แท็ก
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เกริกไกร จีระแพทย์
สุรยุทธ์ จุลานนท์
กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงกลาโหม
นายกรัฐมนตรี
วันนี้ เวลา 14.10 น . ตามเวลาท้องถิ่น (เวลาที่กรุงปักกิ่งเร็วกว่ากรุงเทพฯ 1 ชั่วโมง) พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและคณะประกอบด้วย พลเอก บุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายวิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายสวนิต คงสิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางถึงท่าอากาศยานกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีนาย ชุย เทียนข่าย (Mr. Cui tiankai) ผู้ช่วยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน รอให้การต้อนรับ
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เข้าเยี่ยมคารวะนายหู จิ่นเทา ประธานาธิบดีจีน ณ มหาศาลาประชาคม โอกาสนี้ ประธานาธิบดีจีนได้กล่าวต้อนรับนายกรัฐมนตรี โดยย้ำว่านายกรัฐมนตรีเป็นเพื่อนเก่าของประชาชนจีน หลายปีที่ผ่านมา ได้ทำงานหลายอย่างเพื่อส่งเสริมสันถวไมตรีระหว่างจีน - ไทย และเพื่อกระชับความร่วมมืออันดีระหว่างทหารของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งการเดินทางเยือนจีนครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้นำรัฐมนตรีหลายคนมาเยี่ยมเยือนประเทศจีน สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลของไทยและนายกรัฐมนตรีเห็นความสำคัญในความร่วมมือระหว่างกัน
ขณะที่นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณที่ประธานาธิบดีจีนให้การต้อนรับ ในโอกาสเยือนอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างจีน - ไทย ถือว่ามีความใกล้ชิดแน่นแฟ้นเกินกว่าจะหาคำพูดมาเปรียบได้ เป็นคำพูดของฝ่ายจีน ที่เคยกล่าวไว้ว่า เหมือนพี่น้อง และขอบคุณประธานาธิบดีจีนเป็นอย่างยิ่ง ที่ให้นายถัง เจี่ยสวน มนตรีแห่งรัฐ เป็นผู้แทนมาเยือนประเทศไทย ในงานวันสำคัญของคนไทย ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ซึ่งความสัมพันธ์ตลอด 32 ปี ระหว่างจีน—ไทย ถือเป็นความสำคัญ ที่พิสูจน์ความเป็นประเทศมหามิตร
ต่อมาเวลา 17.15 น. ตามเวลาท้องถิ่น ได้มีพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ณ บริเวณลานหน้ามหาศาลาประชาชน มีนายเวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีน ให้การต้อนรับ และนำนายกรัฐมนตรีตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ ก่อนหารือทวิภาคีระหว่างนายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศ โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยรัฐบาลจีน จำนวน 2 ฉบับ คือ แผนปฏิบัติการร่วมว่าด้านยุทธาศาสตร์ ไทย-จีน ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ( Joint Action Plan on Thailand-China Strategic Cooperation between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the People’s Republic of China) ระหว่างนายสวนิต คงสิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายไต้ ปิ่งกั๋ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน และความตกลงว่าด้วยการยอมรับปริญญาระดับอุดมศึกษาระหว่างกระทรวงศึกษาธิการแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงศึกษาธิการแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนระหว่างนายวิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกับนายโจว จี่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการจีน
จากนั้น เวลา 18.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น นายกรัฐมนตรีจีนได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีไทย และคณะ ณ ห้องโถงใหญ่ ภายในมหาศาลาประชาชน และในเวลา 20.00 น. นายเฉิน หยวน ผู้ว่าการธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งชาติ เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีไทย ณ ห้องรับรองภายในอาคารหมายเลข 18 เรือนรับรองรัฐบาลเตี้ยวหยูไถ
ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจ นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวถึงผลการหารือโดยสรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงการเข้าเยี่ยมคารวะประธานาธิบดีจีนว่า เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในภาพกว้างเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีน สถานการณ์ในภูมิภาคและสถานการณ์โลก อาทิ สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งประธานาธิบดีจีนได้ถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่จะทรงมีพระชนมายุครบรอบ 80 พรรษาในปีนี้ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่าไทยได้พัฒนาความสัมพันธ์บนพื้นฐานในการยึดมั่นในนโยบายจีนเดียวมาโดยตลอด โดยทั้งไทยและจีนต่างก็มีความคล้ายคลึงกันทางสังคม โดยยึดมั่นความสมานฉันท์และความโปร่งใส
สำหรับการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีกับนายกรัฐมนตรีจีนนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าเป็นการหารือในรายละเอียด ในระดับรัฐบาลต่อรัฐบาล โดยเฉพาะความสำเร็จในการลงนามแผนปฏิบัติการร่วม ฯ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมความร่วมมือในทุกๆ สาขา อย่างรอบด้านร่วมกัน ตั้งแต่ พ.ศ. 2550-2554 และความร่วมมือด้านการศึกษา ซึ่งเป็นการยกระดับวิทยาฐานะระหว่างสองประเทศ โดยมหาวิทยาลัยหัวเฉียวของจีนได้ร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการของไทย สร้างโอกาสให้เยาวชนและเป็นการขยายมาตรฐานการศึกษาของไทยสู่สากล นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศยังจะได้ประสานความสัมพันธ์ โดยการกำหนดเปิดศูนย์วัฒนธรรมไทยในจีน และศูนย์วัฒน ธรรมจีนในไทย โดยจะเริ่มที่ไทยก่อน ซึ่งอาจจะพิจารณาสถานที่บริเวณใกล้สถานทูตจีนหรือใกล้ศูนย์วัฒนธรรมไทย-ญี่ปุ่น เพื่อขยายความร่วมมือด้านวัฒนธรรม และเพิ่มพูนความเข้าใจ รวมทั้งยังได้มีการหารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้านกลาโหม เนื่องจากจีนมีอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศที่ก้าวหน้า เทคโนโลยีสมัยใหม่ทางทหาร ซึ่งสามารถขยายความร่วมมือต่อไปในอนาคต
ความร่วมมือการพัฒนาเส้นทางคมนาคม โดยเฉพาะการเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟและรถยนต์ระหว่างจีนมายังไทยโดยผ่านลาว และการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงจะช่วยอำนวยความสะดวกทั้งการเดินทาง การติดต่อ และส่งเสริมการค้าได้อย่างสะดวก
การส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การขยายมูลค่าการค้าในปัจจุบันจาก 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ เป็น 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2553 เพิ่มมูลค่าการลงทุนจากปัจจุบัน 2,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯให้ได้อีกหนึ่งเท่าตัว คือ 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2553 เช่นกัน ทั้งการเข้ามาลงทุนในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ โครงการรถรางไฟฟ้ารางคู่ เป็นต้น รวมทั้งการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างกัน โดยตั้งเป้าหมายให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาท่องเที่ยวในไทย 3 ล้านคน และนักท่องเที่ยวไทยเดินทางท่องเที่ยวจีน 1 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม การเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนในครั้งนี้ ถือเป็นการเดินทางเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการ (Official Visit) เป็นประเทศแรก นอกภูมิภาคอาเซียน โดยรัฐบาลจีนได้ให้การต้อนรับการเดินทางมาเยือนจีนของนายกรัฐมนตรีและคณะอย่างอบอุ่น เป็นการตอกย้ำความสัมพันธ์ระหว่างกัน และจีนยังเป็นรัฐบาลประเทศแรกที่ให้การรับรองคณะรัฐบาลไทย และสนับสนุนการแก้ปัญหาโดยใช้แนวทางสมานฉันท์และสันติวิธี
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เข้าเยี่ยมคารวะนายหู จิ่นเทา ประธานาธิบดีจีน ณ มหาศาลาประชาคม โอกาสนี้ ประธานาธิบดีจีนได้กล่าวต้อนรับนายกรัฐมนตรี โดยย้ำว่านายกรัฐมนตรีเป็นเพื่อนเก่าของประชาชนจีน หลายปีที่ผ่านมา ได้ทำงานหลายอย่างเพื่อส่งเสริมสันถวไมตรีระหว่างจีน - ไทย และเพื่อกระชับความร่วมมืออันดีระหว่างทหารของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งการเดินทางเยือนจีนครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้นำรัฐมนตรีหลายคนมาเยี่ยมเยือนประเทศจีน สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลของไทยและนายกรัฐมนตรีเห็นความสำคัญในความร่วมมือระหว่างกัน
ขณะที่นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณที่ประธานาธิบดีจีนให้การต้อนรับ ในโอกาสเยือนอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างจีน - ไทย ถือว่ามีความใกล้ชิดแน่นแฟ้นเกินกว่าจะหาคำพูดมาเปรียบได้ เป็นคำพูดของฝ่ายจีน ที่เคยกล่าวไว้ว่า เหมือนพี่น้อง และขอบคุณประธานาธิบดีจีนเป็นอย่างยิ่ง ที่ให้นายถัง เจี่ยสวน มนตรีแห่งรัฐ เป็นผู้แทนมาเยือนประเทศไทย ในงานวันสำคัญของคนไทย ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ซึ่งความสัมพันธ์ตลอด 32 ปี ระหว่างจีน—ไทย ถือเป็นความสำคัญ ที่พิสูจน์ความเป็นประเทศมหามิตร
ต่อมาเวลา 17.15 น. ตามเวลาท้องถิ่น ได้มีพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ณ บริเวณลานหน้ามหาศาลาประชาชน มีนายเวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีน ให้การต้อนรับ และนำนายกรัฐมนตรีตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ ก่อนหารือทวิภาคีระหว่างนายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศ โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยรัฐบาลจีน จำนวน 2 ฉบับ คือ แผนปฏิบัติการร่วมว่าด้านยุทธาศาสตร์ ไทย-จีน ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ( Joint Action Plan on Thailand-China Strategic Cooperation between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the People’s Republic of China) ระหว่างนายสวนิต คงสิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายไต้ ปิ่งกั๋ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน และความตกลงว่าด้วยการยอมรับปริญญาระดับอุดมศึกษาระหว่างกระทรวงศึกษาธิการแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงศึกษาธิการแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนระหว่างนายวิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกับนายโจว จี่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการจีน
จากนั้น เวลา 18.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น นายกรัฐมนตรีจีนได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีไทย และคณะ ณ ห้องโถงใหญ่ ภายในมหาศาลาประชาชน และในเวลา 20.00 น. นายเฉิน หยวน ผู้ว่าการธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งชาติ เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีไทย ณ ห้องรับรองภายในอาคารหมายเลข 18 เรือนรับรองรัฐบาลเตี้ยวหยูไถ
ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจ นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวถึงผลการหารือโดยสรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงการเข้าเยี่ยมคารวะประธานาธิบดีจีนว่า เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในภาพกว้างเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีน สถานการณ์ในภูมิภาคและสถานการณ์โลก อาทิ สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งประธานาธิบดีจีนได้ถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่จะทรงมีพระชนมายุครบรอบ 80 พรรษาในปีนี้ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่าไทยได้พัฒนาความสัมพันธ์บนพื้นฐานในการยึดมั่นในนโยบายจีนเดียวมาโดยตลอด โดยทั้งไทยและจีนต่างก็มีความคล้ายคลึงกันทางสังคม โดยยึดมั่นความสมานฉันท์และความโปร่งใส
สำหรับการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีกับนายกรัฐมนตรีจีนนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าเป็นการหารือในรายละเอียด ในระดับรัฐบาลต่อรัฐบาล โดยเฉพาะความสำเร็จในการลงนามแผนปฏิบัติการร่วม ฯ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมความร่วมมือในทุกๆ สาขา อย่างรอบด้านร่วมกัน ตั้งแต่ พ.ศ. 2550-2554 และความร่วมมือด้านการศึกษา ซึ่งเป็นการยกระดับวิทยาฐานะระหว่างสองประเทศ โดยมหาวิทยาลัยหัวเฉียวของจีนได้ร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการของไทย สร้างโอกาสให้เยาวชนและเป็นการขยายมาตรฐานการศึกษาของไทยสู่สากล นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศยังจะได้ประสานความสัมพันธ์ โดยการกำหนดเปิดศูนย์วัฒนธรรมไทยในจีน และศูนย์วัฒน ธรรมจีนในไทย โดยจะเริ่มที่ไทยก่อน ซึ่งอาจจะพิจารณาสถานที่บริเวณใกล้สถานทูตจีนหรือใกล้ศูนย์วัฒนธรรมไทย-ญี่ปุ่น เพื่อขยายความร่วมมือด้านวัฒนธรรม และเพิ่มพูนความเข้าใจ รวมทั้งยังได้มีการหารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้านกลาโหม เนื่องจากจีนมีอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศที่ก้าวหน้า เทคโนโลยีสมัยใหม่ทางทหาร ซึ่งสามารถขยายความร่วมมือต่อไปในอนาคต
ความร่วมมือการพัฒนาเส้นทางคมนาคม โดยเฉพาะการเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟและรถยนต์ระหว่างจีนมายังไทยโดยผ่านลาว และการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงจะช่วยอำนวยความสะดวกทั้งการเดินทาง การติดต่อ และส่งเสริมการค้าได้อย่างสะดวก
การส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การขยายมูลค่าการค้าในปัจจุบันจาก 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ เป็น 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2553 เพิ่มมูลค่าการลงทุนจากปัจจุบัน 2,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯให้ได้อีกหนึ่งเท่าตัว คือ 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2553 เช่นกัน ทั้งการเข้ามาลงทุนในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ โครงการรถรางไฟฟ้ารางคู่ เป็นต้น รวมทั้งการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างกัน โดยตั้งเป้าหมายให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาท่องเที่ยวในไทย 3 ล้านคน และนักท่องเที่ยวไทยเดินทางท่องเที่ยวจีน 1 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม การเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนในครั้งนี้ ถือเป็นการเดินทางเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการ (Official Visit) เป็นประเทศแรก นอกภูมิภาคอาเซียน โดยรัฐบาลจีนได้ให้การต้อนรับการเดินทางมาเยือนจีนของนายกรัฐมนตรีและคณะอย่างอบอุ่น เป็นการตอกย้ำความสัมพันธ์ระหว่างกัน และจีนยังเป็นรัฐบาลประเทศแรกที่ให้การรับรองคณะรัฐบาลไทย และสนับสนุนการแก้ปัญหาโดยใช้แนวทางสมานฉันท์และสันติวิธี
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--