นายกรัฐมนตรีระบุการชุมนุมของกลุ่ม นปก.ถือเป็นสิทธิส่วนหนึ่ง แต่ไม่ควรไปละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น ส่วนการจะออกหมายจับแกนนำกลุ่ม นปก. หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาล
วันนี้ เวลา 10.00 น. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกลุ่มคนรักสงขลาออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ที่เดินทางไปชุมนุมบริเวณหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ของพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า เรื่องสิทธิการแสดงออกถือว่าเป็นส่วนหนึ่ง แต่ไม่ควรไปละเมิดสิทธิของบุคคลอื่นด้วยเช่นกัน เราต้องเคารพสิทธิของบุคคลอื่น ซึ่งในวิธีการของเรา ๆ เคารพแม้กระทั่งความคิดเห็นของคนส่วนน้อย แต่เราคงต้องทำตามความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่ เมื่อเรามีสิทธิแล้วก็ต้องมีหน้าที่ที่จะช่วยกันดูแลด้วย โดยหน้าที่ที่สำคัญคือการทำให้เกิดความสงบสุขขึ้นในบ้านเมืองของเรา ถ้ามีสิทธิอย่างเดียว แต่ไม่มีหน้าที่ เราก็คงไม่สามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้
ส่วนความคืบหน้าในการที่ตำรวจขออนุมัติหมายจับแกนนำ นปก. นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เท่าที่ได้ติดตามข่าวคือศาลจะเชิญผู้ที่ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหาในวันเดียวกันนี้ ส่วนเรื่องอื่นอยู่ที่ศาลจะพิจารณาดำเนินการ
ต่อข้อถามว่า การที่ศาลมีแนวทางไกล่เกลี่ยโดยไม่ออกหมายจับจะทำให้ถูกมองว่าการบังคับใช้กฎหมายเกิดความย่อหย่อนหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยู่ที่ผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหา รวมทั้งศาล เมื่อเรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนของศาลเราก็ต้องรอฟัง และขณะนี้ขั้นตอนต่าง ๆ ก็ไม่ได้อยู่ที่รัฐบาล แต่อยู่ที่ศาล ต้องให้ศาลเป็นผู้ดำเนินการ คงตอบไม่ได้ว่าจะเป็นอย่างไร
ต่อข้อถามว่า สังคมสงสัยท่าทีของศาลที่ใช้วิธีการไกล่เกลี่ยโดยไม่ออกหมายจับทั้งที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นวิธีการพิจารณาของศาล คงไม่อยู่ในฐานะที่จะไปวิพากษ์วิจารณ์ได้ ซึ่งในกระบวนการศาลยุติธรรมมีขั้นตอนที่จะดำเนินการ และสิ่งที่ดีที่สุดคือการประนีประนอมในชั้นศาล แม้กระทั่งคดีที่ไม่รุนแรงหรือร้ายแรง ศาลก็พยายามให้ประนีประนอม เพราะขณะนี้คดีในศาลมีเป็นจำนวนมาก
ต่อข้อถามว่า มีการวิเคราะห์ว่าแกนนำ นปก. อยากให้ออกหมายจับเพื่อให้เกิดเหตุการณ์เหมือนเดือนพฤษภาคม 2535 นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้มองภาพในลักษณะนั้น แต่มองว่าการกระทำนั้นถ้าเป็นการละเมิดสิทธิและทำผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ที่รักษากฎหมายก็ต้องดำเนินการ ถ้าเป็นความผิดเฉพาะหน้าก็ต้องดำเนินการ ซึ่งในกรณีนี้มีเจ้าหน้าที่เข้าไปควบคุมและได้รับบาดเจ็บหลายนาย จึงถือว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าและสามารถดำเนินการได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลจะให้ความเชื่อมั่นกับประชาชนได้หรือไม่ว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คิดว่าประชาชนคงเข้าใจว่าสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการในปัจจุบันคือการพยายามให้ประชาชนได้ใช้สิทธิตามที่มี โดยไม่ไปรบกวนสิทธิของผู้อื่น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อเสนอของนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ที่เสนอให้ใช้ความ เด็ดขาดกับกลุ่ม นปก. เพราะไม่อย่างนั้นจะส่งผลกระทบต่อนักลงทุน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นักลงทุนไม่ได้เดือดร้อน ไม่ได้ส่งผลกระทบกับนักลงทุน เพราะนักลงทุนเข้าใจว่าเป็นเรื่องที่ยืดเยื้อมานานตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน และไม่ทราบว่าจะยืดเยื้อไปถึงปี 2551 หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ถือว่าเป็นปัญหาในสังคมของเรา เพราะเป็นความขัดแย้งทางการเมืองที่ยังดำรงอยู่ และคิดว่าการที่ความขัดแย้งจะขยายตัวมากขึ้นก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า นปก. มีเหตุจูงใจอะไรจึงเลือกโจมตีพลเอก เปรมฯ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ทราบ คงต้องไปถามกลุ่มผู้นำของพีทีวี ส่วนที่ว่ารัฐบาลจะเป็นตัวกลางเข้าไปประสานงานกับทุกฝ่ายเพื่อให้เกิดความเข้าใจในสังคมหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลก็ถือว่าได้พยายามมาโดยตลอดที่จะยืนอยู่ตรงจุดที่จะสามารถช่วยให้เกิดความเข้าใจ มีการอะลุ้มอล่วยให้กับผู้ที่เดินขบวนคัดค้านชุมนุมต่าง ๆ ถือว่า รัฐบาลได้พยายามปรับตัวแล้ว แต่ในส่วนที่เกินเลยและมีการละเมิดสิทธิผู้อื่นเราก็ต้องดำเนินการ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 10.00 น. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกลุ่มคนรักสงขลาออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ที่เดินทางไปชุมนุมบริเวณหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ของพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า เรื่องสิทธิการแสดงออกถือว่าเป็นส่วนหนึ่ง แต่ไม่ควรไปละเมิดสิทธิของบุคคลอื่นด้วยเช่นกัน เราต้องเคารพสิทธิของบุคคลอื่น ซึ่งในวิธีการของเรา ๆ เคารพแม้กระทั่งความคิดเห็นของคนส่วนน้อย แต่เราคงต้องทำตามความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่ เมื่อเรามีสิทธิแล้วก็ต้องมีหน้าที่ที่จะช่วยกันดูแลด้วย โดยหน้าที่ที่สำคัญคือการทำให้เกิดความสงบสุขขึ้นในบ้านเมืองของเรา ถ้ามีสิทธิอย่างเดียว แต่ไม่มีหน้าที่ เราก็คงไม่สามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้
ส่วนความคืบหน้าในการที่ตำรวจขออนุมัติหมายจับแกนนำ นปก. นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เท่าที่ได้ติดตามข่าวคือศาลจะเชิญผู้ที่ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหาในวันเดียวกันนี้ ส่วนเรื่องอื่นอยู่ที่ศาลจะพิจารณาดำเนินการ
ต่อข้อถามว่า การที่ศาลมีแนวทางไกล่เกลี่ยโดยไม่ออกหมายจับจะทำให้ถูกมองว่าการบังคับใช้กฎหมายเกิดความย่อหย่อนหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยู่ที่ผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหา รวมทั้งศาล เมื่อเรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนของศาลเราก็ต้องรอฟัง และขณะนี้ขั้นตอนต่าง ๆ ก็ไม่ได้อยู่ที่รัฐบาล แต่อยู่ที่ศาล ต้องให้ศาลเป็นผู้ดำเนินการ คงตอบไม่ได้ว่าจะเป็นอย่างไร
ต่อข้อถามว่า สังคมสงสัยท่าทีของศาลที่ใช้วิธีการไกล่เกลี่ยโดยไม่ออกหมายจับทั้งที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นวิธีการพิจารณาของศาล คงไม่อยู่ในฐานะที่จะไปวิพากษ์วิจารณ์ได้ ซึ่งในกระบวนการศาลยุติธรรมมีขั้นตอนที่จะดำเนินการ และสิ่งที่ดีที่สุดคือการประนีประนอมในชั้นศาล แม้กระทั่งคดีที่ไม่รุนแรงหรือร้ายแรง ศาลก็พยายามให้ประนีประนอม เพราะขณะนี้คดีในศาลมีเป็นจำนวนมาก
ต่อข้อถามว่า มีการวิเคราะห์ว่าแกนนำ นปก. อยากให้ออกหมายจับเพื่อให้เกิดเหตุการณ์เหมือนเดือนพฤษภาคม 2535 นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้มองภาพในลักษณะนั้น แต่มองว่าการกระทำนั้นถ้าเป็นการละเมิดสิทธิและทำผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ที่รักษากฎหมายก็ต้องดำเนินการ ถ้าเป็นความผิดเฉพาะหน้าก็ต้องดำเนินการ ซึ่งในกรณีนี้มีเจ้าหน้าที่เข้าไปควบคุมและได้รับบาดเจ็บหลายนาย จึงถือว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าและสามารถดำเนินการได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลจะให้ความเชื่อมั่นกับประชาชนได้หรือไม่ว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คิดว่าประชาชนคงเข้าใจว่าสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการในปัจจุบันคือการพยายามให้ประชาชนได้ใช้สิทธิตามที่มี โดยไม่ไปรบกวนสิทธิของผู้อื่น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อเสนอของนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ที่เสนอให้ใช้ความ เด็ดขาดกับกลุ่ม นปก. เพราะไม่อย่างนั้นจะส่งผลกระทบต่อนักลงทุน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นักลงทุนไม่ได้เดือดร้อน ไม่ได้ส่งผลกระทบกับนักลงทุน เพราะนักลงทุนเข้าใจว่าเป็นเรื่องที่ยืดเยื้อมานานตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน และไม่ทราบว่าจะยืดเยื้อไปถึงปี 2551 หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ถือว่าเป็นปัญหาในสังคมของเรา เพราะเป็นความขัดแย้งทางการเมืองที่ยังดำรงอยู่ และคิดว่าการที่ความขัดแย้งจะขยายตัวมากขึ้นก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า นปก. มีเหตุจูงใจอะไรจึงเลือกโจมตีพลเอก เปรมฯ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ทราบ คงต้องไปถามกลุ่มผู้นำของพีทีวี ส่วนที่ว่ารัฐบาลจะเป็นตัวกลางเข้าไปประสานงานกับทุกฝ่ายเพื่อให้เกิดความเข้าใจในสังคมหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลก็ถือว่าได้พยายามมาโดยตลอดที่จะยืนอยู่ตรงจุดที่จะสามารถช่วยให้เกิดความเข้าใจ มีการอะลุ้มอล่วยให้กับผู้ที่เดินขบวนคัดค้านชุมนุมต่าง ๆ ถือว่า รัฐบาลได้พยายามปรับตัวแล้ว แต่ในส่วนที่เกินเลยและมีการละเมิดสิทธิผู้อื่นเราก็ต้องดำเนินการ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--