เมื่อเวลา 10.30 น.ที่อิมแพค เมืองทองธานี พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างความตกลงเรื่องการฝึกของกองทัพสิงคโปร์ในราชอาณาจักรไทยระหว่างรัฐบาลของสาธารณรัฐสิงคโปร์และรัฐบาลของราชอาณาจักรไทย เพื่อขยายระยะเวลาทำการฝึกของกองทัพสิงคโปร์ในประเทศไทยต่อไปอีกเป็นเวลา 3 ปี ว่า เป็นเรื่องของการขยายระยะเวลาอีก 3 ปี ซึ่งทางกระทรวงกลาโหมได้ชี้แจงเหตุผลว่าจากการที่ได้มีการทำงานร่วมกัน ถือเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศที่เกิดมานานแล้ว
สิ่งเหล่านั้นทำให้เกิดความมั่นคงในภูมิภาค ทั้งนี้ ขอยกตัวอย่างเมื่อสมัยที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้เกิดเพลิงไหม้ที่โรงงานน้ำมันที่จังหวัดชลบุรี ประเทศไทยได้ขอความช่วยเหลือเรื่องโฟมจากสิงคโปร์ ซึ่งสิงคโปร์ก็นำเครื่องบินบรรทุกมาให้ทันทีภายในวันเดียว จึงเป็นสิ่งที่คิดว่าเราต้องมองข้ามในเรื่องที่เป็นปัญหาขึ้นมา ซึ่งถือเป็นการดำเนินการทางธุรกิจ
ต่อข้อถามว่า การขยายระยะเวลาทำการฝึกต่อไปอีก 3 ปี ประเทศไทยได้ประโยชน์อย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรามีความร่วมมือกันอยู่แล้วในด้านความมั่นคง เรื่องง่ายๆ เรื่องหนึ่งคือเราไม่ต้องจัดหากระสุนและอุปกรณ์ต่างๆ มากมายนัก เพราะสิงคโปร์ได้จัดหาตามข้อตกลงที่มีอยู่มาให้เป็นกระสุนสำรองให้กับเรา ซึ่งขอยืนยันว่าเรื่องนี้มีการพิจารณากันในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างถูกต้อง ไม่ได้เป็นการมุบมิบหารือกันเฉพาะนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก แต่เป็นการประชุมร่วมกันทั้งหมด และคงไม่ได้เป็นการมาล้วงความลับอะไรจากเรา
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
สิ่งเหล่านั้นทำให้เกิดความมั่นคงในภูมิภาค ทั้งนี้ ขอยกตัวอย่างเมื่อสมัยที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้เกิดเพลิงไหม้ที่โรงงานน้ำมันที่จังหวัดชลบุรี ประเทศไทยได้ขอความช่วยเหลือเรื่องโฟมจากสิงคโปร์ ซึ่งสิงคโปร์ก็นำเครื่องบินบรรทุกมาให้ทันทีภายในวันเดียว จึงเป็นสิ่งที่คิดว่าเราต้องมองข้ามในเรื่องที่เป็นปัญหาขึ้นมา ซึ่งถือเป็นการดำเนินการทางธุรกิจ
ต่อข้อถามว่า การขยายระยะเวลาทำการฝึกต่อไปอีก 3 ปี ประเทศไทยได้ประโยชน์อย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรามีความร่วมมือกันอยู่แล้วในด้านความมั่นคง เรื่องง่ายๆ เรื่องหนึ่งคือเราไม่ต้องจัดหากระสุนและอุปกรณ์ต่างๆ มากมายนัก เพราะสิงคโปร์ได้จัดหาตามข้อตกลงที่มีอยู่มาให้เป็นกระสุนสำรองให้กับเรา ซึ่งขอยืนยันว่าเรื่องนี้มีการพิจารณากันในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างถูกต้อง ไม่ได้เป็นการมุบมิบหารือกันเฉพาะนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก แต่เป็นการประชุมร่วมกันทั้งหมด และคงไม่ได้เป็นการมาล้วงความลับอะไรจากเรา
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--