะต้องมีความสงบ สันติ มีการพัฒนาการศึกษา ที่จะรองรับความก้าวหน้าดังกล่าวให้ได้ ทั้งนี้เวลาอีก 8 ปีถือว่าไม่นาน จึงขอให้ประชาชนร่วมมือกันเพื่อให้เกิดความก้าวหน้าขึ้นให้ได้ ” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงสิ่งที่ ศอ.บต. กำลังดำเนินการ โดยเฉพาะการสร้างความเข้าใจ เป็นเรื่องที่จะต้องทำตั้งแต่ในระดับตำบล หมู่บ้าน ให้เกิดความร่วมมือช่วยกันสร้างความสงบสันติสุขขึ้นมาให้ได้ เป็นขั้นริเริ่ม เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญถ้าสามารถทำให้เกิดเป็นรูปธรรมขึ้นมาได้ โดยมีท่าทีของความสงบของความสันติสุขเกิดขึ้น มีผลในทางบวกเกิดขึ้น ก็แสดงว่าความพยายามได้เริ่มปรากฏให้เห็นแล้ว จึงขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายและทุกคนในสังคมอย่าปล่อยโอกาสดีอย่างนี้ไป นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำรัฐบาล จะทุ่มเทให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ในทุก ๆ ด้านที่จะก้าวไปข้างหน้า และคาดว่าจะเห็นผลสำเร็จได้ในอนาคตอันใกล้นี้
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำในเรื่องการศึกษาว่าเป็นเรื่องระยะยาวที่ทุก ๆ คนจะต้องหาทางช่วยกัน ขณะนี้รัฐบาลกำลังพิจารณาหาแนวทางให้ผู้ที่สำเร็จการศึกษาด้านศาสนาจากต่างประเทศ เข้ามามีส่วนช่วยสอนในโรงเรียนของรัฐบาล เพื่อให้เกิดการสอนวิชาสามัญและวิชาทางศาสนาควบคู่กันไปในโรงเรียนของรัฐบาล รวมทั้งกำลังหาแนวทางปรับปรุงการสอนวิชาสามัญในโรงเรียนปอเนาะ ให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มมาตรฐานการศึกษาของเยาวชนให้มากยิ่งขึ้นด้วย
“การติวเด็กเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่จริง ๆ จะต้องแก้ไขที่โรงเรียน จะต้องวางพื้นฐานให้ดี ถ้าวางพื้นฐานดีแล้วก็ไม่จำเป็นต้องมาติว มาตรฐานการศึกษาของเราจะเทียบกับที่อื่น ๆ ได้ใกล้เคียง ตรงนี้เป็นอีกจุดหนึ่งที่อยากฝากทุกคนว่าต้องมาช่วยกันทำให้ลูกหลานมีความรู้ มีมาตรฐานทางการศึกษาใกล้เคียงกับคนอื่น และไม่ด้อยในเรื่องทางศาสนา ผมเป็นห่วงการศึกษาระดับพื้นฐาน ถ้าเรายกระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานขึ้นมาอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันแล้ว ระดับมหาวิทยาลัยก็ไม่เป็นเรื่องที่ลำบาก จะไปเรียนที่ไหนก็ได้ถ้าพื้นฐานมีความพร้อมอยู่แล้ว ผมได้พูดกับมหาวิทยาลัยในขณะนี้แล้วว่า ขอให้พิจารณาการให้ทุนการศึกษาแก่เยาวชนที่เรียนดีแต่ไม่มีเงินให้มากขึ้นด้วย ซึ่งต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้จะทราบตัวเลขของทุนการศึกษาที่ชัดเจน“ นายกรัฐมนตรีกล่าว
โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนระดับตำบล ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีแนวทางการดำเนินงานโดยการสร้างชุดเจ้าหน้าที่ลงไปปฏิบัติงานร่วมกันในระดับตำบล หมู่บ้าน กับหลักคิดที่ให้ผู้นำพลังประชาชนเข้ามามีบทบาทในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน โดยมีวัตถุประสงค์ให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี เกิดหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง อยู่เย็นเป็นสุข รู้รักสามัคคีและสมานฉันท์ ซึ่งถือเป็นโครงการนำร่องที่จะต้องบูรณาการการดำเนินงานของทุกภาคส่วน และเป็นโครงการที่จะต้องอาศัยความริเริ่มของผู้นำพลังประชาชน ในการระดมการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ตำบลและหมู่บ้าน ที่จะร่วมคิด ร่วมตัดสินใจและร่วมกันแก้ไขปัญหา โดยภาครัฐเป็นผู้หนุนเสริม รวมทั้งสนับสนุนทรัพยากรและงบประมาณให้หมู่บ้าน ชุมชน สามารถบริหารจัดการได้ด้วยตนเอง ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้จึงได้จัดการประชุมขึ้น เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ได้รับทราบวัตถุประสงค์และแนวทางการดำเนินงานตามโครงการอันจะส่งผลให้การดำเนินงานในพื้นที่บรรลุเป้าประสงค์ที่กำหนดไว้
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--