ทำเนียบรัฐบาล--22 เม.ย.--บิสนิวส์
วันนี้ (16 เมษายน 2541) เวลา 10.00 น. ณ ห้องสีเหลือง ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) นายโยชิยาสึ นาโอ (Mr.Yoshiyasu Nao) ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) และในฐานะผู้แทนกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม (Ministry of International Trade and Industry : MITI) ประจำภาคพื้นเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ได้เข้าเยี่ยมคารวะนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สามารถสรุปการหารือได้ดังนี้
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณรัฐบาลญี่ปุ่นที่ให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศไทยในภาวะที่ประสบกับวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจและในฐานะที่ญี่ปุ่นเป็นคู่ค้าที่ดีกับประเทศไทยตลอดมา โดยแม้ว่าประเทศญี่ปุ่นเองก็ต้องประสบกับสภาวะวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจเช่นกัน แต่ญี่ปุ่นก็ยังสามารถแสดงบทบาทของผู้นำภูมิภาคเอเซีย ในการช่วยเหลือประเทศที่ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจเป็นอย่างดี พร้อมกันนี้ยังได้กล่าวยืนยันว่า รัฐบาลไทยจะติดตามและเร่งรัดผลการดำเนินงานตามมาตรการต่าง ๆ และจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศต่าง ๆ ว่าความช่วยเหลือในครั้งนี้กล่าวคือ จะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเหมาะสมที่สุด
ในการนี้ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่นได้กล่าวเสริมว่า ภาคเอกชนของญี่ปุ่นยังมีความเชื่อมั่นในประเทศไทย ซึ่งยังมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งอยู่มาก และพร้อมที่จะลงทุนระยะยาวต่อไปในไทย ทั้งนี้ปัจจัยดังกล่าวได้ทำให้ประเทศไทยมีความแตกต่างจากประเทศเพื่อนบ้านอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเซีย ในการนี้ ประธาน JETRO ยังกล่าวด้วยว่ารัฐบาลญี่ปุ่นได้เสนอโครงการการค้ำประกันสินเชื่อแก่นักลงทุน (Investment Insurance Program) ในประเทศไทย ส่วนในด้านของการพัฒนาบุคลากรนั้น รัฐบาลญี่ปุ่น จะส่งผู้สำเร็จการศึกษาทางด้านวิศวกรรมที่มีมากเกินความต้องการในประเทศญี่ปุ่น เข้ามาฝึกฝนการทำงานในองค์กรของญี่ปุ่นในประเทศไทย เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระแก่รัฐบาลไทยในการฝึกฝนบุคลากรในสาขาที่ยังขาดแคลนและจำเป็น อย่างไรก็ดี ข้อเสนอดังกล่าวจะต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมของ MITI อีกครั้ง
ในตอนท้าย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเห็นชอบกับข้อเสนอแนะดังกล่าว ทั้งนี้ขอให้ JETRO ให้ความสนับสนุนทางด้านข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้ฝ่ายผู้ส่งออกและผู้นำเข้ามีความเข้าใจตรงกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านกฎระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ เช่น การควบคุมมาตรฐานสินค้าให้อยู่ในระดับสากล (International Standard) และข้อบังคับด้านสุขอนามัย (Health Control) ของสินค้าที่นำเข้าจากประเทศไทย ซึ่งเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ นอกจากนี้ยังกล่าวว่าประเทศต่าง ๆ ควรจะมองประเทศในเอเซีย ในฐานะที่เป็นชุมชนเดียวกัน เนื่องจากเมื่อเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจขึ้น จะส่งผลกระทบต่อไปยังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคด้วย ปัญหาที่เกิดขึ้นจึงมิใช่เป็นเรื่องของประเทศใดประเทศหนึ่งเท่านั้น อย่างไรก็ดี ประเทศที่ประสบปัญหาวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจควรที่จะสนับสนุนให้มีการเปิดการค้าเสรีในภูมิภาคต่อไป (Free Trade)--จบ--
วันนี้ (16 เมษายน 2541) เวลา 10.00 น. ณ ห้องสีเหลือง ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) นายโยชิยาสึ นาโอ (Mr.Yoshiyasu Nao) ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) และในฐานะผู้แทนกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม (Ministry of International Trade and Industry : MITI) ประจำภาคพื้นเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ได้เข้าเยี่ยมคารวะนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สามารถสรุปการหารือได้ดังนี้
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณรัฐบาลญี่ปุ่นที่ให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศไทยในภาวะที่ประสบกับวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจและในฐานะที่ญี่ปุ่นเป็นคู่ค้าที่ดีกับประเทศไทยตลอดมา โดยแม้ว่าประเทศญี่ปุ่นเองก็ต้องประสบกับสภาวะวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจเช่นกัน แต่ญี่ปุ่นก็ยังสามารถแสดงบทบาทของผู้นำภูมิภาคเอเซีย ในการช่วยเหลือประเทศที่ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจเป็นอย่างดี พร้อมกันนี้ยังได้กล่าวยืนยันว่า รัฐบาลไทยจะติดตามและเร่งรัดผลการดำเนินงานตามมาตรการต่าง ๆ และจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศต่าง ๆ ว่าความช่วยเหลือในครั้งนี้กล่าวคือ จะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเหมาะสมที่สุด
ในการนี้ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่นได้กล่าวเสริมว่า ภาคเอกชนของญี่ปุ่นยังมีความเชื่อมั่นในประเทศไทย ซึ่งยังมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งอยู่มาก และพร้อมที่จะลงทุนระยะยาวต่อไปในไทย ทั้งนี้ปัจจัยดังกล่าวได้ทำให้ประเทศไทยมีความแตกต่างจากประเทศเพื่อนบ้านอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเซีย ในการนี้ ประธาน JETRO ยังกล่าวด้วยว่ารัฐบาลญี่ปุ่นได้เสนอโครงการการค้ำประกันสินเชื่อแก่นักลงทุน (Investment Insurance Program) ในประเทศไทย ส่วนในด้านของการพัฒนาบุคลากรนั้น รัฐบาลญี่ปุ่น จะส่งผู้สำเร็จการศึกษาทางด้านวิศวกรรมที่มีมากเกินความต้องการในประเทศญี่ปุ่น เข้ามาฝึกฝนการทำงานในองค์กรของญี่ปุ่นในประเทศไทย เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระแก่รัฐบาลไทยในการฝึกฝนบุคลากรในสาขาที่ยังขาดแคลนและจำเป็น อย่างไรก็ดี ข้อเสนอดังกล่าวจะต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมของ MITI อีกครั้ง
ในตอนท้าย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเห็นชอบกับข้อเสนอแนะดังกล่าว ทั้งนี้ขอให้ JETRO ให้ความสนับสนุนทางด้านข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้ฝ่ายผู้ส่งออกและผู้นำเข้ามีความเข้าใจตรงกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านกฎระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ เช่น การควบคุมมาตรฐานสินค้าให้อยู่ในระดับสากล (International Standard) และข้อบังคับด้านสุขอนามัย (Health Control) ของสินค้าที่นำเข้าจากประเทศไทย ซึ่งเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ นอกจากนี้ยังกล่าวว่าประเทศต่าง ๆ ควรจะมองประเทศในเอเซีย ในฐานะที่เป็นชุมชนเดียวกัน เนื่องจากเมื่อเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจขึ้น จะส่งผลกระทบต่อไปยังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคด้วย ปัญหาที่เกิดขึ้นจึงมิใช่เป็นเรื่องของประเทศใดประเทศหนึ่งเท่านั้น อย่างไรก็ดี ประเทศที่ประสบปัญหาวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจควรที่จะสนับสนุนให้มีการเปิดการค้าเสรีในภูมิภาคต่อไป (Free Trade)--จบ--