ทำเนียบรัฐบาล--28 ต.ค.--บิสนิวส์
วันนี้ (27 ต.ค. 40) เวลา 13.30 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายฟู่ สวยจ้าง (Fu Xuezhang) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้เข้าเยี่ยมคารวะพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรี เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ และได้ร่วมสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกับนายกรัฐมนตรีในประเด็นด้านเศรษฐกิจและความร่วมมือระดับทวิภาคี สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
นายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้กล่าวแสดงความยินดีในความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนที่ดำเนินมาอย่างแนบแน่นฉันท์พี่น้องเป็นเวลายาวนาน พร้อมกันนี้ เอกอัครราชทูตจีนฯ ยังได้กล่าวแสดงความขอบคุณที่รัฐบาลและประชาชนไทยได้ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของสถานทูตจีนด้วยดีมาโดยตลอด ซึ่งมีส่วนในการส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างกัน ทั้งนี้ ตนจะทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ เพื่อร่วมมือกับประเทศไทยในการพัฒนาเศรษฐกิจและการค้าให้มีความก้าวหน้ายิ่งขึ้น
ในการนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวชื่นชมบทบาทของจีนในการส่งเสริมและรักษาสันติภาพในภูมิภาคนี้ รวมทั้งบทบาทในการให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศไทยในยามประสบวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ พร้อมกันนี้ ยังได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลจีนที่ได้ให้เงินกู้แก่ประเทศไทยผ่านทาง IMF เป็นวงเงิน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และยังสนับสนุนให้ภาคเอกชนของทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันในการลงทุนในโครงการใหม่ ๆ เช่น การผลิตเยื่อกระดาษ อุตสาหกรรมโปแดช ข้าวหอมมะลิ ในลักษณะที่เกื้อกูลกัน ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่า แม้ว่าไทยจะประสบวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจแต่ก็ยังมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับที่เข้มแข็ง ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยสามารถฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้โดยเร็ว โดยเฉพาะสาขาการเกษตรจะเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยลดแรงกดดันทางเศรษฐกิจได้อีกทางหนึ่งในขณะนี้ ดังนั้น รัฐบาลจึงมีความปรารถนาเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาของเกษตรกร เพื่อให้สามารถยกระดับการผลิตและมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้เสนอให้ฝ่ายจีนพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการจัดทำตลาดการค้าสินค้าเกษตรล่วงหน้า เพื่อช่วยให้เกษตรกรไทยได้รับทราบเป็นการล่วงหน้าถึงประเภทสินค้าที่อยู่ในความต้องการของจีน และเห็นว่าการร่วมลงทุนในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีนกับภาคเหนือของไทยยังมีลู่ทางที่ดี ทั้งนี้ ขอให้ฝ่ายจีนจัดเตรียมข้อมูล เพื่อนำมาหารือกับฝ่ายไทยต่อไป
ในการนี้ เอกอัครราชทูตจีนฯ แจ้งว่า แผนการจัดตั้งตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า เป็นแนวคิดที่ดีและจีนเองก็เพิ่งจะมีการดำเนินการในเรื่องนี้ได้ไม่นานนัก เช่น ที่นครเจิ้นโจ ในเขตเห๋อหนานของจีนจัดเป็นตลาดธัญพืชล่วงหน้าที่ใหญ่ที่สุดของจีน และในตอนท้ายเอกอัครราชทูตจีนฯ ยังได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจโลกที่มีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในปัจจุบัน กล่าวคือ บรรดาประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนาต่างอยู่ในช่วงของการปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกันกับที่ความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีของประเทศต่าง ๆ ในโลกก็ประสบความเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ดังนั้น ประเทศทั้งสองกลุ่มนี้จึงประสบปัญหาใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะปัญหาทางเศรษฐกิจ สำหรับการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจของจีนแบบผสมผสานระหว่างระบอบการปกครองแบบสังคมนิยม และระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมก็ถูกนักเศรษฐศาสตร์เฝ้าจับตามองถึงความเป็นไปได้อยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ดี รัฐบาลจีนจะยังคงยึดมั่นในนโยบายดังกล่าวที่ได้ดำเนินมาเป็นเวลากว่า 10 ปี เพราะได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถพัฒนาเศรษฐกิจจีนได้ระดับหนึ่ง และสามารถยกระดับความเป็นอยู่ของประประชาชนจีนให้ดีขึ้น ปัญหาที่จีนต้องประสบในปัจจุบันทำให้สถานะของจีนมิได้มีความแตกต่างไปจากประเทศไทย และประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากนัก และเห็นว่าวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจในขณะนี้มิได้เกิดขึ้นในประเทศไทยเพียงประเทศเดียว หากแต่เกิดขึ้นในประเทศอื่นด้วย และเห็นว่า ปัญหาเศรษฐกิจของไทยเป็นปัญหาชั่วคราวและแตกต่างจากเหตุการณ์ในเม็กซิโกในปี 1995 ซึ่งรัฐบาลและนักธุรกิจจีนมีความเข้าใจสถานการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างดี และเชื่อมั่นว่านายกรัฐมนตรีจะสามารถฟื้นฟูวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจและการเงินได้อย่างรวดเร็ว--จบ--
วันนี้ (27 ต.ค. 40) เวลา 13.30 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายฟู่ สวยจ้าง (Fu Xuezhang) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้เข้าเยี่ยมคารวะพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรี เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ และได้ร่วมสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกับนายกรัฐมนตรีในประเด็นด้านเศรษฐกิจและความร่วมมือระดับทวิภาคี สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
นายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้กล่าวแสดงความยินดีในความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนที่ดำเนินมาอย่างแนบแน่นฉันท์พี่น้องเป็นเวลายาวนาน พร้อมกันนี้ เอกอัครราชทูตจีนฯ ยังได้กล่าวแสดงความขอบคุณที่รัฐบาลและประชาชนไทยได้ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของสถานทูตจีนด้วยดีมาโดยตลอด ซึ่งมีส่วนในการส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างกัน ทั้งนี้ ตนจะทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ เพื่อร่วมมือกับประเทศไทยในการพัฒนาเศรษฐกิจและการค้าให้มีความก้าวหน้ายิ่งขึ้น
ในการนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวชื่นชมบทบาทของจีนในการส่งเสริมและรักษาสันติภาพในภูมิภาคนี้ รวมทั้งบทบาทในการให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศไทยในยามประสบวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ พร้อมกันนี้ ยังได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลจีนที่ได้ให้เงินกู้แก่ประเทศไทยผ่านทาง IMF เป็นวงเงิน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และยังสนับสนุนให้ภาคเอกชนของทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันในการลงทุนในโครงการใหม่ ๆ เช่น การผลิตเยื่อกระดาษ อุตสาหกรรมโปแดช ข้าวหอมมะลิ ในลักษณะที่เกื้อกูลกัน ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่า แม้ว่าไทยจะประสบวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจแต่ก็ยังมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับที่เข้มแข็ง ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยสามารถฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้โดยเร็ว โดยเฉพาะสาขาการเกษตรจะเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยลดแรงกดดันทางเศรษฐกิจได้อีกทางหนึ่งในขณะนี้ ดังนั้น รัฐบาลจึงมีความปรารถนาเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาของเกษตรกร เพื่อให้สามารถยกระดับการผลิตและมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้เสนอให้ฝ่ายจีนพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการจัดทำตลาดการค้าสินค้าเกษตรล่วงหน้า เพื่อช่วยให้เกษตรกรไทยได้รับทราบเป็นการล่วงหน้าถึงประเภทสินค้าที่อยู่ในความต้องการของจีน และเห็นว่าการร่วมลงทุนในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีนกับภาคเหนือของไทยยังมีลู่ทางที่ดี ทั้งนี้ ขอให้ฝ่ายจีนจัดเตรียมข้อมูล เพื่อนำมาหารือกับฝ่ายไทยต่อไป
ในการนี้ เอกอัครราชทูตจีนฯ แจ้งว่า แผนการจัดตั้งตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า เป็นแนวคิดที่ดีและจีนเองก็เพิ่งจะมีการดำเนินการในเรื่องนี้ได้ไม่นานนัก เช่น ที่นครเจิ้นโจ ในเขตเห๋อหนานของจีนจัดเป็นตลาดธัญพืชล่วงหน้าที่ใหญ่ที่สุดของจีน และในตอนท้ายเอกอัครราชทูตจีนฯ ยังได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจโลกที่มีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในปัจจุบัน กล่าวคือ บรรดาประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนาต่างอยู่ในช่วงของการปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกันกับที่ความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีของประเทศต่าง ๆ ในโลกก็ประสบความเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ดังนั้น ประเทศทั้งสองกลุ่มนี้จึงประสบปัญหาใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะปัญหาทางเศรษฐกิจ สำหรับการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจของจีนแบบผสมผสานระหว่างระบอบการปกครองแบบสังคมนิยม และระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมก็ถูกนักเศรษฐศาสตร์เฝ้าจับตามองถึงความเป็นไปได้อยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ดี รัฐบาลจีนจะยังคงยึดมั่นในนโยบายดังกล่าวที่ได้ดำเนินมาเป็นเวลากว่า 10 ปี เพราะได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถพัฒนาเศรษฐกิจจีนได้ระดับหนึ่ง และสามารถยกระดับความเป็นอยู่ของประประชาชนจีนให้ดีขึ้น ปัญหาที่จีนต้องประสบในปัจจุบันทำให้สถานะของจีนมิได้มีความแตกต่างไปจากประเทศไทย และประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากนัก และเห็นว่าวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจในขณะนี้มิได้เกิดขึ้นในประเทศไทยเพียงประเทศเดียว หากแต่เกิดขึ้นในประเทศอื่นด้วย และเห็นว่า ปัญหาเศรษฐกิจของไทยเป็นปัญหาชั่วคราวและแตกต่างจากเหตุการณ์ในเม็กซิโกในปี 1995 ซึ่งรัฐบาลและนักธุรกิจจีนมีความเข้าใจสถานการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างดี และเชื่อมั่นว่านายกรัฐมนตรีจะสามารถฟื้นฟูวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจและการเงินได้อย่างรวดเร็ว--จบ--