นายวิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นำคณะผู้แทนประเทศไทยไปแข่งขันคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ประจำปี พ.ศ. 2550 เข้าเยี่ยมคารวะและรายงานผลการแข่งขันฯ ต่อนายกรัฐมนตรี
วันนี้ เวลา 14.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล นายวิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นำคณะผู้แทนประเทศไทยไปแข่งขันคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ประจำปี พ.ศ. 2550 เข้าเยี่ยมคารวะและรายงานผลการแข่งขันฯ ต่อ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้กล่าวรายงานผลการแข่งขัน ประจำปี 2550 โดยสรุปว่า ผู้แทนประเทศไทยที่ไปเข้าร่วมการแข่งขันคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ได้รับรางวัลรวม 6 เหรียญทอง 13 เหรียญเงิน และ 4 เหรียญทองแดง ดังนี้ วิชาคณิตศาสตร์ คัดเลือกผู้แทน 6 คน ไปแข่งขัน ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ผู้แทนประเทศไทยได้ 1 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน และ 2 เหรียญทองแดง วิชาคอมพิวเตอร์ คัดเลือกผู้แทน 4 คน ไปแข่งขัน ณ กรุงซาเกรบ ประเทศโครเอเชีย ผู้แทนประเทศไทยได้ 1 เหรียญทอง และ 3 เหรียญเงิน วิชาเคมี คัดเลือกผู้แทน 4 คน ไปแข่งขัน ณ กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ผู้แทนประเทศไทยได้ 1 เหรียญทองและ 3 เหรียญเงิน วิชาชีววิทยา คัดเลือกผู้แทน 4 คน ไปแข่งขัน ณ เมืองซัสคาทูน ประเทศแคนาดา ผู้แทนประเทศไทยได้ 2 เหรียญทอง ซึ่งหนึ่งในเหรียญทองนี้เป็นเหรียญทองที่ได้คะแนนอันดับที่ 1 ของการแข่งขันในปีนี้ และ 2 เหรียญเงิน วิชาฟิสิกส์ คัดเลือกผู้แทน 5 คน ไปแข่งขัน ณ เมืองอิสฟาฮาน ประเทศอิหร่าน ผู้แทนประเทศไทยได้ 1 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน และ 2 เหรียญทองแดง ต่อจากนั้น นายธัชชัย สุมิตร ประธานกรรมการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และประธานอนุกรรมการอำนวยการจัดส่งผู้แทนประเทศไทยไปแข่งขันคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ได้รายงานผลการแข่งขันเป็นรายบุคคลต่อนายกรัฐมนตรี
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความยินดีแก่คณะผู้แทนประเทศไทยและผู้เกี่ยวข้อง สรุปสาระสำคัญว่า มีความปลาบปลื้มและยินดีกับทุกคนที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองและชาติบ้านเมืองในทุก ๆ สาขาวิชา โดยสิ่งที่ทุกคนได้สร้างความสำเร็จและนำชื่อเสียงมาสู่ตัวเองและประเทศชาติถือว่ามีความสำคัญยิ่ง ปัจจุบันเยาวชนของไทยมีความรู้ ความสามารถ การที่เรามีสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขึ้นมา ก็เพื่อที่เร่งรัดให้การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีภายในประเทศมีความก้าวหน้า ขยายตัวมากยิ่งขึ้น
“ความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาเรื่องวิทยาศาตร์และเทคโนโลยีมีความสำคัญ เพราะการจะส่งเสริมให้เยาวชนไทยผู้มีความสามารถไปแข่งขันในยุคโลกาภิวัตน์ จำเป็นที่จะต้องมีความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นสำคัญเพื่อให้ไปแข่งขันกับผู้อื่นได้ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะถ้าหากว่าเรามีคนเก่งอยู่จำนวนไม่มากนัก ก็ถือว่าพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยียังแคบอยู่ เพราะเยาวชนส่วนใหญ่ไม่ได้ให้ความสนใจ หรือคิดว่าวิชาวิทยาศาสตร์ยากเกินไป จึงจะต้องมีการปรับปรุงทั้งการเรียนการสอนให้เยาวชนมีความสนใจ และมีความสามารถที่จะปรับตัวให้มีความเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้มากขึ้น ซึ่งรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการก็ได้ให้ความ สำคัญทุ่มเทที่จะให้การศึกษาของไทยมีความเจริญก้าวหน้าต่อไป” นายกรัฐมนตรีกล่าว
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าช่วงเช้าที่ผ่านมามีโอกาสได้พูดคุยกับเอกอัครราชทูตไทยและกงสุลใหญ่ 93 คนจาก 11 ประเทศ ถึงเรื่องภาพพจน์ของประเทศไทยกับมุมมองของทุกทวีปที่มีต่อประเทศไทย ซึ่งเอกอัครราชทูตได้ให้ข้อคิดคือในเรื่องการที่เราจะต้องรักษาคำพูด ปฏิบัติตามคำพูด ต้องคิดให้ดีก่อนจะพูด ซึ่งถือว่ามีความสำคัญ เพราะหมายถึงความเชื่อมั่นความเชื่อถือของต่างประเทศที่จะมีต่อประเทศไทย ไม่ว่าจะในเรื่องใด ๆ ก็ตาม
“ พวกเราคงเคยได้ยินคำพูดซึ่งมีมาแต่สมัยโบราณว่า Siamese talk เป็นคำพูดที่ชาวตะวันตกพูดถึงเมืองไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่เราจะต้องหาทางปรับแก้ภาพพจน์ของเราในสายตาของชาวต่างประเทศว่าคนไทย เยาวชนไทยคลื่นลูกใหม่ในยุคปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนแล้ว เรามีทั้งความรู้ ความ สามารถ และมีคุณธรรม” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวฝากให้เยาวชนผู้ได้รับรางวัลทุกคนด้วยว่า ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใด ขอให้เป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้กับเยาวชนในรุ่นใหม่ ๆ ต่อไป ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด ๆ เพราะโอกาสของการเรียนรู้ต่อไป ไม่จำเป็นว่าจะต้องมีเฉพาะในชั้นเรียนเท่านั้น ทั้งนี้ ผู้ใหญ่ทุกคนต่างก็มีความหวังว่าเยาวชนผู้มีความสามารถทุกคนจะเป็นกำลังสำคัญ กำลังหลัก ที่จะมายกระดับมาตรฐานทางการศึกษาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทยให้ก้าวหน้าในอนาคต และขอให้เยาวชนทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญและหน้าที่ที่จะต้องช่วยกันสร้างเยาวชนรุ่นใหม่ให้มีความรู้ ความ สามารถพร้อมกับมีคุณธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วย
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวชมเชยในความวิริยะอุตสาหะของเยาวชนทุกคน รวมทั้งขอบคุณผู้ปกครอง ครู อาจารย์และผู้กี่ยวข้อง ที่ได้ช่วยกันสนับสนุน ส่งเสริม อบรม ดูแลเยาวชนให้มีความรู้ ความสามารถ จนสามารถนำชื่อเสียงมาให้แก่ประเทศชาติ ครอบครัว และตัวเองได้อย่างน่าภาคภูมิใจ และนายกรัฐมนตรีกล่าวอวยพรให้ทุกคนมีชีวิตที่มั่นคงดีงาม พร้อมกับเป็นกำลังใจให้ทุกคนก้าวเดินต่อไปด้วยความมุ่งมั่น เพื่ออนาคตของตัวเองและความเจริญก้าวหน้าของประเทศชาติต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 14.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล นายวิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นำคณะผู้แทนประเทศไทยไปแข่งขันคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ประจำปี พ.ศ. 2550 เข้าเยี่ยมคารวะและรายงานผลการแข่งขันฯ ต่อ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้กล่าวรายงานผลการแข่งขัน ประจำปี 2550 โดยสรุปว่า ผู้แทนประเทศไทยที่ไปเข้าร่วมการแข่งขันคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ได้รับรางวัลรวม 6 เหรียญทอง 13 เหรียญเงิน และ 4 เหรียญทองแดง ดังนี้ วิชาคณิตศาสตร์ คัดเลือกผู้แทน 6 คน ไปแข่งขัน ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ผู้แทนประเทศไทยได้ 1 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน และ 2 เหรียญทองแดง วิชาคอมพิวเตอร์ คัดเลือกผู้แทน 4 คน ไปแข่งขัน ณ กรุงซาเกรบ ประเทศโครเอเชีย ผู้แทนประเทศไทยได้ 1 เหรียญทอง และ 3 เหรียญเงิน วิชาเคมี คัดเลือกผู้แทน 4 คน ไปแข่งขัน ณ กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ผู้แทนประเทศไทยได้ 1 เหรียญทองและ 3 เหรียญเงิน วิชาชีววิทยา คัดเลือกผู้แทน 4 คน ไปแข่งขัน ณ เมืองซัสคาทูน ประเทศแคนาดา ผู้แทนประเทศไทยได้ 2 เหรียญทอง ซึ่งหนึ่งในเหรียญทองนี้เป็นเหรียญทองที่ได้คะแนนอันดับที่ 1 ของการแข่งขันในปีนี้ และ 2 เหรียญเงิน วิชาฟิสิกส์ คัดเลือกผู้แทน 5 คน ไปแข่งขัน ณ เมืองอิสฟาฮาน ประเทศอิหร่าน ผู้แทนประเทศไทยได้ 1 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน และ 2 เหรียญทองแดง ต่อจากนั้น นายธัชชัย สุมิตร ประธานกรรมการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และประธานอนุกรรมการอำนวยการจัดส่งผู้แทนประเทศไทยไปแข่งขันคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ได้รายงานผลการแข่งขันเป็นรายบุคคลต่อนายกรัฐมนตรี
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความยินดีแก่คณะผู้แทนประเทศไทยและผู้เกี่ยวข้อง สรุปสาระสำคัญว่า มีความปลาบปลื้มและยินดีกับทุกคนที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองและชาติบ้านเมืองในทุก ๆ สาขาวิชา โดยสิ่งที่ทุกคนได้สร้างความสำเร็จและนำชื่อเสียงมาสู่ตัวเองและประเทศชาติถือว่ามีความสำคัญยิ่ง ปัจจุบันเยาวชนของไทยมีความรู้ ความสามารถ การที่เรามีสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขึ้นมา ก็เพื่อที่เร่งรัดให้การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีภายในประเทศมีความก้าวหน้า ขยายตัวมากยิ่งขึ้น
“ความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาเรื่องวิทยาศาตร์และเทคโนโลยีมีความสำคัญ เพราะการจะส่งเสริมให้เยาวชนไทยผู้มีความสามารถไปแข่งขันในยุคโลกาภิวัตน์ จำเป็นที่จะต้องมีความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นสำคัญเพื่อให้ไปแข่งขันกับผู้อื่นได้ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะถ้าหากว่าเรามีคนเก่งอยู่จำนวนไม่มากนัก ก็ถือว่าพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยียังแคบอยู่ เพราะเยาวชนส่วนใหญ่ไม่ได้ให้ความสนใจ หรือคิดว่าวิชาวิทยาศาสตร์ยากเกินไป จึงจะต้องมีการปรับปรุงทั้งการเรียนการสอนให้เยาวชนมีความสนใจ และมีความสามารถที่จะปรับตัวให้มีความเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้มากขึ้น ซึ่งรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการก็ได้ให้ความ สำคัญทุ่มเทที่จะให้การศึกษาของไทยมีความเจริญก้าวหน้าต่อไป” นายกรัฐมนตรีกล่าว
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าช่วงเช้าที่ผ่านมามีโอกาสได้พูดคุยกับเอกอัครราชทูตไทยและกงสุลใหญ่ 93 คนจาก 11 ประเทศ ถึงเรื่องภาพพจน์ของประเทศไทยกับมุมมองของทุกทวีปที่มีต่อประเทศไทย ซึ่งเอกอัครราชทูตได้ให้ข้อคิดคือในเรื่องการที่เราจะต้องรักษาคำพูด ปฏิบัติตามคำพูด ต้องคิดให้ดีก่อนจะพูด ซึ่งถือว่ามีความสำคัญ เพราะหมายถึงความเชื่อมั่นความเชื่อถือของต่างประเทศที่จะมีต่อประเทศไทย ไม่ว่าจะในเรื่องใด ๆ ก็ตาม
“ พวกเราคงเคยได้ยินคำพูดซึ่งมีมาแต่สมัยโบราณว่า Siamese talk เป็นคำพูดที่ชาวตะวันตกพูดถึงเมืองไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่เราจะต้องหาทางปรับแก้ภาพพจน์ของเราในสายตาของชาวต่างประเทศว่าคนไทย เยาวชนไทยคลื่นลูกใหม่ในยุคปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนแล้ว เรามีทั้งความรู้ ความ สามารถ และมีคุณธรรม” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวฝากให้เยาวชนผู้ได้รับรางวัลทุกคนด้วยว่า ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใด ขอให้เป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้กับเยาวชนในรุ่นใหม่ ๆ ต่อไป ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด ๆ เพราะโอกาสของการเรียนรู้ต่อไป ไม่จำเป็นว่าจะต้องมีเฉพาะในชั้นเรียนเท่านั้น ทั้งนี้ ผู้ใหญ่ทุกคนต่างก็มีความหวังว่าเยาวชนผู้มีความสามารถทุกคนจะเป็นกำลังสำคัญ กำลังหลัก ที่จะมายกระดับมาตรฐานทางการศึกษาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทยให้ก้าวหน้าในอนาคต และขอให้เยาวชนทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญและหน้าที่ที่จะต้องช่วยกันสร้างเยาวชนรุ่นใหม่ให้มีความรู้ ความ สามารถพร้อมกับมีคุณธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วย
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวชมเชยในความวิริยะอุตสาหะของเยาวชนทุกคน รวมทั้งขอบคุณผู้ปกครอง ครู อาจารย์และผู้กี่ยวข้อง ที่ได้ช่วยกันสนับสนุน ส่งเสริม อบรม ดูแลเยาวชนให้มีความรู้ ความสามารถ จนสามารถนำชื่อเสียงมาให้แก่ประเทศชาติ ครอบครัว และตัวเองได้อย่างน่าภาคภูมิใจ และนายกรัฐมนตรีกล่าวอวยพรให้ทุกคนมีชีวิตที่มั่นคงดีงาม พร้อมกับเป็นกำลังใจให้ทุกคนก้าวเดินต่อไปด้วยความมุ่งมั่น เพื่ออนาคตของตัวเองและความเจริญก้าวหน้าของประเทศชาติต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--