ทำเนียบรัฐบาล--7 พ.ค.--บิสนิวส์
วันนี้ เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานเปิดการประชุมชี้แจงมาตรการและแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินและการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนและอุทยานแห่งชาติในภาพรวมทั้งประเทศ โดยมี รัฐมนตรี อธิบดี ทหาร ตำรวจ ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมรับฟังกว่า 150 คน จัดโดย กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมฯ ได้มีความรู้ ความเข้าใจ และร่วมกันกำหนดมาตรฐานและแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เหมาะสมและรัดกุม
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวมอบนโยบายว่า การประชุมฯ ในวันนี้เป็นลักษณะการประชุมชี้แจงนโยบายป่าไม้ซึ่งถือว่ามีความสำคัญยิ่ง ทั้งนี้เพราะป่าไม้ของประเทศไทยได้เริ่มลดจำนวนลงอย่างมากในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาจากป่าไม้ที่เคยมีพื้นที่ 130 ล้านไร่ หรือประมาณ 40-50% ของพื้นที่ประเทศ ในปัจจุบันได้ลดลงเหลือเพียง 80 กว่าล้านไร่ หรือประมาณ 25% เท่านั้น หากผลการประชุมหรือการดำเนินการของรัฐบาลเกี่ยวกับการวางแผนรักษาป่าครั้งนี้ ยังไม่สามารถบรรลุผลสำเร็จ คาดว่าในอนาคตหรือประมาณ 10 ปีข้างหน้า ป่าไม้ของประเทศไทยคงสูญสิ้นสภาพป่าที่สมบูรณ์อย่างแน่นอน และเมื่อสภาพดังกล่าวเกิดขึ้น การฟื้นฟูป่าให้มีสภาพเหมือนเดิมนั้นคงเป็นไปได้ยากยิ่ง ดังนั้นการประชุมในครั้งนี้ ต้องหาแนวทางและการดำเนินการต่างๆ เพื่อแสวงหาการแก้ไขให้สำเร็จ ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาอย่างแน่นอน เพราะการแก้ไขครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่จะรักษาป่าให้คงสภาพอยู่ได้
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาการสูญเสียป่าส่วนใหญ่มักเกิดจากสาเหตุสำคัญ 3 ประการ คือ
1. การให้สัมปทานป่าไม้ที่ไม่มีขอบเขตและการดูแลอย่างใกล้ชิด
2. การขยายตัวของประชาชนที่มีเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการบุกรุกพื้นที่ป่า
3. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่มีความจำเป็นเช่น การตัดถนน การขุดบ่อ แหล่งน้ำ และอื่นๆ ที่เป็นปัจจัยสำคัญยิ่งในการลดจำนวนของพื้นที่ป่าให้น้อยลง แต่ปัญหาที่น่าเป็นห่วงอย่างมากในขณะนี้ก็คือยังมีการบุกรุกทำลายป่าไม้ในลักษณะดังกล่าวมากขึ้นกว่าเดิมและจากสาเหตุดังกล่าวรัฐบาลจึงจำเป็นต้องมีการประชุมคณะรัฐมนตรีภูมิภาค เพื่อจะได้ติดตามและรับทราบปัญหาอย่างใกล้ชิด จะได้หาแนวทางป้องกันแก้ไขได้ถูกต้อง รัดกุม โดยเฉพาะที่อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีปัญหาในการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนมากมาย
อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีได้กล่าวย้ำว่า ป่าไม้ที่มีอยู่ประมาณ 80 ล้านไร่ในขณะนี้ จะต้องไม่มีการลดจำนวนลงกว่านี้ แต่จะต้องฟื้นฟูให้สภาพป่าไม้มีเพิ่มมากขึ้นด้วยการปลูกป่า ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลมุ่งหวังในการดำเนินการดังกล่าวให้สำเร็จ ทั้งนี้เพื่อต้องการรักษาให้ป่าคงอยู่ ประชาชนจะได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีได้เสนอแนะว่า การที่จะหามาตรการและวางแผนงานไม่ให้มีการบุกรุกทำลายป่าได้นั้น สิ่งแรกที่จะต้องดำเนินการก็คือ จะต้องปลูกฝังประชาชนให้มีความรู้และเข้าใจถึงประโยชน์ของป่าไม้ จะได้เกิดความรัก ความหวงแหน และพร้อมที่จะร่วมกันอนุรักษ์ป่าด้วยความจริงใจ ดังเช่น แนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เกี่ยวกับการรักษาป่าว่า ป่าคือชีวิตที่จะต้องร่วมกันฟื้นฟูป่าให้มีความอุดมสมบูรณ์และเพิ่มจำนวนพื้นที่มากขึ้นให้ได้ 30% ใน 1-2 ปีข้างหน้า เพื่อถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวโกาสที่จะทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ--จบ
วันนี้ เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานเปิดการประชุมชี้แจงมาตรการและแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินและการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนและอุทยานแห่งชาติในภาพรวมทั้งประเทศ โดยมี รัฐมนตรี อธิบดี ทหาร ตำรวจ ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมรับฟังกว่า 150 คน จัดโดย กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมฯ ได้มีความรู้ ความเข้าใจ และร่วมกันกำหนดมาตรฐานและแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เหมาะสมและรัดกุม
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวมอบนโยบายว่า การประชุมฯ ในวันนี้เป็นลักษณะการประชุมชี้แจงนโยบายป่าไม้ซึ่งถือว่ามีความสำคัญยิ่ง ทั้งนี้เพราะป่าไม้ของประเทศไทยได้เริ่มลดจำนวนลงอย่างมากในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาจากป่าไม้ที่เคยมีพื้นที่ 130 ล้านไร่ หรือประมาณ 40-50% ของพื้นที่ประเทศ ในปัจจุบันได้ลดลงเหลือเพียง 80 กว่าล้านไร่ หรือประมาณ 25% เท่านั้น หากผลการประชุมหรือการดำเนินการของรัฐบาลเกี่ยวกับการวางแผนรักษาป่าครั้งนี้ ยังไม่สามารถบรรลุผลสำเร็จ คาดว่าในอนาคตหรือประมาณ 10 ปีข้างหน้า ป่าไม้ของประเทศไทยคงสูญสิ้นสภาพป่าที่สมบูรณ์อย่างแน่นอน และเมื่อสภาพดังกล่าวเกิดขึ้น การฟื้นฟูป่าให้มีสภาพเหมือนเดิมนั้นคงเป็นไปได้ยากยิ่ง ดังนั้นการประชุมในครั้งนี้ ต้องหาแนวทางและการดำเนินการต่างๆ เพื่อแสวงหาการแก้ไขให้สำเร็จ ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาอย่างแน่นอน เพราะการแก้ไขครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่จะรักษาป่าให้คงสภาพอยู่ได้
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาการสูญเสียป่าส่วนใหญ่มักเกิดจากสาเหตุสำคัญ 3 ประการ คือ
1. การให้สัมปทานป่าไม้ที่ไม่มีขอบเขตและการดูแลอย่างใกล้ชิด
2. การขยายตัวของประชาชนที่มีเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการบุกรุกพื้นที่ป่า
3. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่มีความจำเป็นเช่น การตัดถนน การขุดบ่อ แหล่งน้ำ และอื่นๆ ที่เป็นปัจจัยสำคัญยิ่งในการลดจำนวนของพื้นที่ป่าให้น้อยลง แต่ปัญหาที่น่าเป็นห่วงอย่างมากในขณะนี้ก็คือยังมีการบุกรุกทำลายป่าไม้ในลักษณะดังกล่าวมากขึ้นกว่าเดิมและจากสาเหตุดังกล่าวรัฐบาลจึงจำเป็นต้องมีการประชุมคณะรัฐมนตรีภูมิภาค เพื่อจะได้ติดตามและรับทราบปัญหาอย่างใกล้ชิด จะได้หาแนวทางป้องกันแก้ไขได้ถูกต้อง รัดกุม โดยเฉพาะที่อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีปัญหาในการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนมากมาย
อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีได้กล่าวย้ำว่า ป่าไม้ที่มีอยู่ประมาณ 80 ล้านไร่ในขณะนี้ จะต้องไม่มีการลดจำนวนลงกว่านี้ แต่จะต้องฟื้นฟูให้สภาพป่าไม้มีเพิ่มมากขึ้นด้วยการปลูกป่า ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลมุ่งหวังในการดำเนินการดังกล่าวให้สำเร็จ ทั้งนี้เพื่อต้องการรักษาให้ป่าคงอยู่ ประชาชนจะได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีได้เสนอแนะว่า การที่จะหามาตรการและวางแผนงานไม่ให้มีการบุกรุกทำลายป่าได้นั้น สิ่งแรกที่จะต้องดำเนินการก็คือ จะต้องปลูกฝังประชาชนให้มีความรู้และเข้าใจถึงประโยชน์ของป่าไม้ จะได้เกิดความรัก ความหวงแหน และพร้อมที่จะร่วมกันอนุรักษ์ป่าด้วยความจริงใจ ดังเช่น แนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เกี่ยวกับการรักษาป่าว่า ป่าคือชีวิตที่จะต้องร่วมกันฟื้นฟูป่าให้มีความอุดมสมบูรณ์และเพิ่มจำนวนพื้นที่มากขึ้นให้ได้ 30% ใน 1-2 ปีข้างหน้า เพื่อถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวโกาสที่จะทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ--จบ