วันนี้ ที่ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ร้อยเอก ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวกรณีพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีได้ประชุมผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ไปยังจังหวัดเชียงราย ร่วมกับรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย เกี่ยวกับกรณีสถานการณ์ไข้เลือดออกที่จังหวัดเชียงราย
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จังหวัดเชียงรายได้สรุปสถานการณ์ไข้เลือดออกที่เกิดขึ้นในจังหวัดเชียงราย ว่า มีผู้ป่วยในช่วงที่ผ่านมาทั้งหมด 414 ราย ส่วนใหญ่อยู่ที่อำเภอแม่จัน จำนวน 402 ราย อำเภออื่น ๆ 12 ราย โดยในกรณีอำเภอแม่จันสืบเนื่องจากหมู่บ้านชาวเขาเผ่าอาข่า หมู่ที่ 6 ตำบลแม่ไร่ ด้านที่ติดกับอำเภอแม่สาย มีสภาพที่พักอาศัยทึบ ไม่มีแสงสว่าง มีการกักเก็บน้ำในภาชนะที่ไม่มีการปิดภาชนะจึงทำให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย และเนื่องจากเป็นชาวเขาที่อพยพเข้ามาในประเทศไทย การสื่อสารกับเจ้าหน้าที่จึงค่อนข้างจะจำกัด อีกทั้งยังเป็นชาวเขาที่ไม่มีสิทธิบัตรใด ๆ ในการรักษาพยาบาลด้วย ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้เข้าไปเฝ้าระวังโรค ป้องกันโรคระบาดและนำคนไข้มารักษาที่โรงพยาบาลแม่จัน โรงพยาบาลเชียงแสน โรงพยาบาลศูนย์เชียงราย และผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้ดำเนินการรณรงค์ผ่านสื่อมวลชนต่าง ๆ ขอความร่วมมือในการสื่อความรู้ความเข้าใจผ่านทางอาสาสมัครสาธารณสุข อปพร. หมอดิน ทั้งนี้ ทางจังหวัดเชียงรายได้ประชุมหารือร่วมกับ 4 เขตพื้นที่การศึกษาเมื่อวันศุกร์ที่ 8 มิถุนายน ที่ผ่านมา เพื่อให้นักเรียนได้มีส่วนนำคำแนะนำไปให้ผู้ปกครอง ผู้ใหญ่ในหมู่บ้าน ให้ร่วมมือปิดภาชนะเก็บน้ำป้องกันไม่ให้ยุงลายวางไข่ ซึ่งทาง อบต. อบจ. และเทศบาลได้สนับสนุนงบประมาณการจัดซื้อเคมีภัณฑ์ต่าง ๆ รวมทั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ และน้ำมันเชื้อเพลิงด้วย
พร้อมกันนี้ สาธารณสุขจังหวัดเชียงรายได้รายงานถึงการใช้หน่วยบริการคัดกรองเข้าไปในหมู่บ้านในช่วงที่ผ่านมาว่า หน่วยคัดกรองผู้ป่วยได้คัดกรองผู้ป่วยส่งต่อโรงพยาบาลแม่จันทั้งหมด 374 ราย สำหรับสถานการณ์ล่าสุดปรากฏว่าจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ได้ลดลงแล้ว ขณะนี้เหลือผู้ป่วยในโรงพยาบาลจังหวัดเชียงรายจำนวน 27 ราย ไม่มีผู้ป่วยเสียชีวิต โดยสิ่งที่จังหวัดเชียงรายจะดำเนินการต่อจากนี้คือ จะรณรงค์ สำรวจและทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ปรับปรุงสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมในหมู่บ้าน พ่นหมอกควันเคมีทุก ๆ วันจันทร์ คัดกรองผู้ป่วยรายใหม่ในหมู่บ้านแล้วส่งต่อไปยังโรงพยาบาล ออกติดตามดูแลผู้ป่วยที่บ้าน รวมถึงอบรมอาสาสมัครเพื่อกระจายความรู้ความเข้าใจ ผลิตสื่อสุขศึกษาโดยเฉพาะในภาษาอาข่า และจัดซื้อตาข่ายเพื่อคลุมภาชนะต่าง ๆ
“ นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัด และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องที่ดูแลสถานการณ์ซึ่งได้ผ่อนคลายลงไปแล้ว และได้ฝากให้จังหวัดเชียงรายได้ช่วยดูแลงานป้องกันเพิ่มเติม โดยเฉพาะกับชนกลุ่มน้อยที่ยังไม่ได้รับสิทธิ์ ยังไม่ได้รับสัญชาติไทย” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า ภายหลังจากการประชุมวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ไปที่จังหวัดเชียงรายแล้ว ได้มีการประชุมวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ต่อไปที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อประชุมหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้รายงานนายกรัฐมนตรีว่า ปลัดกระทรวงสาธารณสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้ลงพื้นที่จังหวัดเชียงรายเป็นเวลาหลายวัน โดยให้การสนับสนุนแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้รายงานเพิ่มเติมว่า โรคไข้เลือดออกกับไข้มาลาเรียถือว่ารุนแรงขึ้น เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงจากภาวะการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลก นอกจากนี้ยังมีโรคเกิดขึ้นใหม่ที่มาจากตะวันออกกลาง ที่มีตัวริ้นฝอยทอง Leishmaniasis เป็นพาหะนำโรค ซึ่งในประเทศไทยก็มีพาหะนำโรคตัวนี้อยู่ เมื่อมีคนไทยไปทำงานในตะวันออกกลาง และติดเชื้อกลับเข้ามายังประเทศไทย แล้วตัวริ้นฝอยทองในประเทศไทยไปกัดเข้าก็จะเป็นตัวพาหะนำเชื้อไปแพร่สู่คนอื่น ซึ่งโรค Leishmaniasis จะส่งผลต่อผิวหนัง ต่ออวัยวะภายในของร่างกาย เกิดอาการไข้ ป่วยเรื้อรังเป็น ๆ หาย ๆ ผู้ป่วยจะไม่มีแรง การรักษาจะลำบากกว่าโรคไข้อื่น ๆ ขณะนี้พบผู้ป่วยในไทยเดือนละ 1-2 ราย ซึ่งเป็นสัญญาณที่จะต้องเฝ้าระวังกันอย่างเต็มที่ต่อไป
“ นายกรัฐมนตรีได้ฝากให้กระทรวงสาธารณสุข ประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ โดยเฉพาะคนงานที่ไปทำงานในตะวันออกกลาง ในการให้ความรู้ความเข้าใจในการป้องกันการติดโรคตั้งแต่ช่วงก่อนเดินทางไปตะวันออกกลาง รวมทั้งให้ความรู้ความเข้าใจแก่ผู้ที่อยู่ในตะวันออกกลางในขณะนี้ เพื่อให้เขาได้ป้องกันตัวเองด้วย นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้รายงานเพิ่มเติมว่า สนามบินขาเข้าทุกแห่งในขณะนี้มีเจ้าหน้าที่จากกรมควบคุมโรคประจำอยู่ เพื่อติดตามผู้ที่เดินทางกลับมาจากตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด ” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จังหวัดเชียงรายได้สรุปสถานการณ์ไข้เลือดออกที่เกิดขึ้นในจังหวัดเชียงราย ว่า มีผู้ป่วยในช่วงที่ผ่านมาทั้งหมด 414 ราย ส่วนใหญ่อยู่ที่อำเภอแม่จัน จำนวน 402 ราย อำเภออื่น ๆ 12 ราย โดยในกรณีอำเภอแม่จันสืบเนื่องจากหมู่บ้านชาวเขาเผ่าอาข่า หมู่ที่ 6 ตำบลแม่ไร่ ด้านที่ติดกับอำเภอแม่สาย มีสภาพที่พักอาศัยทึบ ไม่มีแสงสว่าง มีการกักเก็บน้ำในภาชนะที่ไม่มีการปิดภาชนะจึงทำให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย และเนื่องจากเป็นชาวเขาที่อพยพเข้ามาในประเทศไทย การสื่อสารกับเจ้าหน้าที่จึงค่อนข้างจะจำกัด อีกทั้งยังเป็นชาวเขาที่ไม่มีสิทธิบัตรใด ๆ ในการรักษาพยาบาลด้วย ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้เข้าไปเฝ้าระวังโรค ป้องกันโรคระบาดและนำคนไข้มารักษาที่โรงพยาบาลแม่จัน โรงพยาบาลเชียงแสน โรงพยาบาลศูนย์เชียงราย และผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้ดำเนินการรณรงค์ผ่านสื่อมวลชนต่าง ๆ ขอความร่วมมือในการสื่อความรู้ความเข้าใจผ่านทางอาสาสมัครสาธารณสุข อปพร. หมอดิน ทั้งนี้ ทางจังหวัดเชียงรายได้ประชุมหารือร่วมกับ 4 เขตพื้นที่การศึกษาเมื่อวันศุกร์ที่ 8 มิถุนายน ที่ผ่านมา เพื่อให้นักเรียนได้มีส่วนนำคำแนะนำไปให้ผู้ปกครอง ผู้ใหญ่ในหมู่บ้าน ให้ร่วมมือปิดภาชนะเก็บน้ำป้องกันไม่ให้ยุงลายวางไข่ ซึ่งทาง อบต. อบจ. และเทศบาลได้สนับสนุนงบประมาณการจัดซื้อเคมีภัณฑ์ต่าง ๆ รวมทั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ และน้ำมันเชื้อเพลิงด้วย
พร้อมกันนี้ สาธารณสุขจังหวัดเชียงรายได้รายงานถึงการใช้หน่วยบริการคัดกรองเข้าไปในหมู่บ้านในช่วงที่ผ่านมาว่า หน่วยคัดกรองผู้ป่วยได้คัดกรองผู้ป่วยส่งต่อโรงพยาบาลแม่จันทั้งหมด 374 ราย สำหรับสถานการณ์ล่าสุดปรากฏว่าจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ได้ลดลงแล้ว ขณะนี้เหลือผู้ป่วยในโรงพยาบาลจังหวัดเชียงรายจำนวน 27 ราย ไม่มีผู้ป่วยเสียชีวิต โดยสิ่งที่จังหวัดเชียงรายจะดำเนินการต่อจากนี้คือ จะรณรงค์ สำรวจและทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ปรับปรุงสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมในหมู่บ้าน พ่นหมอกควันเคมีทุก ๆ วันจันทร์ คัดกรองผู้ป่วยรายใหม่ในหมู่บ้านแล้วส่งต่อไปยังโรงพยาบาล ออกติดตามดูแลผู้ป่วยที่บ้าน รวมถึงอบรมอาสาสมัครเพื่อกระจายความรู้ความเข้าใจ ผลิตสื่อสุขศึกษาโดยเฉพาะในภาษาอาข่า และจัดซื้อตาข่ายเพื่อคลุมภาชนะต่าง ๆ
“ นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัด และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องที่ดูแลสถานการณ์ซึ่งได้ผ่อนคลายลงไปแล้ว และได้ฝากให้จังหวัดเชียงรายได้ช่วยดูแลงานป้องกันเพิ่มเติม โดยเฉพาะกับชนกลุ่มน้อยที่ยังไม่ได้รับสิทธิ์ ยังไม่ได้รับสัญชาติไทย” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า ภายหลังจากการประชุมวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ไปที่จังหวัดเชียงรายแล้ว ได้มีการประชุมวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ต่อไปที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อประชุมหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้รายงานนายกรัฐมนตรีว่า ปลัดกระทรวงสาธารณสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้ลงพื้นที่จังหวัดเชียงรายเป็นเวลาหลายวัน โดยให้การสนับสนุนแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้รายงานเพิ่มเติมว่า โรคไข้เลือดออกกับไข้มาลาเรียถือว่ารุนแรงขึ้น เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงจากภาวะการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลก นอกจากนี้ยังมีโรคเกิดขึ้นใหม่ที่มาจากตะวันออกกลาง ที่มีตัวริ้นฝอยทอง Leishmaniasis เป็นพาหะนำโรค ซึ่งในประเทศไทยก็มีพาหะนำโรคตัวนี้อยู่ เมื่อมีคนไทยไปทำงานในตะวันออกกลาง และติดเชื้อกลับเข้ามายังประเทศไทย แล้วตัวริ้นฝอยทองในประเทศไทยไปกัดเข้าก็จะเป็นตัวพาหะนำเชื้อไปแพร่สู่คนอื่น ซึ่งโรค Leishmaniasis จะส่งผลต่อผิวหนัง ต่ออวัยวะภายในของร่างกาย เกิดอาการไข้ ป่วยเรื้อรังเป็น ๆ หาย ๆ ผู้ป่วยจะไม่มีแรง การรักษาจะลำบากกว่าโรคไข้อื่น ๆ ขณะนี้พบผู้ป่วยในไทยเดือนละ 1-2 ราย ซึ่งเป็นสัญญาณที่จะต้องเฝ้าระวังกันอย่างเต็มที่ต่อไป
“ นายกรัฐมนตรีได้ฝากให้กระทรวงสาธารณสุข ประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ โดยเฉพาะคนงานที่ไปทำงานในตะวันออกกลาง ในการให้ความรู้ความเข้าใจในการป้องกันการติดโรคตั้งแต่ช่วงก่อนเดินทางไปตะวันออกกลาง รวมทั้งให้ความรู้ความเข้าใจแก่ผู้ที่อยู่ในตะวันออกกลางในขณะนี้ เพื่อให้เขาได้ป้องกันตัวเองด้วย นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้รายงานเพิ่มเติมว่า สนามบินขาเข้าทุกแห่งในขณะนี้มีเจ้าหน้าที่จากกรมควบคุมโรคประจำอยู่ เพื่อติดตามผู้ที่เดินทางกลับมาจากตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด ” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--