ทำเนียบรัฐบาล--30 มิ.ย.--บิสนิวส์
วันนี้ เมื่อเวลา 9.00 น. ณ โรงแรมแชง กรี-ล่า กรุงเทพ พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานและร่วมกล่าวสุนทรพจน์ในการจัดการสัมมนากงสุลกิตติมศักดิ์ทั่วโลกระหว่างวันที่ 29 มิถุนายน - 2 กรกฎาคม 2540 โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญ 3 ประการ คือ 1) เพื่อให้กงสุลกิตติมศักดิ์ได้รับทราบสถานการณ์และข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับประเทศไทย รวมทั้ง นโยบายด้านต่างๆ เพื่อประโยชน์ในการปฎิบัติหน้าที่ต่อไป 2) เพื่อชี้แจงเป้าหมายและมอบหมายงานด้านการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า การลงทุน รวมทั้ง เพื่อให้การประชาสัมพันธ์ประเทศไทยเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และ 3) เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและหารือถึงโอกาสในการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน ตลอดจนอุปสรรคในปฏิบัติงาน และลู่ทางในการแก้ไขปัญหา
อนึ่ง ภายหลังการกล่าวต้อนรับคณะกงสุลกิตติมศักดิ์แล้ว นายกรัฐมนตรีได้กล่าวต่อที่ประชุมมีใจความสำคัญว่า การประชุมครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยได้เชิญคณะกงสุลกิตติมศักดิ์จากประเทศทั่วโลกมาร่วมการสัมมนา จึงนับเป็นโอกาสพิเศษที่บรรดามิตรสหายทั้งมวลได้มาพบประชุมนุมกันตลอดเวลาที่ผ่านมา ประเทศไทยมีความเชื่อมั่นและไว้วางใจในการปฏิบัติภารกิจของกงสุลกิตติมศักดิ์ในนามของประเทศ ในเมืองและประเทศสำคัญๆ ที่ประเทศไทยยังไม่มีผู้แทนเข้าไปปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ คณะกงสุลกิตติมศักดิ์ได้มีบทบาทช่วยเหลือประเทศไทย จนสามารถปรับเปลี่ยนสถานะจากประเทศกำลังพัฒนาที่ยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายและยังไม่มีบทบาทที่โดดเด่นมากนัก มาเป็นประเทศที่ได้รับการยอมรับกันทั่วไปว่า มีความเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วแห่งหนี่งของโลก มีการส่งออกสินค้าไปยังตลาดโลก และมีประชาชนไทยกระจายอยู่ทั่วไปประเทศต่างๆในโลก แม้กระนั้น ความสำเร็จด้านเศรษฐกิจได้นำประเทศไทยไปสู่ความท้าทายและโอกาสใหม่ๆ ประเทศไทยไม่เพียงแต่จะเป็นที่ดึงดูดใจในด้านเศรษฐกิจเท่านั้น หากแต่ยังเป็นประตูไปสู่ตลาดอาเซียนที่มีความเติบโตในระดับสูง รวมทั้งตลาดเกิดใหม่ในอินโดจีนและพม่า
ในโลกยุคโลกาภิวัฒน์และมีการแข่งขันทางเศรษฐกิจนี้ บทบาทของคณะกงสุลกิตติมศักดิ์ในต่างประเทศนับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการเผยแพร่ข่าวสารและให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับประเทศไทยในด้านต่างๆ แก่ชาวต่างประเทศ อย่างไรก็ดี การปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสำเร็จ คงต้องอาศัยการมีความรู้ความเข้าใจอย่างแท้จริงเกี่ยวกับความเป็นไปต่างๆ ที่ดำเนินอยู่ในประเทศไทย รวมทั้งทิศทางที่กำลังมุ่งก้าวไป ดังนั้น การสัมมนนาในครั้งนี้จึงมีเป้าหมายเพื่อให้ความรู้แก่กงสุลกิตติมศักดิ์ในเบื้องต้น เกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทยในขณะนี้ และการคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต
การสัมมนาครั้งนี้ นับว่าเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสม กล่าวคือ เป็นช่วงที่ประเทศไทยกำลังอยู่ในระยะหัวเลี้ยวหัวต่อของการพัฒนาประเทศและเศรษฐกิจ และกำลังมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์มากขึ้น ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับสากล ประเทศไทยเคยมีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วมากจนทำให้ต้องประสบกับภาวะความชะลอตัวตามมา อย่างไรก็ตามประเทศไทยยังมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ดี หากแต่อาจต้องมีการปฏิรูป เพื่อรักษาภาวะความเติบโตทางเศรษฐกิจให้ดำเนินต่อไป ดังนั้น คณะกงสุลกิตติมศักดิ์ควรมีบทบาทในการเผยแพร่ข้อเท็จจริงและข้อมูลทางเศรษฐกิจของประเทศไทย เพื่อช่วยชี้นำนักธุรกิจให้ก้าวไปในทิศทางที่ถูกต้อง
ประเทศไทยให้ความสำคัญแก่การสัมมนาครั้งนี้เป็นอย่างมาก ด้วยจะเป็นโอกาสในการประสานงานกับคณะกงสุลกิตติมศักดิ์เกี่ยวกับแนวทางในการส่งเสริมผลประโยชน์ของไทยในต่างประเทศ รวมทั้งจะเป็นโอกาสในการรับทราบถึงความต้องการของคณะกงสุลกิตติมศักดิ์ในเรื่องที่ต้องการให้รัฐบาลไทยช่วยเหลือ เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุผลสำเร็จ คณะกงสุลกิตติมศักดิ์มีความสำคัญต่อการประสานความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับประเทศต่างๆในโลก ดังนั้น จึงประสงค์ที่จะใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เอื้ออำนวยประโยชน์แก่การปฏิบัติงานของคณะกงสุลกิตติมศักดิ์ต่อไป
รัฐบาลไทยจะยินดีเป็นอย่างยิ่ง หากภายหลังการสัมมนาครั้งนี้ คณะกงสุลกิตติมศักดิ์ได้เดินทางกลับประเทศด้วยความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับประเทศไทย จะยินดีเป็นอย่างยิ่งหากการสัมมนาได้ช่วยทำให้เกิดแนวความคิดใหม่ๆ ในการส่งเสริมสถานะของประเทศไทยในต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รัฐบาลไทยปรารถนาที่จะเห็นคณะกงสุลกิตติมศักดิ์เห็นว่าตนเองคือ คณะของประเทศไทย (Team Thailand)--จบ
วันนี้ เมื่อเวลา 9.00 น. ณ โรงแรมแชง กรี-ล่า กรุงเทพ พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานและร่วมกล่าวสุนทรพจน์ในการจัดการสัมมนากงสุลกิตติมศักดิ์ทั่วโลกระหว่างวันที่ 29 มิถุนายน - 2 กรกฎาคม 2540 โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญ 3 ประการ คือ 1) เพื่อให้กงสุลกิตติมศักดิ์ได้รับทราบสถานการณ์และข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับประเทศไทย รวมทั้ง นโยบายด้านต่างๆ เพื่อประโยชน์ในการปฎิบัติหน้าที่ต่อไป 2) เพื่อชี้แจงเป้าหมายและมอบหมายงานด้านการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า การลงทุน รวมทั้ง เพื่อให้การประชาสัมพันธ์ประเทศไทยเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และ 3) เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและหารือถึงโอกาสในการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน ตลอดจนอุปสรรคในปฏิบัติงาน และลู่ทางในการแก้ไขปัญหา
อนึ่ง ภายหลังการกล่าวต้อนรับคณะกงสุลกิตติมศักดิ์แล้ว นายกรัฐมนตรีได้กล่าวต่อที่ประชุมมีใจความสำคัญว่า การประชุมครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยได้เชิญคณะกงสุลกิตติมศักดิ์จากประเทศทั่วโลกมาร่วมการสัมมนา จึงนับเป็นโอกาสพิเศษที่บรรดามิตรสหายทั้งมวลได้มาพบประชุมนุมกันตลอดเวลาที่ผ่านมา ประเทศไทยมีความเชื่อมั่นและไว้วางใจในการปฏิบัติภารกิจของกงสุลกิตติมศักดิ์ในนามของประเทศ ในเมืองและประเทศสำคัญๆ ที่ประเทศไทยยังไม่มีผู้แทนเข้าไปปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ คณะกงสุลกิตติมศักดิ์ได้มีบทบาทช่วยเหลือประเทศไทย จนสามารถปรับเปลี่ยนสถานะจากประเทศกำลังพัฒนาที่ยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายและยังไม่มีบทบาทที่โดดเด่นมากนัก มาเป็นประเทศที่ได้รับการยอมรับกันทั่วไปว่า มีความเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วแห่งหนี่งของโลก มีการส่งออกสินค้าไปยังตลาดโลก และมีประชาชนไทยกระจายอยู่ทั่วไปประเทศต่างๆในโลก แม้กระนั้น ความสำเร็จด้านเศรษฐกิจได้นำประเทศไทยไปสู่ความท้าทายและโอกาสใหม่ๆ ประเทศไทยไม่เพียงแต่จะเป็นที่ดึงดูดใจในด้านเศรษฐกิจเท่านั้น หากแต่ยังเป็นประตูไปสู่ตลาดอาเซียนที่มีความเติบโตในระดับสูง รวมทั้งตลาดเกิดใหม่ในอินโดจีนและพม่า
ในโลกยุคโลกาภิวัฒน์และมีการแข่งขันทางเศรษฐกิจนี้ บทบาทของคณะกงสุลกิตติมศักดิ์ในต่างประเทศนับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการเผยแพร่ข่าวสารและให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับประเทศไทยในด้านต่างๆ แก่ชาวต่างประเทศ อย่างไรก็ดี การปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสำเร็จ คงต้องอาศัยการมีความรู้ความเข้าใจอย่างแท้จริงเกี่ยวกับความเป็นไปต่างๆ ที่ดำเนินอยู่ในประเทศไทย รวมทั้งทิศทางที่กำลังมุ่งก้าวไป ดังนั้น การสัมมนนาในครั้งนี้จึงมีเป้าหมายเพื่อให้ความรู้แก่กงสุลกิตติมศักดิ์ในเบื้องต้น เกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทยในขณะนี้ และการคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต
การสัมมนาครั้งนี้ นับว่าเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสม กล่าวคือ เป็นช่วงที่ประเทศไทยกำลังอยู่ในระยะหัวเลี้ยวหัวต่อของการพัฒนาประเทศและเศรษฐกิจ และกำลังมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์มากขึ้น ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับสากล ประเทศไทยเคยมีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วมากจนทำให้ต้องประสบกับภาวะความชะลอตัวตามมา อย่างไรก็ตามประเทศไทยยังมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ดี หากแต่อาจต้องมีการปฏิรูป เพื่อรักษาภาวะความเติบโตทางเศรษฐกิจให้ดำเนินต่อไป ดังนั้น คณะกงสุลกิตติมศักดิ์ควรมีบทบาทในการเผยแพร่ข้อเท็จจริงและข้อมูลทางเศรษฐกิจของประเทศไทย เพื่อช่วยชี้นำนักธุรกิจให้ก้าวไปในทิศทางที่ถูกต้อง
ประเทศไทยให้ความสำคัญแก่การสัมมนาครั้งนี้เป็นอย่างมาก ด้วยจะเป็นโอกาสในการประสานงานกับคณะกงสุลกิตติมศักดิ์เกี่ยวกับแนวทางในการส่งเสริมผลประโยชน์ของไทยในต่างประเทศ รวมทั้งจะเป็นโอกาสในการรับทราบถึงความต้องการของคณะกงสุลกิตติมศักดิ์ในเรื่องที่ต้องการให้รัฐบาลไทยช่วยเหลือ เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุผลสำเร็จ คณะกงสุลกิตติมศักดิ์มีความสำคัญต่อการประสานความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับประเทศต่างๆในโลก ดังนั้น จึงประสงค์ที่จะใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เอื้ออำนวยประโยชน์แก่การปฏิบัติงานของคณะกงสุลกิตติมศักดิ์ต่อไป
รัฐบาลไทยจะยินดีเป็นอย่างยิ่ง หากภายหลังการสัมมนาครั้งนี้ คณะกงสุลกิตติมศักดิ์ได้เดินทางกลับประเทศด้วยความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับประเทศไทย จะยินดีเป็นอย่างยิ่งหากการสัมมนาได้ช่วยทำให้เกิดแนวความคิดใหม่ๆ ในการส่งเสริมสถานะของประเทศไทยในต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รัฐบาลไทยปรารถนาที่จะเห็นคณะกงสุลกิตติมศักดิ์เห็นว่าตนเองคือ คณะของประเทศไทย (Team Thailand)--จบ