แท็ก
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม
การเคหะแห่งชาติ
ทำเนียบรัฐบาล
นายกรัฐมนตรี
วันนี้ เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ระหว่างการเคหะแห่งชาติ กับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (กคช.-ธอส.) และลงนามสัญญาจ้าง ระหว่างการเคหะแห่งชาติ กับมูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (กคช.-TDRI) ตามโครงการวิจัยเรื่อง “ดัชนีวัดเพื่อประเมินผลทางสังคมและเศรษฐกิจของการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย” ผู้ร่วมลงนามประกอบด้วย ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (นายพรศักดิ์ บุณโยดม) กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (นายขรรค์ ประจวบเหมาะ) และรองประธานกรรมการมูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทยและรักษาการประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ดร.อัมมาร์ สยามวาลา)
นายพรศักดิ์ บุณโยดม ผู้ว่าการเคหะแห่งชาติ กล่าวรายงานความเป็นมาของโครงการวิจัยฯ ว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยการเคหะแห่งชาติ มีหน้าที่ในการจัดสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย ในขณะที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์มีหน้าที่ให้สินเชื่อแก่ผู้ซื้อบ้านที่มีรายได้น้อย ทั้ง 2 หน่วยงานจึงมอบหมายให้มูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ดำเนินโครงการศึกษาวิจัยดัชนีชี้วัดเพื่อประเมินผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจของการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย โดยวัตถุประสงค์ของการศึกษาวิจัยครั้งนี้ คือการพัฒนาเครื่องมือในการประเมินผลการกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมของการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย โดยจะทำการเปรียบเทียบชุมชนผู้มีรายได้น้อยทั้งในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่ง TDRI คาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการดำเนินงาน 6 เดือน วงเงิน 6,460,000 บาท
นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้กล่าวขอบคุณการเคหะแห่งชาติ และธนาคารอาคารสงเคราะห์ที่ผลักดันให้เกิดความร่วมมือที่ดีในการดำเนินการจัดทำโครงการดัชนีชี้วัดเพื่อประเมินผลทางสังคมและเศรษฐกิจของการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย เพื่อให้ได้เครื่องมือรูปแบบในการประเมินผลงานของหน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการพัฒนาที่อยู่อาศัย ซึ่งนับว่าเป็นประโยชน์และเป็นการนำปัจจัยที่เกี่ยวข้องทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมมาใช้ในการประเมินผลงาน ทำให้เห็นปัญหาและแนวทางแก้ไขที่ชัดเจนยิ่งขึ้น อีกทั้งเป็นข้อมูลให้รัฐบาลนำไปใช้เพื่อกำหนดนโยบายที่อยู่อาศัยให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนกลุ่มผู้มีรายได้น้อยอีกด้วย
รองนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า จะเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานและส่วนรวม อีกทั้งทำให้การพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยเป็นไปในทิศทางที่ตรงกับความต้องการของผู้มีรายได้น้อยที่ต้องการที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง อันเป็นนโยบายและเจตนารมณ์ที่เอื้ออาทรต่อประชาชนผู้มีรายได้น้อยของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และของรัฐบาล พร้อมกันนี้ได้กล่าวขอบคุณมูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ที่รับศึกษาโครงการดังกล่าว ซึ่งผลของการศึกษานี้จะเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชนผู้มีรายได้น้อย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรัฐบาลต่อไป
จากนั้น รองนายกรัฐมนตรีได้เป็นสักขีพยานการลงนามความร่วมมือโครงการศึกษาวิจัยดัชนีชี้วัดเพื่อประเมินผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจของการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยระหว่างการเคหะแห่งชาติ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และมูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
นายพรศักดิ์ บุณโยดม ผู้ว่าการเคหะแห่งชาติ กล่าวรายงานความเป็นมาของโครงการวิจัยฯ ว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยการเคหะแห่งชาติ มีหน้าที่ในการจัดสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย ในขณะที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์มีหน้าที่ให้สินเชื่อแก่ผู้ซื้อบ้านที่มีรายได้น้อย ทั้ง 2 หน่วยงานจึงมอบหมายให้มูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ดำเนินโครงการศึกษาวิจัยดัชนีชี้วัดเพื่อประเมินผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจของการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย โดยวัตถุประสงค์ของการศึกษาวิจัยครั้งนี้ คือการพัฒนาเครื่องมือในการประเมินผลการกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมของการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย โดยจะทำการเปรียบเทียบชุมชนผู้มีรายได้น้อยทั้งในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่ง TDRI คาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการดำเนินงาน 6 เดือน วงเงิน 6,460,000 บาท
นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้กล่าวขอบคุณการเคหะแห่งชาติ และธนาคารอาคารสงเคราะห์ที่ผลักดันให้เกิดความร่วมมือที่ดีในการดำเนินการจัดทำโครงการดัชนีชี้วัดเพื่อประเมินผลทางสังคมและเศรษฐกิจของการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย เพื่อให้ได้เครื่องมือรูปแบบในการประเมินผลงานของหน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการพัฒนาที่อยู่อาศัย ซึ่งนับว่าเป็นประโยชน์และเป็นการนำปัจจัยที่เกี่ยวข้องทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมมาใช้ในการประเมินผลงาน ทำให้เห็นปัญหาและแนวทางแก้ไขที่ชัดเจนยิ่งขึ้น อีกทั้งเป็นข้อมูลให้รัฐบาลนำไปใช้เพื่อกำหนดนโยบายที่อยู่อาศัยให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนกลุ่มผู้มีรายได้น้อยอีกด้วย
รองนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า จะเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานและส่วนรวม อีกทั้งทำให้การพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยเป็นไปในทิศทางที่ตรงกับความต้องการของผู้มีรายได้น้อยที่ต้องการที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง อันเป็นนโยบายและเจตนารมณ์ที่เอื้ออาทรต่อประชาชนผู้มีรายได้น้อยของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และของรัฐบาล พร้อมกันนี้ได้กล่าวขอบคุณมูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ที่รับศึกษาโครงการดังกล่าว ซึ่งผลของการศึกษานี้จะเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชนผู้มีรายได้น้อย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรัฐบาลต่อไป
จากนั้น รองนายกรัฐมนตรีได้เป็นสักขีพยานการลงนามความร่วมมือโครงการศึกษาวิจัยดัชนีชี้วัดเพื่อประเมินผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจของการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยระหว่างการเคหะแห่งชาติ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และมูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--