ทำเนียบรัฐบาล-- 13 มี.ค.--บิสนิวส์
วันนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการปฏิรูประบบราชการ ครั้งที่ 2/2540
ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมนายกรัฐมนตรีได้เน้นถึงบทบาทของคณะกรรมการปฏิรูประบบราชการว่ามีส่วนสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาระบบราชการให้มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงระยะเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อของหลายความคิดที่ประชาชนทุกคนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงทางด้านการเมือง ซึ่งมีผลมาจากระบบราชการที่จะต้องแสวงหาแนวทางในการพัฒนาระบบการบริหารงานให้เกิดประโยชน์ และสามารถนำความเจริญมาสู่ประเทศชาติได้อย่างแท้จริง
นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า การสนองตอบความต้องการนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่คณะกรรมการจะต้องร่วมกันกำหนดแนวทางปฏิบัติต่าง ๆ ให้ชัดเจน เพื่อป้องกันปัญหาความขัดแย้งที่มักจะเกิดขึ้น จากความเห็นที่มักไม่ตรงกับความต้องการของประชาชนในหลาย ๆ เรื่อง รวมทั้งต้องคำนึงถึงระยะเวลาในการพิจารณาด้วย เพระถือเป็นปัจจัยสำคัญในการปฏิรูประบบราชการ เนื่องจากมีเวลาค่อนข้างจำกัด
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงการปฏิรูประบบราชการว่า ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองการปฏิรูปดังกล่าวก็คงทำไม่ได้ เพราะระบบราชการนั้นขึ้นอยู่กับการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย โดยประชาธิปไตยก็คือบทบาทของประชาชน ดังนั้นถ้าระบบราชการที่เป็นกลไกหลักในการนำเอานโยบายหรือทางด้านการเมืองไปปฏิบัติไม่ได้ การปฏิรูประบบต่าง ๆ ก็จะไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใด เพระฉะนั้น ในส่วนของคณะกรรมการฯ การที่จะพิจารณาหรือกำหนดสิ่งใดเพื่อให้เกิดประโยชน์ได้อย่างชัดเจน และเหมาะสมนั้น สิ่งแรกที่จะต้องคำนึงก็คือ ระบบราชการที่ดีจะต้องสนองตอบต่อระบบการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย และที่สำคัญจะต้องสนองตอบต่อความต้องการของประชาชนโดยส่วนรวมด้วย
สำหรับผลการประชุมในวันนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องการโอนกิจการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ให้อยู่ในความดูแลของกรุงเทพมหานคร โดยที่ประชุมมีมติให้คณะอนุกรรมการพัฒนาโครงสร้างระบบราชการนำกลับไปพิจารณาทบทวนอีกครั้งภายใน 30 วัน และนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมในครั้งต่อไป นอกจากนั้นที่ประชุมได้พิจารณายกฐานะสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานสตรีแห่งชาตให้มีระดับเป็น กรม เพื่อให้การทำงานด้านสตรีเกิดความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น--จบ--
วันนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการปฏิรูประบบราชการ ครั้งที่ 2/2540
ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมนายกรัฐมนตรีได้เน้นถึงบทบาทของคณะกรรมการปฏิรูประบบราชการว่ามีส่วนสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาระบบราชการให้มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงระยะเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อของหลายความคิดที่ประชาชนทุกคนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงทางด้านการเมือง ซึ่งมีผลมาจากระบบราชการที่จะต้องแสวงหาแนวทางในการพัฒนาระบบการบริหารงานให้เกิดประโยชน์ และสามารถนำความเจริญมาสู่ประเทศชาติได้อย่างแท้จริง
นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า การสนองตอบความต้องการนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่คณะกรรมการจะต้องร่วมกันกำหนดแนวทางปฏิบัติต่าง ๆ ให้ชัดเจน เพื่อป้องกันปัญหาความขัดแย้งที่มักจะเกิดขึ้น จากความเห็นที่มักไม่ตรงกับความต้องการของประชาชนในหลาย ๆ เรื่อง รวมทั้งต้องคำนึงถึงระยะเวลาในการพิจารณาด้วย เพระถือเป็นปัจจัยสำคัญในการปฏิรูประบบราชการ เนื่องจากมีเวลาค่อนข้างจำกัด
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงการปฏิรูประบบราชการว่า ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองการปฏิรูปดังกล่าวก็คงทำไม่ได้ เพราะระบบราชการนั้นขึ้นอยู่กับการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย โดยประชาธิปไตยก็คือบทบาทของประชาชน ดังนั้นถ้าระบบราชการที่เป็นกลไกหลักในการนำเอานโยบายหรือทางด้านการเมืองไปปฏิบัติไม่ได้ การปฏิรูประบบต่าง ๆ ก็จะไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใด เพระฉะนั้น ในส่วนของคณะกรรมการฯ การที่จะพิจารณาหรือกำหนดสิ่งใดเพื่อให้เกิดประโยชน์ได้อย่างชัดเจน และเหมาะสมนั้น สิ่งแรกที่จะต้องคำนึงก็คือ ระบบราชการที่ดีจะต้องสนองตอบต่อระบบการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย และที่สำคัญจะต้องสนองตอบต่อความต้องการของประชาชนโดยส่วนรวมด้วย
สำหรับผลการประชุมในวันนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องการโอนกิจการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ให้อยู่ในความดูแลของกรุงเทพมหานคร โดยที่ประชุมมีมติให้คณะอนุกรรมการพัฒนาโครงสร้างระบบราชการนำกลับไปพิจารณาทบทวนอีกครั้งภายใน 30 วัน และนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมในครั้งต่อไป นอกจากนั้นที่ประชุมได้พิจารณายกฐานะสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานสตรีแห่งชาตให้มีระดับเป็น กรม เพื่อให้การทำงานด้านสตรีเกิดความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น--จบ--