ทำเนียบรัฐบาล--21 ม.ค.--บิสนิวส์
วันนี้ (14 ม.ค. 2541) เมื่อเวลา 13.00 น. ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า นายวิลเลียม รอธ (William V.Roth) ประธานคณะกรรมาธิการการคลังของวุฒิสภาสหรัฐฯ ได้เข้าเยี่ยมคารวะนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี ในโอกาสที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยและประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งผลการสนทนาสรุปได้ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในประเทศไทยและในภูมิภาคขณะนี้จะเป็นบทเรียนที่ดีสำหรับประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ที่ประสบปัญหา เพื่อให้มีความระมัดระวังมากขึ้นต่อไป อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยขอให้ความมั่นใจได้ว่าจะปฏิบัติตามเงื่อนไขตามข้อตกลงของกองทุนการเงินระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด และเห็นว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ประเทศที่กำลังพัฒนาจะต้องนำไปปรับปรุงแก้ไข ทั้งนี้เพราะในกระบวนการพัฒนาเศรษฐกิจย่อมต้องประสบกับปัญหาอุปสรรคทั้งสิ่งที่สำเร็จและผิดพลาด รัฐบาลไทยตระหนักดีว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นประเทศไทยจะต้องช่วยเหลือตัวเองก่อนเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก และในการเดินทางมาเยือนไทยของวุฒิสภาสหรัฐฯ ครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวหวังว่า จะช่วยทำให้ความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทยมากขึ้น พร้อมกับกล่าวขอให้ช่วยอธิบายถึงข้อเท็จจริงต่าง ๆ ให้กับวุฒิสมาชิกของสหรัฐฯ ได้รับทราบด้วย
วุฒิสภาสหรัฐฯ ได้กล่าวว่าจุดประสงค์สำคัญของการเดินทางมาครั้งนี้ เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยยังมีความสำคัญสำหรับสหรัฐฯ และเป็นพันธมิตรที่เก่าแก่และยาวนานที่สุดในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ อย่างไรก็ดี ในช่วงเวลาที่ผ่านมา สหรัฐฯ มีข้อจำกัดบางอย่างในทางการเมืองท้องถิ่นและกระบวนการทางกฏหมาย ซึ่งทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่สามารถที่จะดำเนินการในเรื่องบางอย่างที่ต้องการได้ แต่ขอให้ความมั่นใจได้ว่า ประเทศไทยยังมีเพื่อนที่จะให้ความช่วยเหลืออยู่อีกมากในสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ซึ่งในเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวตอบว่า ประเทศไทยเองก็มีความปรารถนาที่จะดำรงความสัมพันธ์ที่ดีและการเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดมาอย่างยาวนานระหว่างไทยและสหรัฐฯ เช่นกัน
นอกจากนี้ วุฒิสภาสหรัฐฯ ยังกล่าวด้วยว่าวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นปัญหาที่ประเทศไทยจะต้องแก้ไขด้วยตัวเองก่อน และปัญหาส่วนใหญ่เป็นปัญหาของภาคเอกชน อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่รัฐบาลไทยควรจะต้องเร่งดำเนินการต่อไป คือ นโยบายการเปิดเสรีทางด้านการเงินและการปฏิรูปสถาบันการเงิน ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับชาวต่างชาติและการไหลเข้ามาของเงินทุน ทั้งนี้ สหรัฐฯ เองก็เคยประสบกับวิกฤตการณ์ทางการเงินมาแล้ว และเห็นว่าหนทางที่จะสามารถช่วยให้เศรษฐกิจการเงินฟื้นตัวได้คือ การเปิดตลาด (open market) และนโยบายการเปิดเสรี (ligeralization policy) ซึ่งในเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่ารัฐบาลไทยจะยังคงดำเนินนโยบายการเปิดเสรีต่อไป และจะพยายามเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจขึ้นมาใหม่ เพื่อเป็นพื้นฐานในการพัฒนาและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพและยั่งยืนต่อไปในอนาคต--จบ--
วันนี้ (14 ม.ค. 2541) เมื่อเวลา 13.00 น. ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า นายวิลเลียม รอธ (William V.Roth) ประธานคณะกรรมาธิการการคลังของวุฒิสภาสหรัฐฯ ได้เข้าเยี่ยมคารวะนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี ในโอกาสที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยและประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งผลการสนทนาสรุปได้ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในประเทศไทยและในภูมิภาคขณะนี้จะเป็นบทเรียนที่ดีสำหรับประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ที่ประสบปัญหา เพื่อให้มีความระมัดระวังมากขึ้นต่อไป อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยขอให้ความมั่นใจได้ว่าจะปฏิบัติตามเงื่อนไขตามข้อตกลงของกองทุนการเงินระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด และเห็นว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ประเทศที่กำลังพัฒนาจะต้องนำไปปรับปรุงแก้ไข ทั้งนี้เพราะในกระบวนการพัฒนาเศรษฐกิจย่อมต้องประสบกับปัญหาอุปสรรคทั้งสิ่งที่สำเร็จและผิดพลาด รัฐบาลไทยตระหนักดีว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นประเทศไทยจะต้องช่วยเหลือตัวเองก่อนเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก และในการเดินทางมาเยือนไทยของวุฒิสภาสหรัฐฯ ครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวหวังว่า จะช่วยทำให้ความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทยมากขึ้น พร้อมกับกล่าวขอให้ช่วยอธิบายถึงข้อเท็จจริงต่าง ๆ ให้กับวุฒิสมาชิกของสหรัฐฯ ได้รับทราบด้วย
วุฒิสภาสหรัฐฯ ได้กล่าวว่าจุดประสงค์สำคัญของการเดินทางมาครั้งนี้ เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยยังมีความสำคัญสำหรับสหรัฐฯ และเป็นพันธมิตรที่เก่าแก่และยาวนานที่สุดในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ อย่างไรก็ดี ในช่วงเวลาที่ผ่านมา สหรัฐฯ มีข้อจำกัดบางอย่างในทางการเมืองท้องถิ่นและกระบวนการทางกฏหมาย ซึ่งทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่สามารถที่จะดำเนินการในเรื่องบางอย่างที่ต้องการได้ แต่ขอให้ความมั่นใจได้ว่า ประเทศไทยยังมีเพื่อนที่จะให้ความช่วยเหลืออยู่อีกมากในสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ซึ่งในเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวตอบว่า ประเทศไทยเองก็มีความปรารถนาที่จะดำรงความสัมพันธ์ที่ดีและการเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดมาอย่างยาวนานระหว่างไทยและสหรัฐฯ เช่นกัน
นอกจากนี้ วุฒิสภาสหรัฐฯ ยังกล่าวด้วยว่าวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นปัญหาที่ประเทศไทยจะต้องแก้ไขด้วยตัวเองก่อน และปัญหาส่วนใหญ่เป็นปัญหาของภาคเอกชน อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่รัฐบาลไทยควรจะต้องเร่งดำเนินการต่อไป คือ นโยบายการเปิดเสรีทางด้านการเงินและการปฏิรูปสถาบันการเงิน ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับชาวต่างชาติและการไหลเข้ามาของเงินทุน ทั้งนี้ สหรัฐฯ เองก็เคยประสบกับวิกฤตการณ์ทางการเงินมาแล้ว และเห็นว่าหนทางที่จะสามารถช่วยให้เศรษฐกิจการเงินฟื้นตัวได้คือ การเปิดตลาด (open market) และนโยบายการเปิดเสรี (ligeralization policy) ซึ่งในเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่ารัฐบาลไทยจะยังคงดำเนินนโยบายการเปิดเสรีต่อไป และจะพยายามเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจขึ้นมาใหม่ เพื่อเป็นพื้นฐานในการพัฒนาและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพและยั่งยืนต่อไปในอนาคต--จบ--