วันนี้ เวลา 21.30 น พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี สนทนากับคุณสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา ในรายการ “คุยนอกทำเนียบ” ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสี ช่อง 3 เป็นครั้งแรก ถึงการตัดสินใจเข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และอนาคตข้างหน้าหลังพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว
พิธีกร ตอนที่ท่านมาเป็นนายกรัฐมนตรี ขออนุญาตภรรยาไหม
นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ขอ เขายังบอกว่าไหนเคยสัญญาว่าจะไม่มาทำงานการเมือง
พิธีกร พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ไปขอท่านครั้งที่ 3 บอกว่า ถ้าพี่ไม่รับ ผมตาย
นายกรัฐมนตรี ก็รับเขาเลย
พิธีกร ไม่ถามท่านผู้หญิงก่อน
นายกรัฐมนตรี วันนั้นภรรยาไม่อยู่บ้าน พอเย็นมาผมก็บอกเขาว่า ผมรับแล้วนะ เขาบอกว่าไหนจะไม่ทำงานการเมือง ผมบอกว่า มันจำเป็น เป็นเรื่องที่จะต้องเข้าไปรับ เพราะไม่อย่างนั้นบ้านเมืองคงยุ่งยาก
พิธีกร จากนั้นเป็นอย่างไรครับคอยเตือน
นายกรัฐมนตรี ไม่เตือน มีข้อสัญญากันว่าเขาจะไม่พูดเลย เรื่องเกี่ยวกับการเมือง เขาจะคอยดูแลเรื่องอาหารการกิน จะไม่ทำความหนักใจให้ผม แต่ในใจคือเขาไม่ชอบ
พิธีกร ท่านนายกรัฐมนตรีรู้
นายกรัฐมนตรี รู้ ไม่รู้ได้ยังไงอยู่ด้วยกันมานาน
พิธีกร ลูก ๆ เป็นอย่างไร
นายกรัฐมนตรี ผมก็พูดกับลูก ๆ บอกว่าผมต้องมาทำหน้าที่ตรงนี้ จะทำให้เขาลำบากพอสมควร
พิธีกร เขาจะมีชีวิตที่ต้องระวังตัวมากขึ้น ท่านบอกเขาใช่ไหม
นายกรัฐมนตรี ใช่ บอกเลยว่าจะต้องดูแล เพราะมาทำหน้าที่ตรงนี้คนต้องมาเพ่งเล็ง
พิธีกร พ่อเป็นนายกรัฐมนตรี ยิ่งลำบาก
นายกรัฐมนตรี เขาจะต้องดูแลไม่ให้เกิดข้อครหานินทาขึ้นมา
พิธีกร อย่าไปเกิดเรื่อง
นายกรัฐมนตรี ใช่ ทำไม่ได้
พิธีกร ถึงวันนี้ผ่านมา 6-7 เดือน มีลูก ภรรยา ของท่านมาบอกแล้วยังว่าทำไมต้องมาอยู่ในสภาพอย่างนี้ ถามท่านตรง ๆ คือก่อนที่ท่านจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี พลเอก สุรยุทธ์ฯ คือนายทหารประชาธิปไตยทุกยุคทุกสมัย ตั้งแต่ท่านอยู่ที่หน่วยรบพิเศษ ที่ลพบุรี ตอนขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พลเอก สุรยุทธ์ฯ คือภาพดี
นายกรัฐมนตรี ตอนนี้ภาพเสียไปแล้ว
พิธีกร เป็นครั้งแรกที่โดนด่าขนาดนี้ คือในชีวิตนี้ท่านอาจจะไม่คิดว่าท่านจะโดนด่าได้มากถึงขนาดนี้
นายกรัฐมนตรี อย่างที่ว่าคือความอดทน เพราะเราตั้งเป้าไว้แล้วว่าเราจะนำพาชาติบ้านเมืองไปสู่ระบอบการปกครองใหม่ ซึ่งมีกฎกติกาใหม่ ๆ และไปสู่จุดนั้นก็ต้องอดทน เพราะการแก้ไขปัญหาจะผ่านอะไรไปไม่ได้ ถ้าเราไม่อดทน เราไม่มีความพยายาม ไม่มีความอดทน ไปไม่ได้
พิธีกร วันที่ท่านเข้ามาคิดว่าจะโดนขนาดนี้ไหม รู้ว่างานยากแน่
นายกรัฐมนตรี ผมรู้แล้วว่าจะต้องยาก ผมเคยทำงานอยู่กับ ฯพณฯ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งในยุคนั้นไม่ได้มากมายอะไร แต่ผมก็รู้ว่าตอนนี้ไม่เหมือนตอนนั้นแล้ว ต้องเจอกับความยากลำบาก สิ่งที่ผมบอกกับหลาย ๆ ท่านไปแล้วคือว่า ช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ผมไปบวชทำให้ผมได้เรียนรู้ได้ปฏิบัติในสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านสอน นั่นเป็นสิ่งที่ผมคิดว่าทำให้ผมมองโลกในแง่ดีมากขึ้นอีกเยอะ ช่วงชีวิตเป็นทหารก็ช่วงหนึ่ง
พิธีกร โกรธไหมครับ
นายกรัฐมนตรี ไม่ได้โกรธเลย เพราะผมฟังว่ามีประเด็นที่ผมควรจะเก็บมาแก้ไขปรับปรุงใหม่
พิธีกร ก็รับฟัง
นายกรัฐมนตรี รับฟัง
พิธีกร ถ้าด่าอย่างสาดเสียเทเสีย
นายกรัฐมนตรี ผมก็ไม่ฟัง พูดแล้วคือไม่มีประเด็น ผมก็ไม่ฟัง วิธีการไม่ฟังก็ไม่ได้ทำอะไรมากมาย คือ ถ้าใจของเราไม่รับซะอย่างมันก็ไม่ไปไหน
พิธีกร มีกลุ่มคนที่วิจารณ์ท่านว่าชักจะเหมือนคุณทักษิณฯ เข้าไปทุกที พออยู่ในอำนาจแล้วไม่ฟังใคร ท่านอธิบายให้ผมฟังว่าคนละแบบ
นายกรัฐมนตรี ผมว่าวิพากษ์วิจารณ์กันได้ อย่างวิธีปฏิบัติของผมก็คือ ก็ฟัง แม้แต่คำวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งต้องมีประเด็นอยู่ ถ้าเราฟังให้ดีก็มีประเด็นที่จำเป็นจะต้องนำมาปรับปรุงแก้ไขได้ต่อไป
พิธีกร ภรรยาของท่านถึงวันนี้ยังไม่มาบอก “พ่อเลิกเถอะ”
นายกรัฐมนตรี ไม่หรอกครับ เพราะเขารู้ว่าหน้าที่เป็นอย่างไร เขาเป็นทหารเหมือนกัน
พิธีกร ท่านเอากำลังใจจากไหน ถามในมุมบวก
นายกรัฐมนตรี กำลังใจผมเอง ผมคิดว่าสิ่งที่มองคือหลักธรรมที่พระพุทธองค์ท่านสอน ซึ่งเป็นสิ่งแรกที่ผมยึดถือ และคงไม่มีอะไรที่ยิ่งกว่า
พิธีกร พอแล้ว ไม่ได้ต้องการอะไร วันที่จากไป เมื่อพ้นจากหน้าที่ท่านยืนยันนะครับ จะมีใครมาขอให้ท่านเป็นหัวหน้าพรรค ไม่มีใช่ไหม
นายกรัฐมนตรี ไม่มี และก็ไม่รับ เพราะผมไม่คิดที่จะมาทำงานการเมือง
พิธีกร รุ่นน้อง ๆ ถ้าอยากจะทำงานการเมือง
นายกรัฐมนตรี ก็เป็นเรื่องของเขา
พิธีกร ถ้าจะมีคนบอกว่ารุ่น ๆ ไปสืบทอดอำนาจหรือเปล่า
นายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ผมคิดว่าแต่ละบุคคลก็คิดไม่เหมือนกัน ถ้าเราจะบอกว่าทุกคนคิดเหมือนกัน คงไม่ใช่ เป็นสิทธิของเขา จะสืบหรือไม่สืบอย่างไร ผมไม่รู้ แต่เป็นสิทธิของเขาที่จะเลือกทางเดินของเขาเอง
พิธีกร ถ้าเขาไปเป็นพรรคการเมือง ก็คงเป็นสิทธิของเขา เพราะเข้ามาตามวิถีทาง แต่ถ้าเกิดสืบทอดอำนาจแบบวิธีอื่น
นายกรัฐมนตรี ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมคิดว่าผลกระทบจะต้องถึงคนที่ทำเอง พระพุทธเจ้าท่าน
พิธีกร ท่านไม่สามารถที่จะไปบอกว่าใครจะทำอะไร ใครจะไม่ทำอะไร
นายกรัฐมนตรี ใช่ครับ ทุกคนในศาสนาพุทธสอนไว้เลยว่า ทุกคนมีความเป็นมนุษย์เหมือนกัน ถ้าเราจะดูก็คือกรรมที่เขาทำไว้ เราพูดว่ากรรมเป็นเครื่องส่อเจตนา ก็ว่าได้ ในภาษากฎหมาย แต่ในส่วนของศาสนาพุทธนั้น กรรมจะอย่างไรก็ตาม ผู้ที่ดำเนินการหนีไม่พ้น อย่างไรก็ต้องรับ
พิธีกร หมายถึงคดียุบพรรค
นายกรัฐมนตรี ผมไม่รู้ ในเรื่องของบุคคล เรื่องส่วนรวม อย่างไรก็หนีไม่พ้น จะต้องมาดูว่าเราทำอะไรไปแล้ว และผลออกมาเป็นอย่างไร อย่างที่ผมพูดในตอนต้นว่า เมื่อเรามีความทุกข์ เรามองย้อนกลับมา
พิธีกร อะไรเป็นเหตุ จะได้ดับทุกข์
นายกรัฐมนตรี ไม่ถึงกับดับทุกข์ ผมใช้คำว่าบริหารจัดการ ถ้าดับทุกข์ได้ ท่านไปอีกระดับหนึ่งแล้ว
พิธีกร บริหารจัดการให้เข้าใจ
นายกรัฐมนตรี เบาลงมาหน่อย
พิธีกร เพราะฉะนั้นถ้าจะมีคนบอกว่ารัฐบาลของท่านทำให้การปฏิวัติเสียของ เหมือนไม่ได้ทำอะไรเลย แค่มาส่งต่อ ท่านจะตอบว่าอย่างไร เหมือนกับว่าท่านอยู่ตรงนี้ ข้างหนึ่งเอาอย่างนี้ อีกข้างหนึ่งเอาแบบนี้ คนกลาง ๆ ก็เอาแบบนี้ แต่ข้างหนึ่งบอกว่ามาถึงแล้วปฏิวัติเสียของ
นายกรัฐมนตรี ก็อยู่ที่คนส่วนใหญ่ คนส่วนใหญ่จะเป็นผู้ตัดสินว่าเขาจะเอาอย่างไรกัน ผมถึงบอกว่าเป็นเรื่องของการที่เขียนกฎกติกาขึ้นมา และไปสู่การเลือกตั้ง นั่นคือประชาชนเขาได้ตัดสินแล้วว่า เขาเอากฎกติกาอย่างนี้ ไปสู่การเลือกตั้งอย่างนี้ มีพรรคที่จะเข้ามาบริหารจัดการอย่างนี้
นายกรัฐมนตรีไม่ห่วง “ทักษิณ” กลับทุกอย่างต้องปฏิบัติตามอำนาจศาล
พิธีกร สุดท้ายเรื่องของคุณทักษิณฯ ฝากถามให้ ล่าสุดศาลอาญา แผนกคดีอาญานักการเมือง บอกว่า เมื่อสั่งฟ้องครั้งแรก ตอนที่ส่งฟ้อง แต่เมื่อเอาขึ้นศาล คุณทักษิณฯต้องกลับมาต่อหน้าศาล ใช้คอนเฟอร์เร้นท์ไม่ได้ แล้วใครขวางคือละเมิดอำนาจศาล ความจริงตอนนั้นออกหมายจับได้ด้วยซ้ำไป ถ้าคุณทักษิณฯ ไม่มา อันนี้จะเกี่ยวข้องกับท่านนายกรัฐมนตรีโดยตรง เพราะคดีที่ดินรัชดาภิเษก กำลังจะถึงแล้ว ท่านเคยบอกว่าหลังเลือกตั้งดีที่สุด เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง แต่ถ้ามีสถานการณ์ที่ทำให้คุณทักษิณฯ จำเป็น จะทำอย่างไร
นายกรัฐมนตรี อยู่ในอำนาจศาลอยู่แล้ว ที่จำเป็นจะต้องมาปรากฏตัวต่อศาล รัฐบาลคงไปขัดในส่วนนี้ไม่ได้ ต้องปฏิบัติตามอำนาจศาล
พิธีกร จะทำให้ทำงานยากขึ้นไหม เมื่อคุณทักษิณฯ กลับมา
นายกรัฐมนตรี ไม่ยาก ผมคิดว่าเราสามารถที่จะบอกได้ว่า เรายืนอยู่บนกระบวนการนิติธรรม กระบวนการของกฎหมาย
พิธีกร หมายถึงจะมีประชาชนมา
นายกรัฐมนตรี ก็คงต้องมี แต่เราคงต้องทำความเข้าใจกับประชาชนว่าอยู่ในความสงบ อย่าไปสร้างสถานการณ์อะไรขึ้นมา นี่เป็นกระบวนการที่เรายอมรับกันทุกคนว่า ทุกคนจะต้องมาอย่างนี้ อย่างที่ผมพูดในตอนต้นว่ากฎแห่งกรรม เมื่อท่านทำกรรมดี ผลกรรมจะต้องตอบแทนท่าน ถ้าทำกรรมไม่ดี ผลกรรมก็จะมาถึงท่านเช่นกัน
พิธีกร เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรดีไปกว่า ต้องกลับมาตามกฎหมาย แล้วรัฐบาลก็ดูแลควบคุมสถานการณ์
นายกรัฐมนตรี ใช่ครับ
พิธีกร บอกกับประชาชนว่านี่เป็นไปตามกระบวนการตามกฎหมาย
นายกรัฐมนตรี นี่ก็คือวิถีชีวิตของเราที่จะต้องวนเวียนอยู่กับสิ่งเหล่านี้ ถ้าเราไม่ทำให้เลยจุดออกไปจนทำให้เกิดความวุ่นวาย บ้านเมืองเราก็อยู่ในความสงบ
พิธีกร ไม่มีอะไรที่ต้องกลัวใช่ไหม
นายกรัฐมนตรี ไม่มีอะไรที่ต้องกลัว
พิธีกร สถานการณ์บ้านเมืองจากนี้ไปทำมาหากิน
นายกรัฐมนตรี ครับ ควรจะเป็นอย่างนั้น
พิธีกร แสดงความคิดเห็น
นายกรัฐมนตรี เศรษฐกิจในขณะนี้ พอศาลมีคำวินิจฉัยแล้ว ดีขึ้น นั่นเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน ถ้าเรามีบรรยากาศที่ดีขึ้น สิ่งที่เราเป็นห่วงคือเรื่องปากเรื่องท้องเรื่องเศรษฐกิจ มันพอไปได้ ผมคิดว่าก็เป็นตัวอย่างที่เห็นชัดเจน คนข้างนอกเขาดูว่าน่าจะดีขึ้น มาลงทุนกันเถอะ แล้วเราก็ไปทุบมันอีก ให้ลงไปอีก แล้วจะไปโทษใคร
พิธีกร และนี่คือการเชิญนายกรัฐมนตรีมาคุยนอกทำเนียบรัฐบาล ได้คุยกันทุกคำถามทุกประเด็น และเปิดใจครั้งสำคัญ ขอบคุณครับท่านนายกรัฐมนตรี
นายกรัฐมนตรี ด้วยความยินดีครับ สวัสดีครับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
พิธีกร ตอนที่ท่านมาเป็นนายกรัฐมนตรี ขออนุญาตภรรยาไหม
นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ขอ เขายังบอกว่าไหนเคยสัญญาว่าจะไม่มาทำงานการเมือง
พิธีกร พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ไปขอท่านครั้งที่ 3 บอกว่า ถ้าพี่ไม่รับ ผมตาย
นายกรัฐมนตรี ก็รับเขาเลย
พิธีกร ไม่ถามท่านผู้หญิงก่อน
นายกรัฐมนตรี วันนั้นภรรยาไม่อยู่บ้าน พอเย็นมาผมก็บอกเขาว่า ผมรับแล้วนะ เขาบอกว่าไหนจะไม่ทำงานการเมือง ผมบอกว่า มันจำเป็น เป็นเรื่องที่จะต้องเข้าไปรับ เพราะไม่อย่างนั้นบ้านเมืองคงยุ่งยาก
พิธีกร จากนั้นเป็นอย่างไรครับคอยเตือน
นายกรัฐมนตรี ไม่เตือน มีข้อสัญญากันว่าเขาจะไม่พูดเลย เรื่องเกี่ยวกับการเมือง เขาจะคอยดูแลเรื่องอาหารการกิน จะไม่ทำความหนักใจให้ผม แต่ในใจคือเขาไม่ชอบ
พิธีกร ท่านนายกรัฐมนตรีรู้
นายกรัฐมนตรี รู้ ไม่รู้ได้ยังไงอยู่ด้วยกันมานาน
พิธีกร ลูก ๆ เป็นอย่างไร
นายกรัฐมนตรี ผมก็พูดกับลูก ๆ บอกว่าผมต้องมาทำหน้าที่ตรงนี้ จะทำให้เขาลำบากพอสมควร
พิธีกร เขาจะมีชีวิตที่ต้องระวังตัวมากขึ้น ท่านบอกเขาใช่ไหม
นายกรัฐมนตรี ใช่ บอกเลยว่าจะต้องดูแล เพราะมาทำหน้าที่ตรงนี้คนต้องมาเพ่งเล็ง
พิธีกร พ่อเป็นนายกรัฐมนตรี ยิ่งลำบาก
นายกรัฐมนตรี เขาจะต้องดูแลไม่ให้เกิดข้อครหานินทาขึ้นมา
พิธีกร อย่าไปเกิดเรื่อง
นายกรัฐมนตรี ใช่ ทำไม่ได้
พิธีกร ถึงวันนี้ผ่านมา 6-7 เดือน มีลูก ภรรยา ของท่านมาบอกแล้วยังว่าทำไมต้องมาอยู่ในสภาพอย่างนี้ ถามท่านตรง ๆ คือก่อนที่ท่านจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี พลเอก สุรยุทธ์ฯ คือนายทหารประชาธิปไตยทุกยุคทุกสมัย ตั้งแต่ท่านอยู่ที่หน่วยรบพิเศษ ที่ลพบุรี ตอนขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พลเอก สุรยุทธ์ฯ คือภาพดี
นายกรัฐมนตรี ตอนนี้ภาพเสียไปแล้ว
พิธีกร เป็นครั้งแรกที่โดนด่าขนาดนี้ คือในชีวิตนี้ท่านอาจจะไม่คิดว่าท่านจะโดนด่าได้มากถึงขนาดนี้
นายกรัฐมนตรี อย่างที่ว่าคือความอดทน เพราะเราตั้งเป้าไว้แล้วว่าเราจะนำพาชาติบ้านเมืองไปสู่ระบอบการปกครองใหม่ ซึ่งมีกฎกติกาใหม่ ๆ และไปสู่จุดนั้นก็ต้องอดทน เพราะการแก้ไขปัญหาจะผ่านอะไรไปไม่ได้ ถ้าเราไม่อดทน เราไม่มีความพยายาม ไม่มีความอดทน ไปไม่ได้
พิธีกร วันที่ท่านเข้ามาคิดว่าจะโดนขนาดนี้ไหม รู้ว่างานยากแน่
นายกรัฐมนตรี ผมรู้แล้วว่าจะต้องยาก ผมเคยทำงานอยู่กับ ฯพณฯ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งในยุคนั้นไม่ได้มากมายอะไร แต่ผมก็รู้ว่าตอนนี้ไม่เหมือนตอนนั้นแล้ว ต้องเจอกับความยากลำบาก สิ่งที่ผมบอกกับหลาย ๆ ท่านไปแล้วคือว่า ช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ผมไปบวชทำให้ผมได้เรียนรู้ได้ปฏิบัติในสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านสอน นั่นเป็นสิ่งที่ผมคิดว่าทำให้ผมมองโลกในแง่ดีมากขึ้นอีกเยอะ ช่วงชีวิตเป็นทหารก็ช่วงหนึ่ง
พิธีกร โกรธไหมครับ
นายกรัฐมนตรี ไม่ได้โกรธเลย เพราะผมฟังว่ามีประเด็นที่ผมควรจะเก็บมาแก้ไขปรับปรุงใหม่
พิธีกร ก็รับฟัง
นายกรัฐมนตรี รับฟัง
พิธีกร ถ้าด่าอย่างสาดเสียเทเสีย
นายกรัฐมนตรี ผมก็ไม่ฟัง พูดแล้วคือไม่มีประเด็น ผมก็ไม่ฟัง วิธีการไม่ฟังก็ไม่ได้ทำอะไรมากมาย คือ ถ้าใจของเราไม่รับซะอย่างมันก็ไม่ไปไหน
พิธีกร มีกลุ่มคนที่วิจารณ์ท่านว่าชักจะเหมือนคุณทักษิณฯ เข้าไปทุกที พออยู่ในอำนาจแล้วไม่ฟังใคร ท่านอธิบายให้ผมฟังว่าคนละแบบ
นายกรัฐมนตรี ผมว่าวิพากษ์วิจารณ์กันได้ อย่างวิธีปฏิบัติของผมก็คือ ก็ฟัง แม้แต่คำวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งต้องมีประเด็นอยู่ ถ้าเราฟังให้ดีก็มีประเด็นที่จำเป็นจะต้องนำมาปรับปรุงแก้ไขได้ต่อไป
พิธีกร ภรรยาของท่านถึงวันนี้ยังไม่มาบอก “พ่อเลิกเถอะ”
นายกรัฐมนตรี ไม่หรอกครับ เพราะเขารู้ว่าหน้าที่เป็นอย่างไร เขาเป็นทหารเหมือนกัน
พิธีกร ท่านเอากำลังใจจากไหน ถามในมุมบวก
นายกรัฐมนตรี กำลังใจผมเอง ผมคิดว่าสิ่งที่มองคือหลักธรรมที่พระพุทธองค์ท่านสอน ซึ่งเป็นสิ่งแรกที่ผมยึดถือ และคงไม่มีอะไรที่ยิ่งกว่า
พิธีกร พอแล้ว ไม่ได้ต้องการอะไร วันที่จากไป เมื่อพ้นจากหน้าที่ท่านยืนยันนะครับ จะมีใครมาขอให้ท่านเป็นหัวหน้าพรรค ไม่มีใช่ไหม
นายกรัฐมนตรี ไม่มี และก็ไม่รับ เพราะผมไม่คิดที่จะมาทำงานการเมือง
พิธีกร รุ่นน้อง ๆ ถ้าอยากจะทำงานการเมือง
นายกรัฐมนตรี ก็เป็นเรื่องของเขา
พิธีกร ถ้าจะมีคนบอกว่ารุ่น ๆ ไปสืบทอดอำนาจหรือเปล่า
นายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ผมคิดว่าแต่ละบุคคลก็คิดไม่เหมือนกัน ถ้าเราจะบอกว่าทุกคนคิดเหมือนกัน คงไม่ใช่ เป็นสิทธิของเขา จะสืบหรือไม่สืบอย่างไร ผมไม่รู้ แต่เป็นสิทธิของเขาที่จะเลือกทางเดินของเขาเอง
พิธีกร ถ้าเขาไปเป็นพรรคการเมือง ก็คงเป็นสิทธิของเขา เพราะเข้ามาตามวิถีทาง แต่ถ้าเกิดสืบทอดอำนาจแบบวิธีอื่น
นายกรัฐมนตรี ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมคิดว่าผลกระทบจะต้องถึงคนที่ทำเอง พระพุทธเจ้าท่าน
พิธีกร ท่านไม่สามารถที่จะไปบอกว่าใครจะทำอะไร ใครจะไม่ทำอะไร
นายกรัฐมนตรี ใช่ครับ ทุกคนในศาสนาพุทธสอนไว้เลยว่า ทุกคนมีความเป็นมนุษย์เหมือนกัน ถ้าเราจะดูก็คือกรรมที่เขาทำไว้ เราพูดว่ากรรมเป็นเครื่องส่อเจตนา ก็ว่าได้ ในภาษากฎหมาย แต่ในส่วนของศาสนาพุทธนั้น กรรมจะอย่างไรก็ตาม ผู้ที่ดำเนินการหนีไม่พ้น อย่างไรก็ต้องรับ
พิธีกร หมายถึงคดียุบพรรค
นายกรัฐมนตรี ผมไม่รู้ ในเรื่องของบุคคล เรื่องส่วนรวม อย่างไรก็หนีไม่พ้น จะต้องมาดูว่าเราทำอะไรไปแล้ว และผลออกมาเป็นอย่างไร อย่างที่ผมพูดในตอนต้นว่า เมื่อเรามีความทุกข์ เรามองย้อนกลับมา
พิธีกร อะไรเป็นเหตุ จะได้ดับทุกข์
นายกรัฐมนตรี ไม่ถึงกับดับทุกข์ ผมใช้คำว่าบริหารจัดการ ถ้าดับทุกข์ได้ ท่านไปอีกระดับหนึ่งแล้ว
พิธีกร บริหารจัดการให้เข้าใจ
นายกรัฐมนตรี เบาลงมาหน่อย
พิธีกร เพราะฉะนั้นถ้าจะมีคนบอกว่ารัฐบาลของท่านทำให้การปฏิวัติเสียของ เหมือนไม่ได้ทำอะไรเลย แค่มาส่งต่อ ท่านจะตอบว่าอย่างไร เหมือนกับว่าท่านอยู่ตรงนี้ ข้างหนึ่งเอาอย่างนี้ อีกข้างหนึ่งเอาแบบนี้ คนกลาง ๆ ก็เอาแบบนี้ แต่ข้างหนึ่งบอกว่ามาถึงแล้วปฏิวัติเสียของ
นายกรัฐมนตรี ก็อยู่ที่คนส่วนใหญ่ คนส่วนใหญ่จะเป็นผู้ตัดสินว่าเขาจะเอาอย่างไรกัน ผมถึงบอกว่าเป็นเรื่องของการที่เขียนกฎกติกาขึ้นมา และไปสู่การเลือกตั้ง นั่นคือประชาชนเขาได้ตัดสินแล้วว่า เขาเอากฎกติกาอย่างนี้ ไปสู่การเลือกตั้งอย่างนี้ มีพรรคที่จะเข้ามาบริหารจัดการอย่างนี้
นายกรัฐมนตรีไม่ห่วง “ทักษิณ” กลับทุกอย่างต้องปฏิบัติตามอำนาจศาล
พิธีกร สุดท้ายเรื่องของคุณทักษิณฯ ฝากถามให้ ล่าสุดศาลอาญา แผนกคดีอาญานักการเมือง บอกว่า เมื่อสั่งฟ้องครั้งแรก ตอนที่ส่งฟ้อง แต่เมื่อเอาขึ้นศาล คุณทักษิณฯต้องกลับมาต่อหน้าศาล ใช้คอนเฟอร์เร้นท์ไม่ได้ แล้วใครขวางคือละเมิดอำนาจศาล ความจริงตอนนั้นออกหมายจับได้ด้วยซ้ำไป ถ้าคุณทักษิณฯ ไม่มา อันนี้จะเกี่ยวข้องกับท่านนายกรัฐมนตรีโดยตรง เพราะคดีที่ดินรัชดาภิเษก กำลังจะถึงแล้ว ท่านเคยบอกว่าหลังเลือกตั้งดีที่สุด เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง แต่ถ้ามีสถานการณ์ที่ทำให้คุณทักษิณฯ จำเป็น จะทำอย่างไร
นายกรัฐมนตรี อยู่ในอำนาจศาลอยู่แล้ว ที่จำเป็นจะต้องมาปรากฏตัวต่อศาล รัฐบาลคงไปขัดในส่วนนี้ไม่ได้ ต้องปฏิบัติตามอำนาจศาล
พิธีกร จะทำให้ทำงานยากขึ้นไหม เมื่อคุณทักษิณฯ กลับมา
นายกรัฐมนตรี ไม่ยาก ผมคิดว่าเราสามารถที่จะบอกได้ว่า เรายืนอยู่บนกระบวนการนิติธรรม กระบวนการของกฎหมาย
พิธีกร หมายถึงจะมีประชาชนมา
นายกรัฐมนตรี ก็คงต้องมี แต่เราคงต้องทำความเข้าใจกับประชาชนว่าอยู่ในความสงบ อย่าไปสร้างสถานการณ์อะไรขึ้นมา นี่เป็นกระบวนการที่เรายอมรับกันทุกคนว่า ทุกคนจะต้องมาอย่างนี้ อย่างที่ผมพูดในตอนต้นว่ากฎแห่งกรรม เมื่อท่านทำกรรมดี ผลกรรมจะต้องตอบแทนท่าน ถ้าทำกรรมไม่ดี ผลกรรมก็จะมาถึงท่านเช่นกัน
พิธีกร เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรดีไปกว่า ต้องกลับมาตามกฎหมาย แล้วรัฐบาลก็ดูแลควบคุมสถานการณ์
นายกรัฐมนตรี ใช่ครับ
พิธีกร บอกกับประชาชนว่านี่เป็นไปตามกระบวนการตามกฎหมาย
นายกรัฐมนตรี นี่ก็คือวิถีชีวิตของเราที่จะต้องวนเวียนอยู่กับสิ่งเหล่านี้ ถ้าเราไม่ทำให้เลยจุดออกไปจนทำให้เกิดความวุ่นวาย บ้านเมืองเราก็อยู่ในความสงบ
พิธีกร ไม่มีอะไรที่ต้องกลัวใช่ไหม
นายกรัฐมนตรี ไม่มีอะไรที่ต้องกลัว
พิธีกร สถานการณ์บ้านเมืองจากนี้ไปทำมาหากิน
นายกรัฐมนตรี ครับ ควรจะเป็นอย่างนั้น
พิธีกร แสดงความคิดเห็น
นายกรัฐมนตรี เศรษฐกิจในขณะนี้ พอศาลมีคำวินิจฉัยแล้ว ดีขึ้น นั่นเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน ถ้าเรามีบรรยากาศที่ดีขึ้น สิ่งที่เราเป็นห่วงคือเรื่องปากเรื่องท้องเรื่องเศรษฐกิจ มันพอไปได้ ผมคิดว่าก็เป็นตัวอย่างที่เห็นชัดเจน คนข้างนอกเขาดูว่าน่าจะดีขึ้น มาลงทุนกันเถอะ แล้วเราก็ไปทุบมันอีก ให้ลงไปอีก แล้วจะไปโทษใคร
พิธีกร และนี่คือการเชิญนายกรัฐมนตรีมาคุยนอกทำเนียบรัฐบาล ได้คุยกันทุกคำถามทุกประเด็น และเปิดใจครั้งสำคัญ ขอบคุณครับท่านนายกรัฐมนตรี
นายกรัฐมนตรี ด้วยความยินดีครับ สวัสดีครับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--