นายกรัฐมนตรีนำคณะรัฐมนตรีเข้าเยี่ยมคารวะพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่บ้านพักสี่เสาเวศร์ เพื่อให้กำลังใจ หลังเกิดเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างกลุ่ม นปก. และเจ้าหน้าที่ เมื่อคืนวันที 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา
วันนี้ เวลา 14.00 น. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรี อาทิ นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และพลเอก บุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางเข้าเยี่ยมคารวะพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวกับพลเอก เปรมฯ ว่า ในห้วงเวลาที่ผ่านมาได้มีกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่มีความขัดแย้งทางการเมืองและสูญเสียผลประโยชน์ได้ออกมาเคลื่อนไหวชุมนุมเรียกร้อง กล่าวหา กล่าวพาดพิง โจมตีใส่ร้ายป้ายสี พลเอก เปรมฯ อย่างต่อเนื่อง กลุ่มดังกล่าวมีเจตนาที่จะทำลายสถาบันเบื้องสูงที่อยู่คู่ประเทศไทย และเป็นที่พึ่งของประชาชน เพื่อหวังผลทางการเมือง
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของตนเองเห็นว่า การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของชาติไทย ตั้งแต่ปี 2475 เป็นต้นมา โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญปี 2540 และรัฐธรรมนูญปี 2550 ฉบับที่กำลังจะลงมติกันในเร็ว ๆ นี้ ได้มีบทบัญญัติชัดเจนว่า พระมหากษัตริย์ทรงเลือก และทรงแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นประธานองคมนตรี และองคมนตรีอื่นอีกไม่เกิน 18 คน ประกอบเป็นองคมนตรี ซึ่งมีหน้าที่ถวายความเห็นต่อพระมหากษัตริย์ ในพระราชกรณียกิจทั้งปวงที่ทรงปรึกษา คณะองคมนตรีจึงถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของสถาบันเบื้องสูง
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่ พลเอก เปรมฯ ได้รับสนองพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งประธานองคมนตรี จึงถือว่าเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ เป็นคนดี มีคุณธรรม และจริยธรรม เป็นบุคคลที่หาได้ยากยิ่งในแผ่นดิน ที่ได้ทำงานเสียสละเพื่อชาติบ้านเมืองมาโดยตลอด การกระทำของกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดีต่อชาติบ้านเมืองได้กระทำการอันจาบจ้วง ทั้งที่สนามหลวง และเดินมากล่าวให้ร้ายป้ายสีที่บริเวณหน้าบ้านพักของพลเอก เปรมฯ จนเกิดการจลาจลขึ้น เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ที่ผ่านมา จึงเป็นการมิบังควรอย่างยิ่ง
รัฐบาลได้ประชุมหารือกับหน่วยความมั่นคงแล้ว จะต้องใช้มาตรการที่เด็ดขาดทางกฎหมายดำเนินการกับกลุ่มบุคคลดังกล่าว และกราบขออภัยต่อพลเอก เปรมฯ ที่มาตรการที่ในการดูแลยังย่อหย่อนไม่รัดกุม โดยจะป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก และรัฐบาลยืนยันว่าจะดำเนินการทุกวิถีทางที่จะนำความผาสุกปรองดองให้กลับคืนมาสู่พี่น้องประชาชนให้เร็วที่สุด
จากนั้น พลเอก เปรมฯ ได้นำคณะรัฐมนตรีเข้าไปหารือในห้องรับรอง โดยใช้เวลาหารือประมาณ 30 นาที โดยนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า พลเอก เปรมฯ ได้ให้ข้อคิดเห็นว่า ถือเป็นโอกาสดีที่คณะรัฐมนตรีได้มาพบเป็นส่วนใหญ่ โดยปกติแล้วจะเข้าพบเพียงบางคนเท่านั้น ซึ่งพล.อ.เปรมได้บอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้โกรธและไม่ได้เครียดกับผู้ที่กระทำ เพราะถือว่าเป็นเหตุการณ์ซึ่งไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น และการที่คณะรัฐมนตรีเดินทางมาวันนี้ก็เพื่อให้กำลังใจ โดยพลเอก เปรมฯ บอกว่าท่านมีกำลังใจ นั่นก็เป็นสิ่งที่ดี ทั้งนี้ พลเอก เปรมฯ ไม่ได้ให้คำแนะนำอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า พลเอก เปรมฯ ได้ให้คำแนะนำอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้ให้คำแนะนำอะไร เพียงแต่บอกว่า คณะรัฐมนตรีส่วนใหญ่เสียสละเข้ามาทำหน้าที่ และไม่ได้ฝากแนวทางในการเจรจากับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตย ขับไล่เผด็จการ (นปก.) แต่ขอให้คณะรัฐมนตรีได้ทำหน้าที่ที่จะนำชาติบ้านเมืองกลับไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งอย่างที่มุ่งหวังไว้
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการเตรียมการป้องกันเหตุการณ์ที่อาจจะบานปลายในอนาคตหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลพยายามที่จะแก้ไข และยึดมั่นแนวทางการแก้ไขปัญหาโดยการเจรจาโดยสันติวิธี ซึ่งรัฐบาลต้องการให้ประเทศชาติกลับไปสู่ระบอบประชาธิปไตยตามที่ได้มุ่งหวังไว้ ทั้งนี้ พลเอก เปรมฯ ไม่ได้แนะนำแนวทางอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่ให้กำลังใจคณะรัฐมนตรีเท่านั้น
ด้านร้อยเอก ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงเพิ่มเติมว่า พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้ขอบคุณคณะรัฐมนตรีที่แสดงความเป็นห่วง และบอกว่า ที่ผ่านมาได้รับการดูแลจากทหารและตำรวจเป็นอย่างดี และเข้าใจดีว่า เหตุการณ์ปะทะกันระหว่างแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นความบกพร่องของรัฐบาล เพราะเป็นการกระทำที่ไม่มีใครคาดคิด พร้อมทั้งระบุว่าสิ่งที่ นปก. กล่าวหา โดยเฉพาะที่ระบุว่า พลเอก เปรมฯ อยู่เบื้องหลังการปฏิวัตินั้น เป็นเรื่องเท็จทั้งหมด นอกจากนี้ พลเอก เปรมฯ ยังยืนยันด้วยว่าไม่ท้อถอย ไม่เครียด และไม่สะทกสะท้านกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยังให้กำลังใจคณะรัฐมนตรีที่อาสามาทำหน้าที่เพื่อชาติบ้านเมือง โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ถือว่าเป็นการตอบแทนคุณต่อชาติบ้านเมืองครั้งยิ่งใหญ่
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 14.00 น. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรี อาทิ นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และพลเอก บุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางเข้าเยี่ยมคารวะพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวกับพลเอก เปรมฯ ว่า ในห้วงเวลาที่ผ่านมาได้มีกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่มีความขัดแย้งทางการเมืองและสูญเสียผลประโยชน์ได้ออกมาเคลื่อนไหวชุมนุมเรียกร้อง กล่าวหา กล่าวพาดพิง โจมตีใส่ร้ายป้ายสี พลเอก เปรมฯ อย่างต่อเนื่อง กลุ่มดังกล่าวมีเจตนาที่จะทำลายสถาบันเบื้องสูงที่อยู่คู่ประเทศไทย และเป็นที่พึ่งของประชาชน เพื่อหวังผลทางการเมือง
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของตนเองเห็นว่า การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของชาติไทย ตั้งแต่ปี 2475 เป็นต้นมา โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญปี 2540 และรัฐธรรมนูญปี 2550 ฉบับที่กำลังจะลงมติกันในเร็ว ๆ นี้ ได้มีบทบัญญัติชัดเจนว่า พระมหากษัตริย์ทรงเลือก และทรงแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นประธานองคมนตรี และองคมนตรีอื่นอีกไม่เกิน 18 คน ประกอบเป็นองคมนตรี ซึ่งมีหน้าที่ถวายความเห็นต่อพระมหากษัตริย์ ในพระราชกรณียกิจทั้งปวงที่ทรงปรึกษา คณะองคมนตรีจึงถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของสถาบันเบื้องสูง
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่ พลเอก เปรมฯ ได้รับสนองพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งประธานองคมนตรี จึงถือว่าเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ เป็นคนดี มีคุณธรรม และจริยธรรม เป็นบุคคลที่หาได้ยากยิ่งในแผ่นดิน ที่ได้ทำงานเสียสละเพื่อชาติบ้านเมืองมาโดยตลอด การกระทำของกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดีต่อชาติบ้านเมืองได้กระทำการอันจาบจ้วง ทั้งที่สนามหลวง และเดินมากล่าวให้ร้ายป้ายสีที่บริเวณหน้าบ้านพักของพลเอก เปรมฯ จนเกิดการจลาจลขึ้น เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ที่ผ่านมา จึงเป็นการมิบังควรอย่างยิ่ง
รัฐบาลได้ประชุมหารือกับหน่วยความมั่นคงแล้ว จะต้องใช้มาตรการที่เด็ดขาดทางกฎหมายดำเนินการกับกลุ่มบุคคลดังกล่าว และกราบขออภัยต่อพลเอก เปรมฯ ที่มาตรการที่ในการดูแลยังย่อหย่อนไม่รัดกุม โดยจะป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก และรัฐบาลยืนยันว่าจะดำเนินการทุกวิถีทางที่จะนำความผาสุกปรองดองให้กลับคืนมาสู่พี่น้องประชาชนให้เร็วที่สุด
จากนั้น พลเอก เปรมฯ ได้นำคณะรัฐมนตรีเข้าไปหารือในห้องรับรอง โดยใช้เวลาหารือประมาณ 30 นาที โดยนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า พลเอก เปรมฯ ได้ให้ข้อคิดเห็นว่า ถือเป็นโอกาสดีที่คณะรัฐมนตรีได้มาพบเป็นส่วนใหญ่ โดยปกติแล้วจะเข้าพบเพียงบางคนเท่านั้น ซึ่งพล.อ.เปรมได้บอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้โกรธและไม่ได้เครียดกับผู้ที่กระทำ เพราะถือว่าเป็นเหตุการณ์ซึ่งไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น และการที่คณะรัฐมนตรีเดินทางมาวันนี้ก็เพื่อให้กำลังใจ โดยพลเอก เปรมฯ บอกว่าท่านมีกำลังใจ นั่นก็เป็นสิ่งที่ดี ทั้งนี้ พลเอก เปรมฯ ไม่ได้ให้คำแนะนำอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า พลเอก เปรมฯ ได้ให้คำแนะนำอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้ให้คำแนะนำอะไร เพียงแต่บอกว่า คณะรัฐมนตรีส่วนใหญ่เสียสละเข้ามาทำหน้าที่ และไม่ได้ฝากแนวทางในการเจรจากับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตย ขับไล่เผด็จการ (นปก.) แต่ขอให้คณะรัฐมนตรีได้ทำหน้าที่ที่จะนำชาติบ้านเมืองกลับไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งอย่างที่มุ่งหวังไว้
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการเตรียมการป้องกันเหตุการณ์ที่อาจจะบานปลายในอนาคตหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลพยายามที่จะแก้ไข และยึดมั่นแนวทางการแก้ไขปัญหาโดยการเจรจาโดยสันติวิธี ซึ่งรัฐบาลต้องการให้ประเทศชาติกลับไปสู่ระบอบประชาธิปไตยตามที่ได้มุ่งหวังไว้ ทั้งนี้ พลเอก เปรมฯ ไม่ได้แนะนำแนวทางอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่ให้กำลังใจคณะรัฐมนตรีเท่านั้น
ด้านร้อยเอก ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงเพิ่มเติมว่า พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้ขอบคุณคณะรัฐมนตรีที่แสดงความเป็นห่วง และบอกว่า ที่ผ่านมาได้รับการดูแลจากทหารและตำรวจเป็นอย่างดี และเข้าใจดีว่า เหตุการณ์ปะทะกันระหว่างแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นความบกพร่องของรัฐบาล เพราะเป็นการกระทำที่ไม่มีใครคาดคิด พร้อมทั้งระบุว่าสิ่งที่ นปก. กล่าวหา โดยเฉพาะที่ระบุว่า พลเอก เปรมฯ อยู่เบื้องหลังการปฏิวัตินั้น เป็นเรื่องเท็จทั้งหมด นอกจากนี้ พลเอก เปรมฯ ยังยืนยันด้วยว่าไม่ท้อถอย ไม่เครียด และไม่สะทกสะท้านกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยังให้กำลังใจคณะรัฐมนตรีที่อาสามาทำหน้าที่เพื่อชาติบ้านเมือง โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ถือว่าเป็นการตอบแทนคุณต่อชาติบ้านเมืองครั้งยิ่งใหญ่
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--