นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ อธิบดีกรมสรรพสามิต ในฐานะประธานกรรมการอำนวยการโรงงานยาสูบ นำคณะผู้บริหารโรงงานยาสูบและนายสุธี มากบุญ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีพร้อมคณะ เข้าพบ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เพื่อมอบเงินจำนวน 20 ล้านบาทสนับสนุนการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจังหวัดอุบลราชธานี
วันนี้ เวลา 15.00 น. ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ อธิบดีกรมสรรพสามิต ในฐานะประธานกรรมการอำนวยการโรงงานยาสูบ นำคณะผู้บริหารโรงงานยาสูบและนายสุธี มากบุญ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีพร้อมคณะ เข้าพบ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เพื่อมอบเงินจำนวน 20 ล้านบาทสนับสนุนการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจังหวัดอุบลราชธานี
ประธานกรรมการอำนวยการโรงงานยาสูบ ได้กล่าวรายงานว่าโรงงานยาสูบมีความยินดีที่ได้มีส่วนร่วมสนับสนุนการแก้ไขปัญหากรณีที่ราษฎรจังหวัดอุบลราชธานี ได้รับผลกระทบจากการสร้างถนนเลียบแม่น้ำมูล ซึ่งโรงงานยาสูบยินดีร่วมสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างบ้านจำนวน 57 หลัง ของราษฎรที่ได้รับความเสียหาย เป็นเงิน 20 ล้านบาท โดยกรณีดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมเพื่อตอบแทนแก่สังคม ที่โรงงานยาสูบดำเนินการอยู่ในขณะนี้
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้รับมอบเช็คเงินสดจำนวน 20 ล้านบาทจากคณะผู้บริหารโรงงานยาสูบ เพื่อส่งมอบต่อให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณคณะผู้บริหารโรงงานยาสูบ และจังหวัดอุบลราชธานีที่ได้ร่วมกันแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าได้เห็นพื้นที่บริเวณเลียบแม่น้ำมูลมานาน และตระหนักดีถึงความจำเป็นที่จะต้องมีการปรับปรุงพื้นที่ดังกล่าว โดยเห็นว่าการปรับปรุงนั้นจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งอยากให้แนวทางนี้ได้เป็นแนวทางแก้ไขปัญหาในอนาคตด้วย
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทุกภาคส่วนควรร่วมกันทำให้บ้านเมืองของเรามีความสงบสุข ร่มเย็น ทำให้ประชาชนสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างเป็นสุข ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข ที่ในหลักการได้อัญเชิญแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาใช้ในการดูแลให้ประชาชนสามารถดำเนินชีวิต สามารถบริหารงานต่าง ๆ ด้วยตัวเองได้ รวมทั้งให้เป็นสังคมที่มีความเข้มแข็ง อ่อนโยน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน ซึ่งแตกต่างจากโลภาภิวัตน์ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่มากเกินไป ทำให้คนต้องแข่งขันกันมากขึ้น จนกระทั่งลืมไปว่าจะต้องมีการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ดูแลซึ่งกันและกัน ทั้งนี้ ในกลุ่มประเทศอาเซียนใช้คำว่า Sharing กับคำว่า Caring Community คือการแบ่งปันดูแล ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นว่าเป็นศัพท์ที่เหมาะกับสังคมคนเอเชียมากกว่าสังคมคนตะวันตกที่ชุมชนอยู่กันอย่างกระจายตัว แตกต่างกับชุมชนของเราที่อยู่อย่างใกล้ชิดกันมากกว่า แต่บางทีเราก็มองข้ามไป จึงควรปรับให้มาใช้แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ที่จะช่วยทำให้สังคมของเรามีความเป็นอยู่อย่างสงบสุขยั่งยืน ประชาชนพึ่งตัวเองได้ รวมทั้งสามารถแก้ไขปัญหาของตัวเองได้
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ถึงแม้รัฐบาลจะมีเวลาไม่มากนัก แต่ก็ได้พยายามทำให้ประชาชนได้รับทราบและเข้าใจการดำเนินการตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้ประชาชนให้ความร่วมมือทำงานร่วมกับภาครัฐต่อไปในอนาคต ทั้งนี้ หากสังคมมีความเอื้อเฟื้อต่อกันแล้ว เหตุการณ์ความรุนแรงที่เห็นในปัจจุบันก็จะหมดไป นอกจากนี้ ไม่ว่าเราจะยากดีมีจนอย่างไร เงินเพียง 1 บาทก็สามารถช่วยผู้อื่นได้ ค่าของน้ำใจมีค่ามากกว่าค่าของเงิน ซึ่งคำว่า”น้ำใจ” นี้เองจะทำให้สังคมของเราอยู่ได้อย่างเป็นสุข
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 15.00 น. ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ อธิบดีกรมสรรพสามิต ในฐานะประธานกรรมการอำนวยการโรงงานยาสูบ นำคณะผู้บริหารโรงงานยาสูบและนายสุธี มากบุญ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีพร้อมคณะ เข้าพบ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เพื่อมอบเงินจำนวน 20 ล้านบาทสนับสนุนการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจังหวัดอุบลราชธานี
ประธานกรรมการอำนวยการโรงงานยาสูบ ได้กล่าวรายงานว่าโรงงานยาสูบมีความยินดีที่ได้มีส่วนร่วมสนับสนุนการแก้ไขปัญหากรณีที่ราษฎรจังหวัดอุบลราชธานี ได้รับผลกระทบจากการสร้างถนนเลียบแม่น้ำมูล ซึ่งโรงงานยาสูบยินดีร่วมสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างบ้านจำนวน 57 หลัง ของราษฎรที่ได้รับความเสียหาย เป็นเงิน 20 ล้านบาท โดยกรณีดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมเพื่อตอบแทนแก่สังคม ที่โรงงานยาสูบดำเนินการอยู่ในขณะนี้
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้รับมอบเช็คเงินสดจำนวน 20 ล้านบาทจากคณะผู้บริหารโรงงานยาสูบ เพื่อส่งมอบต่อให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณคณะผู้บริหารโรงงานยาสูบ และจังหวัดอุบลราชธานีที่ได้ร่วมกันแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าได้เห็นพื้นที่บริเวณเลียบแม่น้ำมูลมานาน และตระหนักดีถึงความจำเป็นที่จะต้องมีการปรับปรุงพื้นที่ดังกล่าว โดยเห็นว่าการปรับปรุงนั้นจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งอยากให้แนวทางนี้ได้เป็นแนวทางแก้ไขปัญหาในอนาคตด้วย
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทุกภาคส่วนควรร่วมกันทำให้บ้านเมืองของเรามีความสงบสุข ร่มเย็น ทำให้ประชาชนสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างเป็นสุข ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข ที่ในหลักการได้อัญเชิญแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาใช้ในการดูแลให้ประชาชนสามารถดำเนินชีวิต สามารถบริหารงานต่าง ๆ ด้วยตัวเองได้ รวมทั้งให้เป็นสังคมที่มีความเข้มแข็ง อ่อนโยน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน ซึ่งแตกต่างจากโลภาภิวัตน์ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่มากเกินไป ทำให้คนต้องแข่งขันกันมากขึ้น จนกระทั่งลืมไปว่าจะต้องมีการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ดูแลซึ่งกันและกัน ทั้งนี้ ในกลุ่มประเทศอาเซียนใช้คำว่า Sharing กับคำว่า Caring Community คือการแบ่งปันดูแล ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นว่าเป็นศัพท์ที่เหมาะกับสังคมคนเอเชียมากกว่าสังคมคนตะวันตกที่ชุมชนอยู่กันอย่างกระจายตัว แตกต่างกับชุมชนของเราที่อยู่อย่างใกล้ชิดกันมากกว่า แต่บางทีเราก็มองข้ามไป จึงควรปรับให้มาใช้แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ที่จะช่วยทำให้สังคมของเรามีความเป็นอยู่อย่างสงบสุขยั่งยืน ประชาชนพึ่งตัวเองได้ รวมทั้งสามารถแก้ไขปัญหาของตัวเองได้
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ถึงแม้รัฐบาลจะมีเวลาไม่มากนัก แต่ก็ได้พยายามทำให้ประชาชนได้รับทราบและเข้าใจการดำเนินการตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้ประชาชนให้ความร่วมมือทำงานร่วมกับภาครัฐต่อไปในอนาคต ทั้งนี้ หากสังคมมีความเอื้อเฟื้อต่อกันแล้ว เหตุการณ์ความรุนแรงที่เห็นในปัจจุบันก็จะหมดไป นอกจากนี้ ไม่ว่าเราจะยากดีมีจนอย่างไร เงินเพียง 1 บาทก็สามารถช่วยผู้อื่นได้ ค่าของน้ำใจมีค่ามากกว่าค่าของเงิน ซึ่งคำว่า”น้ำใจ” นี้เองจะทำให้สังคมของเราอยู่ได้อย่างเป็นสุข
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--