พิธีกร นี่คือที่ท่านอธิบายยุทธศาสตร์ภาพใหญ่ ยังไงก็ต้องใช้แนวสันติ แต่ยุทธวิธีในพื้นที่ต้องไม่ให้ใครทำผิดกฎหมาย ต้องไปว่ากัน
นายกรัฐมนตรี ใช่ครับ ก็ดูแลในเรื่องความสงบ ความปลอดภัย
พิธีกร ยุทธศาสตร์ใหญ่คือต้องคำนึงถึงประเทศต่าง ๆ ด้วย
นายกรัฐมนตรี ใช่ครับ เพราะผมคิดว่าในทุก ๆ ประเทศในขณะนี้ มองเห็นตัวอย่างที่เด่นชัด ต่อกรณีของสงครามในแอฟริกา ในอิรัก ว่า มันไปไหนไม่ได้หรอก เห็นชัด ๆ ว่าในที่สุดต้องลงมานั่งพูดคุยกันเจรจากัน จะเอากำลังทหารไปปราบอย่างไรก็ปราบไม่หมด
พิธีกร เรื่องนี้อาจจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้คนอาจจะเคยคาดหวังท่านนายกฯ สูง ตอนท่านเข้ามา เพราะท่านนายกฯ มาแนวทางแก้ไขปัญหาภาคใต้ จะสันติวิธี อุตส่าห์บอกว่าปูผ้ากราบยังได้ ไปขอโทษ แต่สถานการณ์ยังรุนแรง คือระดับความรุนแรงมากขึ้น คนอาจจะผิดหวัง
นายกรัฐมนตรี ตรงนี้คงพูดได้อย่างที่เรียนแล้วว่าเป็นการตอบโต้ ผมก็มีข้อมูลที่อยากจะบอกได้ว่าในส่วนของผู้ก่อความไม่สงบเอง ก็เกิดความรู้สึกเหมือนกันว่ามันไม่มีทางไปไหน หนทางข้างหน้าไม่มีทางไปไหน นอกจากจะต้องหันมาพูดคุยกัน ก็เริ่มมีสัญญาณอันนี้เข้ามา
พิธีกร ท่านนายกฯ เชื่อว่าในที่สุดจะค่อย ๆ ดีขึ้น
นายกรัฐมนตรี ไม่มีทางอื่นไป คงไม่ค่อยดีขึ้น แต่ว่าจะต้องหาทางมาพูดคุยกันจนได้ และเราคงจะต้องมีข้อต่อรอง มีข้อตกลงในการที่จะพูดคุยกันว่าก่อนที่คุยกัน เราควรจะทำอะไรกันก่อน
พิธีกร แต่บางพื้นที่เหมือนกับอำนาจรัฐไม่สามารถที่จะควบคุมได้ อยู่ ๆ ดี ๆ จะปิดถนน
นายกรัฐมนตรี เป็นพื้นที่ที่เขามีอิทธิพล อย่างที่ยกตัวอย่าง ก็เป็นเรื่องธรรมดา ต่อกรณีที่เขามาปิดถนน ผมลงไปครั้งนี้ก็เห็นว่า 24 คนที่เขาขอร้องให้ปล่อย เราได้มีการสอบสวนสืบสวนแล้ว ปรากฏว่า 14 คนไม่ได้เกี่ยวข้อง
พิธีกร ปล่อยแล้ว
นายกรัฐมนตรี ใน 10 คน 4 คนสารภาพ อีก 6 คนยังไม่ได้สารภาพ เมื่ออธิบายสิ่งเหล่านี้ให้กับประชาชนเข้าใจ เขาก็รู้ว่านี่เป็นการดำเนินการตามกฎหมาย คนที่ถูกเราควบคุมตัวอยู่นี้ปลอดภัย ไม่มีปัญหา คนที่ไม่เกี่ยวข้อง เราก็ปล่อยไป ก็เป็นเรื่องธรรมดา นั่นคือการแสดงออกถึงการดำเนินการว่า ถ้าคุณทำผิดต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย ไม่ใช่ว่าทำผิดแล้วลอยนวลไป ไม่ใช่
พิธีกร คนไทยต้องอดทนกันอีกพอสมควร
นายกรัฐมนตรี ต้องอดทนครับ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมาไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาที่รัฐบาลนี้เข้ามา มันเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้นานพอสมควร ฉะนั้นการที่จะแก้ไขในเรื่องของความคิด ไม่ใช่เรื่องแค่ยกมือไหว้แล้วก็เชื่อกัน คงไม่ใช่อย่างนั้น แต่เป็นจุดเริ่มต้นที่จะแสดงให้เห็นว่าเรามาพูดกันดีกว่า
พิธีกร ท่านยังยืนยันในจุดนั้นในแง่ยุทธศาสตร์ชาติ คำนึงถึงต่างประเทศด้วย อย่างที่ว่าไม่อย่างนั้นจะไปต่อท่ออะไรกัน แต่ขณะเดียวกันความรุนแรงยังเกิดขึ้น พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน วันก่อนในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (ผอ.รมน.) บอกว่าจะมาหารือกับท่านถึงเทคนิคในการจัดการยุทธวิธี
นายกรัฐมนตรี ได้มาคุยกันแล้ว ผมก็เห็นด้วย ก็บอกท่านไปว่าท่านไปดำเนินการได้ เพราะผมไม่ได้ลงไปดูในส่วนเหล่านั้น ก็เป็นเรื่องของท่าน ผมคงไม่พูด ณ ที่นี้ เพราะว่าเป็นความรับผิดชอบของท่านเอง
พิธีกร ซึ่งเป็นแนวทางทางยุทธวิธี
นายกรัฐมนตรี ครับ เราพูดกันสองระดับ หมายถึงว่ายุทธวิธีอาจจะต่ำไปนิดหนึ่ง เพราะว่าในส่วนของ กอ.รมน.จะดูทั้งทางด้านยุทธการและยุทธวิธี ยุทธการจะต้องมีการวางแผน ส่วนยุทธวิธีเกือบจะไม่ต้องวางแผน ถือปืนออกไปแล้วดูว่าจะไปทางไหน จะทำอะไรตรงไหนอย่างไร ส่วนวางแผนในด้านยุทธการก็ขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง นั่นเป็นเรื่องที่ กอ.รมน.จะต้องไปดำเนินการต่อไป
พิธีกร แต่ก็ยังเห็นเหตุการณ์อย่างที่ว่า ผมถามความรู้สึกของท่าน คือด้านหนึ่งก็พยายามมองยุทธศาสตร์ชาติ ยุทธวิธี ก็ว่าไป แต่มันก็ยังเกิดขึ้น เกิดขึ้นคนจะบอกสมานฉันท์ไปทำไม ท่านอยากจะบอกอย่างไร
นายกรัฐมนตรี ในส่วนนี้มีเหตุอยู่นิดเดียว สิ่งที่เกิดขึ้นถ้าเราไปยืนอยู่ทางด้านโน้นบ้าง เราจะรับรู้ว่าสิ่งที่เขาได้ตอบโต้ออกมา เพราะเป็นสิ่งที่ทางฝ่ายเราได้ไปดำเนินการต่อเขาเมื่อในอดีตเป็นส่วนใหญ่ นั่นเป็นจุดหนึ่งที่เราจำเป็นต้องมองทั้งสองด้านว่า ทำไมเขาถึงทำ เมื่อเกิดความคิดเกิดความเชื่อแล้วว่า ไม่มีทางออกทางอื่น นอกจากจะต้องอาวุธขึ้นมาสู้กัน เขาก็ทำ แต่การที่จะเปลี่ยนความคิดของเขาว่าอย่าสู้กันด้วยอาวุธเลย มาเจรจากันเถอะ เราก็ต้องสร้างความเชื่อถือ สร้างความมั่นใจให้เขา ไม่อย่างนั้นมันไม่เกิดหรอก เราไม่มีโอกาสมาคุยกันได้
พิธีกร ปราบอย่างไรก็ไม่หมด
นายกรัฐมนตรี ปราบอย่างไรหมดล่ะ และก็เป็นพี่น้องคนไทยด้วยกัน ถึงแม้จะต่างเชื้อชาติ แต่ถ้าเผื่อเรายอมรับว่าเขาเป็นคนไทย เราก็ต้องหาทางที่จะแก้ไขปัญหา
ความสัมพันธ์ระหว่างนายกรัฐมนตรีกับประธาน คมช.
พิธีกร ถามถึงความสัมพันธ์กับพลเอกสนธิฯ
นายกรัฐมนตรี ผมต้องเชิญมาอยู่ตรงนี้ด้วยไหม
พิธีกร ถ้าเป็นไปได้ก็ดี ท่านนายกฯ เคยคิดไหมว่าวันนั้นที่พลเอกสนธิฯ ไปรับจดหมายจากกลุ่มที่ขอให้ปลดนายกรัฐมนตรี นาทีแรกคิดไหมครับ
นายกรัฐมนตรี ไม่ได้คิดอะไร พอรับแล้ววันรุ่งขึ้นก็มาเจอกัน และเข้ามาเล่าให้ผมฟังหมดว่าใครเป็นคนโทร.ไป ผมไม่ขอเอ่ยนาม เดี๋ยวจะวุ่นวายกันไปอีก ก็เล่าให้ผมฟังว่า "ครับ ผมถูกเขาหลอก" แล้วจะให้ผมว่ายังไง บอกก็บอกโอเค ไม่มีปัญหาอะไร
พิธีกร มากราบที่อก
นายกรัฐมนตรี ไม่ได้มากราบที่อก ไม่ถึงขนาดนั้น เพราะวันนั้นแต่งชุดขาว วันนั้นจะมีพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณที่จะไม่กระทำการใด ๆ ที่เป็นเรื่องที่คดโกง ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ โดยมีพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองมนตรีและรัฐบุรุษมาเป็นประธาน
พิธีกร วันนั้นก็มีโอกาสคุยกัน จับเข่าคุยกันแล้ว
นายกรัฐมนตรี ไม่ถึงกับจับเข่า นั่งใกล้ ๆ กัน
พิธีกร ก็บอกอย่างที่เล่านี่แหละ แล้วก็จบ ท่านเคยคิดไหมว่าอาจจะโดนปลด
นายกรัฐมนตรี เขาไม่ได้คิดที่จะปลดผมเลย
พิธีกร ทำไมท่านนายกฯ ถึงเชื่ออย่างนั้น
นายกรัฐมนตรี ที่เชื่อผมก็เคยพูดกับพลเอกสนธิฯ ว่าถ้าไม่พอใจก็บอกได้เลย จริง ๆ ผมไม่ได้อยากมาทำหน้าที่นี้ ตั้งแต่เริ่มต้น ผมไม่มีความอยาก ขอให้ผมเข้ามา คำพูดที่พลเอกสนธิฯ พูดกับผมในครั้งที่ 3 คือ ถ้าพี่ไม่รับผมตาย ก็โอเครับ แต่พูดถึงว่าอยากไหม ไม่อยาก แต่จำเป็นจะต้องทำ
พิธีกร แต่มีแรงกดดัน ท่านนายกฯ เห็นใช่ไหม
นายกรัฐมนตรี ไม่ได้เห็นอย่างเดียว รู้สึกด้วย
พิธีกร รู้สึกว่าพลเอกสนธิฯ ก็ถูกกดดัน
นายกรัฐมนตรี ทุกคนถูกกดดันหมด ผมคิดว่าไม่มีใครไม่ถูกกดดัน
พิธีกร พลเอกสนธิฯ เคยมาบอกท่านไหม พี่ เขากดดันผม
นายกรัฐมนตรี ไม่ถึงขนาดนั้น เพียงแต่เราปรึกษากันว่าจะมีทางออกอย่างไร ยกตัวอย่างกรณีภาคใต้ ก็เป็นส่วนหนึ่ง ที่จะต้องมีการปรึกษาหารือกันว่าจะเอาอย่างไร เพราะพลเอกสนธิฯ ก็เป็นคนไทยมุสลิม ก็มีโอกาสที่จะไปพบปะกับมิตรประเทศอื่น ๆ ได้ว่าเราควรจะทำอย่างไรกัน
พิธีกร เพราะฉะนั้นท่านไม่เชื่อว่าจะมีเหตุการณ์อย่างนั้นเกิดขึ้น
นายกรัฐมนตรี ผมคิดว่าไม่น่าจะมี ที่จริงไม่ต้องปลดหรอก คือบอกผมแค่นั้นเอง ผมก็ดำเนินการได้
พิธีกร ท่านเคยบอกว่าจะอยู่จนครบวาระ ถ้าเกิดพลเอกสนธิฯ มาบอกท่านออกล่ะ
นายกรัฐมนตรี ก็เป็นอำนาจโดยชอบธรรมของประธาน คมช. ผมพูดกันอย่างนั้น ถ้าเผื่อว่าเห็นว่ามีปัญหาแน่ ๆ เพียงแค่มาบอก ผมก็จะเดินทางออกมา
พิธีกร ถ้าออกแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ผมคิดเผื่อ
นายกรัฐมนตรี ผมไม่คิดว่าจะไปถึงจุดนั้น เล่าให้ฟังว่าพูดกันไว้ว่าอย่างไร พี่น้องประชาชนอย่าเข้าใจผิด คือความตั้งใจของผม เมื่อวานนี้ก็มีนักข่าวถามว่าจะสามารถอยู่ไปจนถึงจุดนั้นไหม ผมก็พูดว่าผมไม่แน่ใจว่าจะสามารถหรือไม่ แต่ผมมีความตั้งใจ
กำหนดวันเลือกตั้ง 16 หรือ 23 ธ.ค.50
พิธีกร วันเลือกตั้ง
นายกรัฐมนตรี มีความมั่นใจที่จะทำไปจนถึงจุดนั้น ที่ว่าสามารถจะอยู่หรือไม่ มันมีปัจจัยตัวอื่น ๆ อีกเยอะที่จะต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะฉะนั้นจะไปพูดในลักษณะที่ว่า ข้าพเจ้าแน่แต่ผู้เดียว ผมคิดว่าคงไม่ใช่เป็นนิสัยของผม ผมจะทำจะยืนยันว่าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อให้บ้านเมืองของเราเดินไปตามครรลองที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ไปจนถึงการเลือกตั้ง สิ่งที่อยากจะเรียนคือ ส่วนหนึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นปีมหามงคลที่คนไทยทุกคนควรจะระลึกและตระหนักว่า เราควรจะทำอะไรถวายนิดหน่อย และสิ่งนั้นผมคิดว่าไม่มีอะไรดีที่สุดที่จะช่วยกันประคับประคองบ้านเมืองของเราให้ไปถึงขั้นตอนที่จะมีรัฐบาลที่มาจากวิถีทางของประชาธิปไตย
พิธีกร วันเลือกตั้ง 16 หรือ 23 ธันวาคม 2550
นายกรัฐมนตรี วันที่ 16 หรือ 23 ธันวาคม 2550 เป็นเพียงการประชุมหารือร่วมกัน และคิดว่าน่าจะเป็นในช่วงนั้น
พิธีกร ท่านคงไม่อยากให้เกิดเหตุที่ทำให้ล่วงเลยออกไป
นายกรัฐมนตรี ถ้าเป็นผม ๆ อยากให้เร็วขึ้น
พิธีกร อยากให้เร็วขึ้น
นายกรัฐมนตรี เมื่อมีปัจจัยตัวอื่น ๆ อย่างที่ว่า เรื่องของการเตรียมการในด้านกฎหมายลูกด้วย ซึ่งผมพยายามคุยกับท่านทั้งหลายว่าในขณะเดียวกัน ท่านจะร่างกฎหมายลูกคู่ขนานไปเลยได้ไหม หลังจากที่ได้มีการทำประชามติไปแล้ว ก็จะทำกันอย่างนั้น
พิธีกร ความเชื่อของท่าน ๆ บอกพยายามแน่ที่จะเดินไปสู่จุดนั้น ความเชื่อของท่านด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัว การวิเคราะห์ ประเมินในมุมมองของพลเอก สุรยุทธ์ ทั้งหมด เชื่อว่าจะเกิดขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์ หมายถึงมีรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง
นายกรัฐมนตรี ผมคงประเมินเป็นเปอร์เซ็นต์ไม่ได้ แต่ผมคิดว่าอยู่ที่ความร่วมมือร่วมใจของ ประชาชนทั่วไปไม่ได้เป็นการสอบ และผมคิดว่าอยู่ที่ความร่วมมือร่วมใจ อยู่ที่การวินิจฉัยของพี่น้องประชาชน ซึ่งเปลี่ยนได้ แต่ผมอยากให้พี่น้องประชาชนได้คิดในส่วนนี้ และร่วมมือกันที่จะไปจนถึงตรงจุดนี้ ที่ผมพูดว่าไม่ใช่การสอบเพราะผมไม่ได้ทำคนเดียว จะต้องมีอีก
พิธีกร องค์ประกอบมีหลายคนสอบ
นายกรัฐมนตรี ผมคิดว่าประมาณ 64 ล้านคนที่จะต้องมาช่วยกัน ไม่ใช่ผมคนเดียว ถ้าเราหวังว่าจะไปถึงจุดนั้นแล้วถามผมว่าจะไปถึงไหม ผมตอบไม่ได้ว่ากี่เปอร์เซ็นต์ แต่ผมอยากให้อีก 64 ล้านคน ได้ช่วยกันที่จะผลักดันกันไปให้ถึงจุดนั้น
พิธีกร ท่านบอกกับผมตั้งแต่ต้นรายการแล้วว่าการเคลื่อนไหวของอำนาจเก่าเป็นเรื่องปกติ ที่สุดจะไปตัดสินที่ศาล แล้วบ้านเมืองต้องมีกติกา คนส่วนใหญ่จะต้องยึดกติกาตรงนี้
นายกรัฐมนตรี ใช่ครับ
พิธีกร ท่านไม่เชื่อว่าจะเกิดเหตุวุ่นวายขึ้น
นายกรัฐมนตรี ใช่
ไม่มีเหตุผลในการทำปฏิวัติซ้อน
พิธีกร อีกด้านหนึ่งปฏิวัติซ้อนท่านกลัวไหม
นายกรัฐมนตรี ผมไม่กลัวเลย
พิธีกร รถถังจอดอยู่ข้างทำเนียบ
นายกรัฐมนตรี ไม่มีปัญหา จอดอยู่เขาก็ไม่ได้มาทำอะไรผมหรอก อย่างที่บอกแล้วถ้าเผื่ออยากจะทำกัน ไม่ต้องเอารถถังมา และใครจะเป็นคนทำปฏิวัติ ผมต้องถามคุณสรยุทธ์ด้วย
พิธีกร เขาวิเคราะห์กันว่าอาจจะมีการแก่งแย่งกัน หรือพลเอก สุรยุทธ์ไม่ยอมจัดการกับอีกขั้วอำนาจหนึ่งให้เด็ดขาด ก็จะปฏิวัติเพื่อให้เด็ดขาด
นายกรัฐมนตรี อย่างที่อธิบายแล้วว่าการจัดการให้เด็ดขาดนั้นไม่ใช่อำนาจของผม ผมมีหน้าที่ที่จะเสนอเรื่องเพื่อเข้าไปสู่ศาล
พิธีกร ไม่คิดว่าจะเกิดปฏิวัติซ้อน
นายกรัฐมนตรี ผมว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ มีเหตุผลอะไรที่จะต้องทำ แต่ถ้าเผื่อทำต้องดูว่าใครจะทำอีก อย่างที่ถามไปแล้ว และโอกาสที่จะสำเร็จ และจะทำอะไรต่อไป ผมคิดว่าไม่ได้ง่าย ๆ อย่างนั้น
พิธีกร ดูตามตรรกะแล้วไม่มีเหตุผล
นายกรัฐมนตรี ไม่มีเหตุผล
พิธีกร นี่คือนายกรัฐมนตรี พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ มาเปิดใจใน "เปิดบ้านพิษณุโลก" ครั้งที่ 2 ติดตามได้ต่อไปในสัปดาห์หน้า วันนี้ขอบพระคุณท่านมากครับ สวัสดีครับ
นายกรัฐมนตรี สวัสดีครับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
นายกรัฐมนตรี ใช่ครับ ก็ดูแลในเรื่องความสงบ ความปลอดภัย
พิธีกร ยุทธศาสตร์ใหญ่คือต้องคำนึงถึงประเทศต่าง ๆ ด้วย
นายกรัฐมนตรี ใช่ครับ เพราะผมคิดว่าในทุก ๆ ประเทศในขณะนี้ มองเห็นตัวอย่างที่เด่นชัด ต่อกรณีของสงครามในแอฟริกา ในอิรัก ว่า มันไปไหนไม่ได้หรอก เห็นชัด ๆ ว่าในที่สุดต้องลงมานั่งพูดคุยกันเจรจากัน จะเอากำลังทหารไปปราบอย่างไรก็ปราบไม่หมด
พิธีกร เรื่องนี้อาจจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้คนอาจจะเคยคาดหวังท่านนายกฯ สูง ตอนท่านเข้ามา เพราะท่านนายกฯ มาแนวทางแก้ไขปัญหาภาคใต้ จะสันติวิธี อุตส่าห์บอกว่าปูผ้ากราบยังได้ ไปขอโทษ แต่สถานการณ์ยังรุนแรง คือระดับความรุนแรงมากขึ้น คนอาจจะผิดหวัง
นายกรัฐมนตรี ตรงนี้คงพูดได้อย่างที่เรียนแล้วว่าเป็นการตอบโต้ ผมก็มีข้อมูลที่อยากจะบอกได้ว่าในส่วนของผู้ก่อความไม่สงบเอง ก็เกิดความรู้สึกเหมือนกันว่ามันไม่มีทางไปไหน หนทางข้างหน้าไม่มีทางไปไหน นอกจากจะต้องหันมาพูดคุยกัน ก็เริ่มมีสัญญาณอันนี้เข้ามา
พิธีกร ท่านนายกฯ เชื่อว่าในที่สุดจะค่อย ๆ ดีขึ้น
นายกรัฐมนตรี ไม่มีทางอื่นไป คงไม่ค่อยดีขึ้น แต่ว่าจะต้องหาทางมาพูดคุยกันจนได้ และเราคงจะต้องมีข้อต่อรอง มีข้อตกลงในการที่จะพูดคุยกันว่าก่อนที่คุยกัน เราควรจะทำอะไรกันก่อน
พิธีกร แต่บางพื้นที่เหมือนกับอำนาจรัฐไม่สามารถที่จะควบคุมได้ อยู่ ๆ ดี ๆ จะปิดถนน
นายกรัฐมนตรี เป็นพื้นที่ที่เขามีอิทธิพล อย่างที่ยกตัวอย่าง ก็เป็นเรื่องธรรมดา ต่อกรณีที่เขามาปิดถนน ผมลงไปครั้งนี้ก็เห็นว่า 24 คนที่เขาขอร้องให้ปล่อย เราได้มีการสอบสวนสืบสวนแล้ว ปรากฏว่า 14 คนไม่ได้เกี่ยวข้อง
พิธีกร ปล่อยแล้ว
นายกรัฐมนตรี ใน 10 คน 4 คนสารภาพ อีก 6 คนยังไม่ได้สารภาพ เมื่ออธิบายสิ่งเหล่านี้ให้กับประชาชนเข้าใจ เขาก็รู้ว่านี่เป็นการดำเนินการตามกฎหมาย คนที่ถูกเราควบคุมตัวอยู่นี้ปลอดภัย ไม่มีปัญหา คนที่ไม่เกี่ยวข้อง เราก็ปล่อยไป ก็เป็นเรื่องธรรมดา นั่นคือการแสดงออกถึงการดำเนินการว่า ถ้าคุณทำผิดต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย ไม่ใช่ว่าทำผิดแล้วลอยนวลไป ไม่ใช่
พิธีกร คนไทยต้องอดทนกันอีกพอสมควร
นายกรัฐมนตรี ต้องอดทนครับ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมาไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาที่รัฐบาลนี้เข้ามา มันเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้นานพอสมควร ฉะนั้นการที่จะแก้ไขในเรื่องของความคิด ไม่ใช่เรื่องแค่ยกมือไหว้แล้วก็เชื่อกัน คงไม่ใช่อย่างนั้น แต่เป็นจุดเริ่มต้นที่จะแสดงให้เห็นว่าเรามาพูดกันดีกว่า
พิธีกร ท่านยังยืนยันในจุดนั้นในแง่ยุทธศาสตร์ชาติ คำนึงถึงต่างประเทศด้วย อย่างที่ว่าไม่อย่างนั้นจะไปต่อท่ออะไรกัน แต่ขณะเดียวกันความรุนแรงยังเกิดขึ้น พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน วันก่อนในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (ผอ.รมน.) บอกว่าจะมาหารือกับท่านถึงเทคนิคในการจัดการยุทธวิธี
นายกรัฐมนตรี ได้มาคุยกันแล้ว ผมก็เห็นด้วย ก็บอกท่านไปว่าท่านไปดำเนินการได้ เพราะผมไม่ได้ลงไปดูในส่วนเหล่านั้น ก็เป็นเรื่องของท่าน ผมคงไม่พูด ณ ที่นี้ เพราะว่าเป็นความรับผิดชอบของท่านเอง
พิธีกร ซึ่งเป็นแนวทางทางยุทธวิธี
นายกรัฐมนตรี ครับ เราพูดกันสองระดับ หมายถึงว่ายุทธวิธีอาจจะต่ำไปนิดหนึ่ง เพราะว่าในส่วนของ กอ.รมน.จะดูทั้งทางด้านยุทธการและยุทธวิธี ยุทธการจะต้องมีการวางแผน ส่วนยุทธวิธีเกือบจะไม่ต้องวางแผน ถือปืนออกไปแล้วดูว่าจะไปทางไหน จะทำอะไรตรงไหนอย่างไร ส่วนวางแผนในด้านยุทธการก็ขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง นั่นเป็นเรื่องที่ กอ.รมน.จะต้องไปดำเนินการต่อไป
พิธีกร แต่ก็ยังเห็นเหตุการณ์อย่างที่ว่า ผมถามความรู้สึกของท่าน คือด้านหนึ่งก็พยายามมองยุทธศาสตร์ชาติ ยุทธวิธี ก็ว่าไป แต่มันก็ยังเกิดขึ้น เกิดขึ้นคนจะบอกสมานฉันท์ไปทำไม ท่านอยากจะบอกอย่างไร
นายกรัฐมนตรี ในส่วนนี้มีเหตุอยู่นิดเดียว สิ่งที่เกิดขึ้นถ้าเราไปยืนอยู่ทางด้านโน้นบ้าง เราจะรับรู้ว่าสิ่งที่เขาได้ตอบโต้ออกมา เพราะเป็นสิ่งที่ทางฝ่ายเราได้ไปดำเนินการต่อเขาเมื่อในอดีตเป็นส่วนใหญ่ นั่นเป็นจุดหนึ่งที่เราจำเป็นต้องมองทั้งสองด้านว่า ทำไมเขาถึงทำ เมื่อเกิดความคิดเกิดความเชื่อแล้วว่า ไม่มีทางออกทางอื่น นอกจากจะต้องอาวุธขึ้นมาสู้กัน เขาก็ทำ แต่การที่จะเปลี่ยนความคิดของเขาว่าอย่าสู้กันด้วยอาวุธเลย มาเจรจากันเถอะ เราก็ต้องสร้างความเชื่อถือ สร้างความมั่นใจให้เขา ไม่อย่างนั้นมันไม่เกิดหรอก เราไม่มีโอกาสมาคุยกันได้
พิธีกร ปราบอย่างไรก็ไม่หมด
นายกรัฐมนตรี ปราบอย่างไรหมดล่ะ และก็เป็นพี่น้องคนไทยด้วยกัน ถึงแม้จะต่างเชื้อชาติ แต่ถ้าเผื่อเรายอมรับว่าเขาเป็นคนไทย เราก็ต้องหาทางที่จะแก้ไขปัญหา
ความสัมพันธ์ระหว่างนายกรัฐมนตรีกับประธาน คมช.
พิธีกร ถามถึงความสัมพันธ์กับพลเอกสนธิฯ
นายกรัฐมนตรี ผมต้องเชิญมาอยู่ตรงนี้ด้วยไหม
พิธีกร ถ้าเป็นไปได้ก็ดี ท่านนายกฯ เคยคิดไหมว่าวันนั้นที่พลเอกสนธิฯ ไปรับจดหมายจากกลุ่มที่ขอให้ปลดนายกรัฐมนตรี นาทีแรกคิดไหมครับ
นายกรัฐมนตรี ไม่ได้คิดอะไร พอรับแล้ววันรุ่งขึ้นก็มาเจอกัน และเข้ามาเล่าให้ผมฟังหมดว่าใครเป็นคนโทร.ไป ผมไม่ขอเอ่ยนาม เดี๋ยวจะวุ่นวายกันไปอีก ก็เล่าให้ผมฟังว่า "ครับ ผมถูกเขาหลอก" แล้วจะให้ผมว่ายังไง บอกก็บอกโอเค ไม่มีปัญหาอะไร
พิธีกร มากราบที่อก
นายกรัฐมนตรี ไม่ได้มากราบที่อก ไม่ถึงขนาดนั้น เพราะวันนั้นแต่งชุดขาว วันนั้นจะมีพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณที่จะไม่กระทำการใด ๆ ที่เป็นเรื่องที่คดโกง ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ โดยมีพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองมนตรีและรัฐบุรุษมาเป็นประธาน
พิธีกร วันนั้นก็มีโอกาสคุยกัน จับเข่าคุยกันแล้ว
นายกรัฐมนตรี ไม่ถึงกับจับเข่า นั่งใกล้ ๆ กัน
พิธีกร ก็บอกอย่างที่เล่านี่แหละ แล้วก็จบ ท่านเคยคิดไหมว่าอาจจะโดนปลด
นายกรัฐมนตรี เขาไม่ได้คิดที่จะปลดผมเลย
พิธีกร ทำไมท่านนายกฯ ถึงเชื่ออย่างนั้น
นายกรัฐมนตรี ที่เชื่อผมก็เคยพูดกับพลเอกสนธิฯ ว่าถ้าไม่พอใจก็บอกได้เลย จริง ๆ ผมไม่ได้อยากมาทำหน้าที่นี้ ตั้งแต่เริ่มต้น ผมไม่มีความอยาก ขอให้ผมเข้ามา คำพูดที่พลเอกสนธิฯ พูดกับผมในครั้งที่ 3 คือ ถ้าพี่ไม่รับผมตาย ก็โอเครับ แต่พูดถึงว่าอยากไหม ไม่อยาก แต่จำเป็นจะต้องทำ
พิธีกร แต่มีแรงกดดัน ท่านนายกฯ เห็นใช่ไหม
นายกรัฐมนตรี ไม่ได้เห็นอย่างเดียว รู้สึกด้วย
พิธีกร รู้สึกว่าพลเอกสนธิฯ ก็ถูกกดดัน
นายกรัฐมนตรี ทุกคนถูกกดดันหมด ผมคิดว่าไม่มีใครไม่ถูกกดดัน
พิธีกร พลเอกสนธิฯ เคยมาบอกท่านไหม พี่ เขากดดันผม
นายกรัฐมนตรี ไม่ถึงขนาดนั้น เพียงแต่เราปรึกษากันว่าจะมีทางออกอย่างไร ยกตัวอย่างกรณีภาคใต้ ก็เป็นส่วนหนึ่ง ที่จะต้องมีการปรึกษาหารือกันว่าจะเอาอย่างไร เพราะพลเอกสนธิฯ ก็เป็นคนไทยมุสลิม ก็มีโอกาสที่จะไปพบปะกับมิตรประเทศอื่น ๆ ได้ว่าเราควรจะทำอย่างไรกัน
พิธีกร เพราะฉะนั้นท่านไม่เชื่อว่าจะมีเหตุการณ์อย่างนั้นเกิดขึ้น
นายกรัฐมนตรี ผมคิดว่าไม่น่าจะมี ที่จริงไม่ต้องปลดหรอก คือบอกผมแค่นั้นเอง ผมก็ดำเนินการได้
พิธีกร ท่านเคยบอกว่าจะอยู่จนครบวาระ ถ้าเกิดพลเอกสนธิฯ มาบอกท่านออกล่ะ
นายกรัฐมนตรี ก็เป็นอำนาจโดยชอบธรรมของประธาน คมช. ผมพูดกันอย่างนั้น ถ้าเผื่อว่าเห็นว่ามีปัญหาแน่ ๆ เพียงแค่มาบอก ผมก็จะเดินทางออกมา
พิธีกร ถ้าออกแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ผมคิดเผื่อ
นายกรัฐมนตรี ผมไม่คิดว่าจะไปถึงจุดนั้น เล่าให้ฟังว่าพูดกันไว้ว่าอย่างไร พี่น้องประชาชนอย่าเข้าใจผิด คือความตั้งใจของผม เมื่อวานนี้ก็มีนักข่าวถามว่าจะสามารถอยู่ไปจนถึงจุดนั้นไหม ผมก็พูดว่าผมไม่แน่ใจว่าจะสามารถหรือไม่ แต่ผมมีความตั้งใจ
กำหนดวันเลือกตั้ง 16 หรือ 23 ธ.ค.50
พิธีกร วันเลือกตั้ง
นายกรัฐมนตรี มีความมั่นใจที่จะทำไปจนถึงจุดนั้น ที่ว่าสามารถจะอยู่หรือไม่ มันมีปัจจัยตัวอื่น ๆ อีกเยอะที่จะต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะฉะนั้นจะไปพูดในลักษณะที่ว่า ข้าพเจ้าแน่แต่ผู้เดียว ผมคิดว่าคงไม่ใช่เป็นนิสัยของผม ผมจะทำจะยืนยันว่าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อให้บ้านเมืองของเราเดินไปตามครรลองที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ไปจนถึงการเลือกตั้ง สิ่งที่อยากจะเรียนคือ ส่วนหนึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นปีมหามงคลที่คนไทยทุกคนควรจะระลึกและตระหนักว่า เราควรจะทำอะไรถวายนิดหน่อย และสิ่งนั้นผมคิดว่าไม่มีอะไรดีที่สุดที่จะช่วยกันประคับประคองบ้านเมืองของเราให้ไปถึงขั้นตอนที่จะมีรัฐบาลที่มาจากวิถีทางของประชาธิปไตย
พิธีกร วันเลือกตั้ง 16 หรือ 23 ธันวาคม 2550
นายกรัฐมนตรี วันที่ 16 หรือ 23 ธันวาคม 2550 เป็นเพียงการประชุมหารือร่วมกัน และคิดว่าน่าจะเป็นในช่วงนั้น
พิธีกร ท่านคงไม่อยากให้เกิดเหตุที่ทำให้ล่วงเลยออกไป
นายกรัฐมนตรี ถ้าเป็นผม ๆ อยากให้เร็วขึ้น
พิธีกร อยากให้เร็วขึ้น
นายกรัฐมนตรี เมื่อมีปัจจัยตัวอื่น ๆ อย่างที่ว่า เรื่องของการเตรียมการในด้านกฎหมายลูกด้วย ซึ่งผมพยายามคุยกับท่านทั้งหลายว่าในขณะเดียวกัน ท่านจะร่างกฎหมายลูกคู่ขนานไปเลยได้ไหม หลังจากที่ได้มีการทำประชามติไปแล้ว ก็จะทำกันอย่างนั้น
พิธีกร ความเชื่อของท่าน ๆ บอกพยายามแน่ที่จะเดินไปสู่จุดนั้น ความเชื่อของท่านด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัว การวิเคราะห์ ประเมินในมุมมองของพลเอก สุรยุทธ์ ทั้งหมด เชื่อว่าจะเกิดขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์ หมายถึงมีรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง
นายกรัฐมนตรี ผมคงประเมินเป็นเปอร์เซ็นต์ไม่ได้ แต่ผมคิดว่าอยู่ที่ความร่วมมือร่วมใจของ ประชาชนทั่วไปไม่ได้เป็นการสอบ และผมคิดว่าอยู่ที่ความร่วมมือร่วมใจ อยู่ที่การวินิจฉัยของพี่น้องประชาชน ซึ่งเปลี่ยนได้ แต่ผมอยากให้พี่น้องประชาชนได้คิดในส่วนนี้ และร่วมมือกันที่จะไปจนถึงตรงจุดนี้ ที่ผมพูดว่าไม่ใช่การสอบเพราะผมไม่ได้ทำคนเดียว จะต้องมีอีก
พิธีกร องค์ประกอบมีหลายคนสอบ
นายกรัฐมนตรี ผมคิดว่าประมาณ 64 ล้านคนที่จะต้องมาช่วยกัน ไม่ใช่ผมคนเดียว ถ้าเราหวังว่าจะไปถึงจุดนั้นแล้วถามผมว่าจะไปถึงไหม ผมตอบไม่ได้ว่ากี่เปอร์เซ็นต์ แต่ผมอยากให้อีก 64 ล้านคน ได้ช่วยกันที่จะผลักดันกันไปให้ถึงจุดนั้น
พิธีกร ท่านบอกกับผมตั้งแต่ต้นรายการแล้วว่าการเคลื่อนไหวของอำนาจเก่าเป็นเรื่องปกติ ที่สุดจะไปตัดสินที่ศาล แล้วบ้านเมืองต้องมีกติกา คนส่วนใหญ่จะต้องยึดกติกาตรงนี้
นายกรัฐมนตรี ใช่ครับ
พิธีกร ท่านไม่เชื่อว่าจะเกิดเหตุวุ่นวายขึ้น
นายกรัฐมนตรี ใช่
ไม่มีเหตุผลในการทำปฏิวัติซ้อน
พิธีกร อีกด้านหนึ่งปฏิวัติซ้อนท่านกลัวไหม
นายกรัฐมนตรี ผมไม่กลัวเลย
พิธีกร รถถังจอดอยู่ข้างทำเนียบ
นายกรัฐมนตรี ไม่มีปัญหา จอดอยู่เขาก็ไม่ได้มาทำอะไรผมหรอก อย่างที่บอกแล้วถ้าเผื่ออยากจะทำกัน ไม่ต้องเอารถถังมา และใครจะเป็นคนทำปฏิวัติ ผมต้องถามคุณสรยุทธ์ด้วย
พิธีกร เขาวิเคราะห์กันว่าอาจจะมีการแก่งแย่งกัน หรือพลเอก สุรยุทธ์ไม่ยอมจัดการกับอีกขั้วอำนาจหนึ่งให้เด็ดขาด ก็จะปฏิวัติเพื่อให้เด็ดขาด
นายกรัฐมนตรี อย่างที่อธิบายแล้วว่าการจัดการให้เด็ดขาดนั้นไม่ใช่อำนาจของผม ผมมีหน้าที่ที่จะเสนอเรื่องเพื่อเข้าไปสู่ศาล
พิธีกร ไม่คิดว่าจะเกิดปฏิวัติซ้อน
นายกรัฐมนตรี ผมว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ มีเหตุผลอะไรที่จะต้องทำ แต่ถ้าเผื่อทำต้องดูว่าใครจะทำอีก อย่างที่ถามไปแล้ว และโอกาสที่จะสำเร็จ และจะทำอะไรต่อไป ผมคิดว่าไม่ได้ง่าย ๆ อย่างนั้น
พิธีกร ดูตามตรรกะแล้วไม่มีเหตุผล
นายกรัฐมนตรี ไม่มีเหตุผล
พิธีกร นี่คือนายกรัฐมนตรี พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ มาเปิดใจใน "เปิดบ้านพิษณุโลก" ครั้งที่ 2 ติดตามได้ต่อไปในสัปดาห์หน้า วันนี้ขอบพระคุณท่านมากครับ สวัสดีครับ
นายกรัฐมนตรี สวัสดีครับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--