ทำเนียบรัฐบาล--14 ส.ค.--บิสนิวส์
วันนี้ (25 ส.ค. 41) เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2541 ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายฮิซามิตสุ อาราอิ (HisamitsuArai) และคณะได้เข้าเยี่ยมคารวะนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี ในโอกาสที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย เพื่อหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างไทย-ญี่ปุ่น และการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมของไทย สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศคู้ค้าที่สำคัญที่สุดของไทย แต่มูลค่าการค้าส่งออกของไทยไปญี่ปุ่นได้ลดลงไปมากในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ จากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นในขณะนี้ ได้ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยและภูมิภาคโดยรวมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น หากรัฐบาลญี่ปุ่นสามารถแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจและสถาบันการเงินได้ในไม่ช้า ย่อมจะส่งผลดีต่อการแก้ไขปัญหาและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทยและประเทศในเอเชียโดยรวมด้วย
รองปลัดกระทรวงการค้าระหว่างประเทศและอุตสาหกรรมญี่ปุ่น (MITI) ได้กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลญี่ปุ่นได้เข้ามามีส่วนให้ความช่วยเหลือแก่บริษัทธุรกิจของไทยที่ดำเนินกิจการร่วมทุนกับญี่ปุ่น เพื่อการแก้ไขปัญหาสภาพคล่องในหลายโครงการเช่น การให้การค้ำประกันการค้าและการลงทุนแก่บริษัทของไทย และโครงการเงินกู้เพื่อส่งเสริมการส่งออก โดยผ่านธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งญี่ปุ่น เป็นต้น อย่างไรก็ดี สถานการณ์ทางเศรษฐกิจในญี่ปุ่นที่เป็นปัญหาที่สำคัญที่สุดในขณะนี้คือ การแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินและธนาคารในญี่ปุ่น ซึ่งหากรัฐบาลญี่ปุ่นสามารถแก้ไขได้ เชื่อว่าเศรษฐกิจของญี่ปุ่นจะสามารถฟื้นตัวได้ภายในระยะเวลา 2 ปี ในโอกาสนี้ รองปลัดกระทรวงการค้าระหว่างประเทศและอุตสาหกรรมญี่ปุ่น (MITI) ยังได้กล่าวชื่นชมการดำเนินนโยบายเพื่อการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลไทย และความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรีด้วยว่า มีความกล้าหาญและเด็ดขาดในการตัดสินใจ โดยเฉพาะในการประกาศแผนการฟื้นฟูสถาบันการเงินของไทย เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและนักธุรกิจต่างๆ ในต่างประเทศ และทำให้มีความหวังว่า เศรษฐกิจไทยกำลังจะฟื้นตัวในไม่ช้านี้นอกจากนี้ ในด้านสื่อมวลชนของญี่ปุ่นต่างได้รายงานข่าวเกี่ยวกับแผนการและนโยบายของรัฐบาลไทย ในการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจและการเงินอย่างกว้างขวาง พร้อมกับได้ยกย่องความกล้าหาญของนายกรัฐมนตรีในการตัดสินใจเกี่ยวกับปัญหาสถาบันการเงินและธนาคาร โดยเรียกร้องให้ผู้นำรัฐบาลญี่ปุ่นรีบเร่งในการแก้ไขปัญหาและใช้ความกล้าหาญเช่นเดียวกับผู้นำรัฐบาลไทย
ในตอนท้าย ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเกี่ยวกับแผนการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมของไทย โดยรองปลัดกระทรวงการค้าระหว่างประเทศและอุตสาหกรรมญี่ปุ่น (MITI) กล่าวว่า มีความจำเป็นที่ไทยจะต้องเร่งการดำเนินการในเรื่องการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภายหลังจากที่เศรษฐกิจในลักษณะฟองสบู่ได้แตกสลายลง เพื่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการแข่งขันในตลาดต่างประเทศในศตวรรษหน้า ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวเห็นด้วย และกล่าวว่ารัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญและพยายามเร่งรัดในเรื่องการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ โดยคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแผนปฏิบัติการเพื่อการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมแล้ว เมื่อเดือนมิถุนายน 2541--จบ--
วันนี้ (25 ส.ค. 41) เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2541 ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายฮิซามิตสุ อาราอิ (HisamitsuArai) และคณะได้เข้าเยี่ยมคารวะนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี ในโอกาสที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย เพื่อหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างไทย-ญี่ปุ่น และการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมของไทย สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศคู้ค้าที่สำคัญที่สุดของไทย แต่มูลค่าการค้าส่งออกของไทยไปญี่ปุ่นได้ลดลงไปมากในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ จากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นในขณะนี้ ได้ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยและภูมิภาคโดยรวมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น หากรัฐบาลญี่ปุ่นสามารถแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจและสถาบันการเงินได้ในไม่ช้า ย่อมจะส่งผลดีต่อการแก้ไขปัญหาและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทยและประเทศในเอเชียโดยรวมด้วย
รองปลัดกระทรวงการค้าระหว่างประเทศและอุตสาหกรรมญี่ปุ่น (MITI) ได้กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลญี่ปุ่นได้เข้ามามีส่วนให้ความช่วยเหลือแก่บริษัทธุรกิจของไทยที่ดำเนินกิจการร่วมทุนกับญี่ปุ่น เพื่อการแก้ไขปัญหาสภาพคล่องในหลายโครงการเช่น การให้การค้ำประกันการค้าและการลงทุนแก่บริษัทของไทย และโครงการเงินกู้เพื่อส่งเสริมการส่งออก โดยผ่านธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งญี่ปุ่น เป็นต้น อย่างไรก็ดี สถานการณ์ทางเศรษฐกิจในญี่ปุ่นที่เป็นปัญหาที่สำคัญที่สุดในขณะนี้คือ การแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินและธนาคารในญี่ปุ่น ซึ่งหากรัฐบาลญี่ปุ่นสามารถแก้ไขได้ เชื่อว่าเศรษฐกิจของญี่ปุ่นจะสามารถฟื้นตัวได้ภายในระยะเวลา 2 ปี ในโอกาสนี้ รองปลัดกระทรวงการค้าระหว่างประเทศและอุตสาหกรรมญี่ปุ่น (MITI) ยังได้กล่าวชื่นชมการดำเนินนโยบายเพื่อการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลไทย และความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรีด้วยว่า มีความกล้าหาญและเด็ดขาดในการตัดสินใจ โดยเฉพาะในการประกาศแผนการฟื้นฟูสถาบันการเงินของไทย เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและนักธุรกิจต่างๆ ในต่างประเทศ และทำให้มีความหวังว่า เศรษฐกิจไทยกำลังจะฟื้นตัวในไม่ช้านี้นอกจากนี้ ในด้านสื่อมวลชนของญี่ปุ่นต่างได้รายงานข่าวเกี่ยวกับแผนการและนโยบายของรัฐบาลไทย ในการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจและการเงินอย่างกว้างขวาง พร้อมกับได้ยกย่องความกล้าหาญของนายกรัฐมนตรีในการตัดสินใจเกี่ยวกับปัญหาสถาบันการเงินและธนาคาร โดยเรียกร้องให้ผู้นำรัฐบาลญี่ปุ่นรีบเร่งในการแก้ไขปัญหาและใช้ความกล้าหาญเช่นเดียวกับผู้นำรัฐบาลไทย
ในตอนท้าย ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเกี่ยวกับแผนการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมของไทย โดยรองปลัดกระทรวงการค้าระหว่างประเทศและอุตสาหกรรมญี่ปุ่น (MITI) กล่าวว่า มีความจำเป็นที่ไทยจะต้องเร่งการดำเนินการในเรื่องการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภายหลังจากที่เศรษฐกิจในลักษณะฟองสบู่ได้แตกสลายลง เพื่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการแข่งขันในตลาดต่างประเทศในศตวรรษหน้า ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวเห็นด้วย และกล่าวว่ารัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญและพยายามเร่งรัดในเรื่องการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ โดยคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแผนปฏิบัติการเพื่อการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมแล้ว เมื่อเดือนมิถุนายน 2541--จบ--