วันนี้ เวลา 10.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการกำหนดวันเลือกตั้งที่หลายฝ่ายเห็นว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เร็วอย่างที่รัฐบาลกำหนดไว้ในวันที่ 25 พฤศจิกายน ว่า อยากทำความเข้าใจว่ารัฐบาลได้พิจารณาตามความคิดเห็นต่าง ๆ ถ้าหากสามารถจัดการเลือกตั้งให้เร็วขึ้นมาได้ โดยมีความพร้อมก็เป็นเรื่องที่ดี แต่หากไม่มีความพร้อม รัฐบาลคงจะต้องดำเนินการในช่วงเวลาที่เหมาะที่ควรต่อไป ทั้งนี้ รัฐบาลเห็นว่าถ้าทำได้เร็วก็จะเป็นประโยชน์ต่อการที่จะกลับไปสู่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามครรลอง รวมทั้งทำให้ต่างประเทศเกิดความเชื่อมั่น
ส่วนใครจะเป็นผู้ชี้ขาดการกำหนดวันเลือกตั้งที่แน่นอนนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงต้องมีการหารือร่วมกัน หลังจากที่ร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว และสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้การรับรอง จนนำไปสู่การลงประชามติ ถ้าขั้นตอนไปถึงจุดนั้นคงจะเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้นว่าควรจะดำเนินการในการเตรียมการจัดการเลือกตั้งอย่างไร จากนั้นรัฐบาลจะได้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาเพื่อกำหนดวันเลือกตั้งต่อไป ซึ่งงานนี้ต้องหารือร่วมกันและกำหนดวันที่ชัดเจน รัฐบาลคงมีหน้าที่ในฐานะที่เป็นฝ่ายบริหารที่จะเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายวิษณุ เครืองาม สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ระบุว่าการเลือกตั้งน่าจะเกิดขึ้นช่วงต้นปี 2551 ซึ่งถือเป็นช่วงที่มีความเหมาะสมมากกว่า นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในความคิดเห็นของฝ่ายบริหารถ้าหากเลือกตั้งเร็วก็ยิ่งดี และถ้าหากมีความพร้อมเราก็ไม่ควรจะรอช้าต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเป็นรัฐบาลรักษาการจะเหมาะสมหรือไม่หากต้องเป็นเจ้าภาพจัดงานพระราชพิธีในปีมหามงคล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงไม่มีปัญหาอะไร เพราะขณะนี้ก็เหมือนกับเป็นรัฐบาลรักษาการอยู่แล้ว คือรักษาการอยู่ระหว่างที่จะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปใหม่ ก็ถือว่าเป็นรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว
ผู้สื่อข่าวถามว่า อุปสรรคอะไรที่น่าเป็นห่วงที่สุดและส่งผลให้การเลือกตั้งเกิดขึ้นเร็วไม่ได้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คิดว่าไม่น่าจะมีอุปสรรคอะไร ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนและระยะเวลาที่ได้มีการประเมินกันไว้ ในส่วนของกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญก็เป็นเรื่องการปรับปรุงแก้ไขจากที่มีอยู่แล้ว คงไม่ได้ไปยกร่างใหม่ทั้งหมด
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
ส่วนใครจะเป็นผู้ชี้ขาดการกำหนดวันเลือกตั้งที่แน่นอนนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงต้องมีการหารือร่วมกัน หลังจากที่ร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว และสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้การรับรอง จนนำไปสู่การลงประชามติ ถ้าขั้นตอนไปถึงจุดนั้นคงจะเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้นว่าควรจะดำเนินการในการเตรียมการจัดการเลือกตั้งอย่างไร จากนั้นรัฐบาลจะได้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาเพื่อกำหนดวันเลือกตั้งต่อไป ซึ่งงานนี้ต้องหารือร่วมกันและกำหนดวันที่ชัดเจน รัฐบาลคงมีหน้าที่ในฐานะที่เป็นฝ่ายบริหารที่จะเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายวิษณุ เครืองาม สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ระบุว่าการเลือกตั้งน่าจะเกิดขึ้นช่วงต้นปี 2551 ซึ่งถือเป็นช่วงที่มีความเหมาะสมมากกว่า นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในความคิดเห็นของฝ่ายบริหารถ้าหากเลือกตั้งเร็วก็ยิ่งดี และถ้าหากมีความพร้อมเราก็ไม่ควรจะรอช้าต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเป็นรัฐบาลรักษาการจะเหมาะสมหรือไม่หากต้องเป็นเจ้าภาพจัดงานพระราชพิธีในปีมหามงคล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงไม่มีปัญหาอะไร เพราะขณะนี้ก็เหมือนกับเป็นรัฐบาลรักษาการอยู่แล้ว คือรักษาการอยู่ระหว่างที่จะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปใหม่ ก็ถือว่าเป็นรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว
ผู้สื่อข่าวถามว่า อุปสรรคอะไรที่น่าเป็นห่วงที่สุดและส่งผลให้การเลือกตั้งเกิดขึ้นเร็วไม่ได้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คิดว่าไม่น่าจะมีอุปสรรคอะไร ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนและระยะเวลาที่ได้มีการประเมินกันไว้ ในส่วนของกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญก็เป็นเรื่องการปรับปรุงแก้ไขจากที่มีอยู่แล้ว คงไม่ได้ไปยกร่างใหม่ทั้งหมด
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--