นายกสมาคมกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ (สก.วท.) ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ได้นำตัวแทนสมาชิกของสมาคมกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ทุกจังหวัดของประเทศประเทศ เข้าเยี่ยมคารวะและรับโอวาทจาก พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี
วันนี้ เวลา 14.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายประยูร จันทรุสอน นายกสมาคมกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ (สก.วท.) ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ได้นำคณะกรรมการบริหารสมาคมกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ และตัวแทนสมาชิกของสมาคมกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ทุกจังหวัดของประเทศ จำนวน 170 คน ซึ่งเป็นตัวแทนจากทุกภูมิภาค พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศูนย์ประสานงานของสมาคม ฯ ทั่วประเทศ เข้าเยี่ยมคารวะและรับโอวาทจาก พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี
นายประยูร จันทรุสอน นายกสมาคมกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ (สก.วท.) กล่าวรายงานว่า สมาคมกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ (สก.วท.) ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง จดทะเบียนจัดตั้งเป็นสมาคมเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2549 โดยการรวมตัวของสมาชิกผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงท้องถิ่นชุมชนทั่วประเทศ และได้ดำเนินการขับเคลื่อนองค์กรโดยการพัฒนาศักยภาพผู้บริหารสถานี มีสถาบันการประชาสัมพันธ์ กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ดำเนินการอบรม ให้ความรู้ ทักษะ เทคนิค คุณธรรมจริยธรรม ในการบริหารจัดการสถานีวิทยุที่ตนเองรับผิดชอบอยู่ ขณะนี้ได้ดำเนินการอบรมเสร็จสิ้นแล้ว จำนวน 7 รุ่น 750 สถานี ฯ และจะดำเนินการอบรมและพัฒนาศักยภาพผู้บริหารสถานีต่อไปอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ การเดินทางเข้าพบนายกรัฐมนตรีวันนี้ เพื่อให้กำลังใจในการบริหารประเทศเพื่อประเทศชาติ บ้านเมือง สถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ มีความมั่นคงและหนักแน่น โดยสมาคมขอเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลในการเป็นสื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารจากรัฐบาลสู่ประชาชน ซึ่งขณะนี้สมาชิกทุกสถานีพร้อมที่จะทำงานให้กับรัฐบาล ในรูปแบบของโฆษกรัฐบาลประจำท้องถิ่น นำเสนอข้อมูลข่าวสารของหน่วยงานราชการ ไปเผยแพร่ เพื่อให้เกิดความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของประชาชนในประเทศชาติ
สำหรับในปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนมพรรษา 80 พรรษา สมาคม ฯ ได้จัดทำโครงการที่สำคัญและยิ่งใหญ่ คือ โครงการ “กระบอกน้อยร้อยดวงใจให้พ่อหลวง” โดยสมาชิกสมาคม ฯ ทั่วประเทศจะร่วมรณรงค์ให้ดำเนินชีวิตตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง และให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมตามกำลังความสามารถแห่งตน โดยทุกคนกินอิ่ม นุ่งอุ่น รู้อดออม ซึ่งการดำเนินการจะเป็นการหยอดเหรียญลงกระบอกไม้ไผ่ที่จัดหาได้ในท้องถิ่น และหลอมรวมน้ำใจมาเทิดไท้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กระบอกน้อยร้อยด้วยใจให้พ่อหลวง” จะเดินทางจากทั่วประเทศพร้อมกับคำถวายพระพรจากประชาชนที่เป็นรากแก้วของแผ่นดินทั่วทุกภูมิภาค จะมารวมกันที่ท้องสนามหลวงในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2551 เพื่อรวมพลังศรัทธา พลังสามัคคี และพลังแห่งความจงรักภักดี ที่มีต่อแผ่นดินให้เกิดสันติสุขรวมเป็นหนึ่ง เพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในปีมหามงคลนี้
โอกาสนี้ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณที่ให้กำลังใจในการบริหารประเทศ พร้อมกล่าวให้โอวาทว่า เจตนารมณ์ดีของทุกคนที่จะร่วมมือกับรัฐบาล ด้วยการเป็นสื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารและรายงานความเป็นไปของบ้านเมืองไปสู่พี่น้องประชาชนและชุมชนอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และทั่วถึง เป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องย่อมนำมาซึ่งความร่วมมือที่ดี และวิทยุกระจายเสียงท้องถิ่นชุมชนก็เป็นสื่อที่อยู่ใกล้ชิดชุมชนมาก ประชาชนมีความเชื่อถือ และเป็นสื่อที่สามารถให้บริการทั้งด้านข่าวสาร ความรู้ และความบันเทิงไปพร้อมๆ กัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลนี้ได้เข้ามาบริหารประเทศในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ คนในสังคมยังคงมีความขัดแย้งทางความคิด รัฐบาลต้องการที่จะสมานฉันท์ แต่ก็มีกรอบระยะเวลาที่จะทำงานในระยะเวลาที่จำกัด คือ เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญ และผ่านการลงประชามติในวันที่ 19 สิงหาคมนี้ แล้ว รัฐบาลก็เตรียมที่จะคืนอำนาจให้กับพี่น้องประชาชน แต่ก่อนที่ถึงเวลานั้น หน้าที่ของทุกคนมีเวลาอีกประมาณ 1 เดือน ที่จะต้องช่วยกันทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนว่า ขอให้ออกมาใช้สิทธิ นั่นเป็นสิ่งที่รัฐบาลนี้ ได้มีความมุ่งมั่น และได้มีความพยายามที่จะไปให้ถึงจุดนั้นภายในห้วงเวลาในปีนี้ สำหรับตลอดระยะเวลาประมาณ 9-10 เดือนที่ได้เข้ามารับหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน รัฐบาลก็ได้ดำเนินการในสิ่งสำคัญๆ อันเป็นการวางพื้นฐานให้แก่สังคมไทยไว้จำนวนไม่น้อย
สิ่งที่สำคัญก็คือ รัฐบาลได้น้อมนำเอาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานมาเป็นแนวทางในการบริหาร ไม่ว่าจะในเรื่องของส่วนตัว ครอบครัว ชุมชน และเรื่องของประเทศชาติ ก็ได้น้อมนำหลักปรัชญานั้นมาใช้ คือการเน้นทางสายกลาง คำนึงถึงความพอเหมาะพอดี ความพอประมาณ และมีเหตุผลในการดำเนินการ ซึ่งแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง คิดว่าเป็นแนวทางที่เหมาะกับอุปนิสัย เหมาะกับประชาชนชาวไทยเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าตลอด 61 ปี ที่ทรงครองราชย์ ก็ได้นำมาซึ่งหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งจะเป็นแนวทางของประชาชนชาวไทยในการที่จะแก้ไขปัญหาให้กับชาติบ้านเมืองกันต่อไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในฐานะที่ทุกคนเป็นสื่อประชาสัมพันธ์ แนวทางหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสามารถนำไปปรับใช้ได้ แม้กระทั่งปัญหาที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะในเรื่องทางเศรษฐกิจที่มีปัญหาอยู่เรื่องค่าเงินบาทที่แข็งตัวขึ้น สิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานหลักปรัชญานี้ คือ เราจะต้องมีภูมิคุ้มกัน จะต้องสร้างภูมิคุ้มกัน และต้องไม่ประมาท การทำงานใด ๆ ก็ตามจึงจะต้องสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา นั่นเป็นสิ่งที่อยากจะเรียนว่า การที่ได้ดำเนินการในสิ่งต่าง ๆนั้น เราก็อาศัยแนวทางที่ได้พระราชทานมานี้เองเป็นหลักที่สำคัญในการดำเนินงาน
ทั้งนี้การที่จะทำการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้เข้าใจอย่างถูกต้องเป็นสิ่งที่สำคัญ ซึ่งจากการที่ได้พบปะกับพี่น้องประชาชน ที่ถือได้ว่าเป็นผู้นำชุมชนหลาย ๆ ส่วนก็ได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ และสามารถที่จะทำได้เป็นอย่างดี หลาย ๆ ส่วน ก็เป็นชุมชนที่สมควรจะเป็นตัวอย่างได้ จึงอยากจะฝากเรื่องการประชาสัมพันธ์หลักของหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงกับทุกคนไว้ด้วย ว่าถ้าภายในพื้นที่ของตนที่สามารถที่จะทำการประชาสัมพันธ์ สามารถที่จะส่งกระจายเสียงได้ ถ้าหากมีชุมชนซึ่งมีความสามารถ เป็นชุมชนที่มีความเข้มแข็งแล้วก็น่าจะได้มีการประชาสัมพันธ์ให้กับชุมชนอื่นได้มาศึกษาเป็นตัวอย่าง ศึกษาเป็นแนวทางที่จะได้ใช้ร่วมกัน
พร้อมกันนี้ได้นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเน้นย้ำว่า สิ่งสำคัญที่ทุกคนจะช่วยรัฐบาลได้ และช่วยชาติบ้านเมืองได้ นั่นก็คือการประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนได้ออกมาใช้สิทธิในการลงประชามติ โดยฝากให้ช่วยชี้แจงในเรื่องของการเปรียบเทียบระหว่างรัฐธรรมนูญปี 2540 และร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่ได้มีการปรับแก้แล้วนี้ เพื่อเป็นข้อเปรียบเทียบให้กับพี่น้องประชาชน เพราะบางครั้งพี่น้องประชาชนก็ไม่มีโอกาสที่จะศึกษาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้อย่างละเอียด ซึ่งมีทั้งหมด 309 มาตรา เมื่อถึงระยะที่ผ่านพ้นการลงประชามติไปแล้ว ขั้นตอนที่รัฐบาลจะดำเนินการต่อไป คือการหารือกัน แล้วนำความขึ้นกราบบังคมทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อกำหนดวันเลือกตั้ง และเมื่อได้โปรดเกล้า ฯ ลงมาเป็นพระราชกฤษฎีกาแล้ว รัฐบาลจะได้แจ้งให้กับประชาชนได้รับทราบต่อไป
“สำหรับการทำหน้าที่ของทุกคนนั้น ขอเป็นกำลังใจให้ในการปฏิบัติหน้าที่ ในฐานะที่ทุกคนได้ทำหน้าที่เป็นพลเมืองดีของบ้านเมือง สำหรับโครงการ "กระบอกน้อยร้อยน้ำใจให้พ่อหลวง" ที่สมาคมฯ ร่วมกับสมาชิกทั่วประเทศ จัดทำขึ้น เพื่อให้ประชาชนระดับรากแก้วของแผ่นดินร่วมเทิดไท้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา นั้น เป็นการแสดงความจงรักภักดีและความสำนึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่รัฐบาลเห็นว่าสมควรที่จะสนับสนุนเป็นอย่างยิ่ง จึงขออวยพรให้การดำเนินโครงการบรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์และเป้าหมาย ที่ได้ตั้งไว้ทุกประการ” นายกรัฐมนตรี กล่าว
จากนั้นตัวแทนสมาคม ฯ ได้นำเหรียญมงคลให้นายกรัฐมนตรี เพื่อนำใส่ “กระบอกน้อยร้อยดวงใจให้พ่อหลวง” และอุปนายกสมาคมและประธานภาคนำกระบอกไม้ไผ่โครงการฯ ให้นายกรัฐมนตรี ร่วมทำกิจกรรมหยอดเหรียญใส่กระบอก ฯ เพื่อเป็นมหามงคล รวม 5 ภาค ได้แก่ ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เสร็จแล้วนายกสมาคม ฯ ได้เป็นตัวแทนสมาคม ฯ มอบเหรียญสมเด็จพระนเรศวร และกระบอก ฯ จำนวน 2 กระบอก ให้แก่นายกรัฐมนตรี ไว้เป็นที่ระลึก
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 14.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายประยูร จันทรุสอน นายกสมาคมกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ (สก.วท.) ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ได้นำคณะกรรมการบริหารสมาคมกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ และตัวแทนสมาชิกของสมาคมกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ทุกจังหวัดของประเทศ จำนวน 170 คน ซึ่งเป็นตัวแทนจากทุกภูมิภาค พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศูนย์ประสานงานของสมาคม ฯ ทั่วประเทศ เข้าเยี่ยมคารวะและรับโอวาทจาก พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี
นายประยูร จันทรุสอน นายกสมาคมกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ (สก.วท.) กล่าวรายงานว่า สมาคมกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ (สก.วท.) ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง จดทะเบียนจัดตั้งเป็นสมาคมเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2549 โดยการรวมตัวของสมาชิกผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงท้องถิ่นชุมชนทั่วประเทศ และได้ดำเนินการขับเคลื่อนองค์กรโดยการพัฒนาศักยภาพผู้บริหารสถานี มีสถาบันการประชาสัมพันธ์ กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ดำเนินการอบรม ให้ความรู้ ทักษะ เทคนิค คุณธรรมจริยธรรม ในการบริหารจัดการสถานีวิทยุที่ตนเองรับผิดชอบอยู่ ขณะนี้ได้ดำเนินการอบรมเสร็จสิ้นแล้ว จำนวน 7 รุ่น 750 สถานี ฯ และจะดำเนินการอบรมและพัฒนาศักยภาพผู้บริหารสถานีต่อไปอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ การเดินทางเข้าพบนายกรัฐมนตรีวันนี้ เพื่อให้กำลังใจในการบริหารประเทศเพื่อประเทศชาติ บ้านเมือง สถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ มีความมั่นคงและหนักแน่น โดยสมาคมขอเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลในการเป็นสื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารจากรัฐบาลสู่ประชาชน ซึ่งขณะนี้สมาชิกทุกสถานีพร้อมที่จะทำงานให้กับรัฐบาล ในรูปแบบของโฆษกรัฐบาลประจำท้องถิ่น นำเสนอข้อมูลข่าวสารของหน่วยงานราชการ ไปเผยแพร่ เพื่อให้เกิดความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของประชาชนในประเทศชาติ
สำหรับในปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนมพรรษา 80 พรรษา สมาคม ฯ ได้จัดทำโครงการที่สำคัญและยิ่งใหญ่ คือ โครงการ “กระบอกน้อยร้อยดวงใจให้พ่อหลวง” โดยสมาชิกสมาคม ฯ ทั่วประเทศจะร่วมรณรงค์ให้ดำเนินชีวิตตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง และให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมตามกำลังความสามารถแห่งตน โดยทุกคนกินอิ่ม นุ่งอุ่น รู้อดออม ซึ่งการดำเนินการจะเป็นการหยอดเหรียญลงกระบอกไม้ไผ่ที่จัดหาได้ในท้องถิ่น และหลอมรวมน้ำใจมาเทิดไท้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กระบอกน้อยร้อยด้วยใจให้พ่อหลวง” จะเดินทางจากทั่วประเทศพร้อมกับคำถวายพระพรจากประชาชนที่เป็นรากแก้วของแผ่นดินทั่วทุกภูมิภาค จะมารวมกันที่ท้องสนามหลวงในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2551 เพื่อรวมพลังศรัทธา พลังสามัคคี และพลังแห่งความจงรักภักดี ที่มีต่อแผ่นดินให้เกิดสันติสุขรวมเป็นหนึ่ง เพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในปีมหามงคลนี้
โอกาสนี้ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณที่ให้กำลังใจในการบริหารประเทศ พร้อมกล่าวให้โอวาทว่า เจตนารมณ์ดีของทุกคนที่จะร่วมมือกับรัฐบาล ด้วยการเป็นสื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารและรายงานความเป็นไปของบ้านเมืองไปสู่พี่น้องประชาชนและชุมชนอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และทั่วถึง เป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องย่อมนำมาซึ่งความร่วมมือที่ดี และวิทยุกระจายเสียงท้องถิ่นชุมชนก็เป็นสื่อที่อยู่ใกล้ชิดชุมชนมาก ประชาชนมีความเชื่อถือ และเป็นสื่อที่สามารถให้บริการทั้งด้านข่าวสาร ความรู้ และความบันเทิงไปพร้อมๆ กัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลนี้ได้เข้ามาบริหารประเทศในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ คนในสังคมยังคงมีความขัดแย้งทางความคิด รัฐบาลต้องการที่จะสมานฉันท์ แต่ก็มีกรอบระยะเวลาที่จะทำงานในระยะเวลาที่จำกัด คือ เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญ และผ่านการลงประชามติในวันที่ 19 สิงหาคมนี้ แล้ว รัฐบาลก็เตรียมที่จะคืนอำนาจให้กับพี่น้องประชาชน แต่ก่อนที่ถึงเวลานั้น หน้าที่ของทุกคนมีเวลาอีกประมาณ 1 เดือน ที่จะต้องช่วยกันทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนว่า ขอให้ออกมาใช้สิทธิ นั่นเป็นสิ่งที่รัฐบาลนี้ ได้มีความมุ่งมั่น และได้มีความพยายามที่จะไปให้ถึงจุดนั้นภายในห้วงเวลาในปีนี้ สำหรับตลอดระยะเวลาประมาณ 9-10 เดือนที่ได้เข้ามารับหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน รัฐบาลก็ได้ดำเนินการในสิ่งสำคัญๆ อันเป็นการวางพื้นฐานให้แก่สังคมไทยไว้จำนวนไม่น้อย
สิ่งที่สำคัญก็คือ รัฐบาลได้น้อมนำเอาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานมาเป็นแนวทางในการบริหาร ไม่ว่าจะในเรื่องของส่วนตัว ครอบครัว ชุมชน และเรื่องของประเทศชาติ ก็ได้น้อมนำหลักปรัชญานั้นมาใช้ คือการเน้นทางสายกลาง คำนึงถึงความพอเหมาะพอดี ความพอประมาณ และมีเหตุผลในการดำเนินการ ซึ่งแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง คิดว่าเป็นแนวทางที่เหมาะกับอุปนิสัย เหมาะกับประชาชนชาวไทยเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าตลอด 61 ปี ที่ทรงครองราชย์ ก็ได้นำมาซึ่งหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งจะเป็นแนวทางของประชาชนชาวไทยในการที่จะแก้ไขปัญหาให้กับชาติบ้านเมืองกันต่อไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในฐานะที่ทุกคนเป็นสื่อประชาสัมพันธ์ แนวทางหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสามารถนำไปปรับใช้ได้ แม้กระทั่งปัญหาที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะในเรื่องทางเศรษฐกิจที่มีปัญหาอยู่เรื่องค่าเงินบาทที่แข็งตัวขึ้น สิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานหลักปรัชญานี้ คือ เราจะต้องมีภูมิคุ้มกัน จะต้องสร้างภูมิคุ้มกัน และต้องไม่ประมาท การทำงานใด ๆ ก็ตามจึงจะต้องสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา นั่นเป็นสิ่งที่อยากจะเรียนว่า การที่ได้ดำเนินการในสิ่งต่าง ๆนั้น เราก็อาศัยแนวทางที่ได้พระราชทานมานี้เองเป็นหลักที่สำคัญในการดำเนินงาน
ทั้งนี้การที่จะทำการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้เข้าใจอย่างถูกต้องเป็นสิ่งที่สำคัญ ซึ่งจากการที่ได้พบปะกับพี่น้องประชาชน ที่ถือได้ว่าเป็นผู้นำชุมชนหลาย ๆ ส่วนก็ได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ และสามารถที่จะทำได้เป็นอย่างดี หลาย ๆ ส่วน ก็เป็นชุมชนที่สมควรจะเป็นตัวอย่างได้ จึงอยากจะฝากเรื่องการประชาสัมพันธ์หลักของหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงกับทุกคนไว้ด้วย ว่าถ้าภายในพื้นที่ของตนที่สามารถที่จะทำการประชาสัมพันธ์ สามารถที่จะส่งกระจายเสียงได้ ถ้าหากมีชุมชนซึ่งมีความสามารถ เป็นชุมชนที่มีความเข้มแข็งแล้วก็น่าจะได้มีการประชาสัมพันธ์ให้กับชุมชนอื่นได้มาศึกษาเป็นตัวอย่าง ศึกษาเป็นแนวทางที่จะได้ใช้ร่วมกัน
พร้อมกันนี้ได้นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเน้นย้ำว่า สิ่งสำคัญที่ทุกคนจะช่วยรัฐบาลได้ และช่วยชาติบ้านเมืองได้ นั่นก็คือการประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนได้ออกมาใช้สิทธิในการลงประชามติ โดยฝากให้ช่วยชี้แจงในเรื่องของการเปรียบเทียบระหว่างรัฐธรรมนูญปี 2540 และร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่ได้มีการปรับแก้แล้วนี้ เพื่อเป็นข้อเปรียบเทียบให้กับพี่น้องประชาชน เพราะบางครั้งพี่น้องประชาชนก็ไม่มีโอกาสที่จะศึกษาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้อย่างละเอียด ซึ่งมีทั้งหมด 309 มาตรา เมื่อถึงระยะที่ผ่านพ้นการลงประชามติไปแล้ว ขั้นตอนที่รัฐบาลจะดำเนินการต่อไป คือการหารือกัน แล้วนำความขึ้นกราบบังคมทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อกำหนดวันเลือกตั้ง และเมื่อได้โปรดเกล้า ฯ ลงมาเป็นพระราชกฤษฎีกาแล้ว รัฐบาลจะได้แจ้งให้กับประชาชนได้รับทราบต่อไป
“สำหรับการทำหน้าที่ของทุกคนนั้น ขอเป็นกำลังใจให้ในการปฏิบัติหน้าที่ ในฐานะที่ทุกคนได้ทำหน้าที่เป็นพลเมืองดีของบ้านเมือง สำหรับโครงการ "กระบอกน้อยร้อยน้ำใจให้พ่อหลวง" ที่สมาคมฯ ร่วมกับสมาชิกทั่วประเทศ จัดทำขึ้น เพื่อให้ประชาชนระดับรากแก้วของแผ่นดินร่วมเทิดไท้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา นั้น เป็นการแสดงความจงรักภักดีและความสำนึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่รัฐบาลเห็นว่าสมควรที่จะสนับสนุนเป็นอย่างยิ่ง จึงขออวยพรให้การดำเนินโครงการบรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์และเป้าหมาย ที่ได้ตั้งไว้ทุกประการ” นายกรัฐมนตรี กล่าว
จากนั้นตัวแทนสมาคม ฯ ได้นำเหรียญมงคลให้นายกรัฐมนตรี เพื่อนำใส่ “กระบอกน้อยร้อยดวงใจให้พ่อหลวง” และอุปนายกสมาคมและประธานภาคนำกระบอกไม้ไผ่โครงการฯ ให้นายกรัฐมนตรี ร่วมทำกิจกรรมหยอดเหรียญใส่กระบอก ฯ เพื่อเป็นมหามงคล รวม 5 ภาค ได้แก่ ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เสร็จแล้วนายกสมาคม ฯ ได้เป็นตัวแทนสมาคม ฯ มอบเหรียญสมเด็จพระนเรศวร และกระบอก ฯ จำนวน 2 กระบอก ให้แก่นายกรัฐมนตรี ไว้เป็นที่ระลึก
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--