ปลัด ก.คลัง ก.อุตสาหกรรม และ ก.เกษตรฯ ร่วมแถลงผลการประชุม คสช. หลายประเด็นทั้งโครงการประกันภัยข้าวนาปี การกำหนดราคาอ้อย และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านสินเชื่อ พร้อมขออนุมัติเป็นเจ้าภาพจัดประชุมแผนงานการพัฒนาความร่วมมือเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง

ข่าวทั่วไป Tuesday June 24, 2014 16:29 —สำนักโฆษก

วันนี้ (24 มิ.ย. 57) เวลา 15.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก พร้อมด้วย ร.อ.นายแพทย์ยงยุทธ มัยลาภ คณะโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฝ่ายพลเรือน ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ครั้งที่ 3 สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

1.โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต พ.ศ.2557 ที่ประชุมเห็นชอบให้กระทรวงการคลังดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิตพ.ศ. 2557 ซึ่งเป็นการดำเนินงานต่อเนื่อง จากโครงการรับประกันภัยในปีการผลิตพ.ศ.2556 เพื่อให้ ธ.ก.ส. ไปดำเนินการให้ทันฤดูการเพาะปลูก พร้อมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอมาตรการระยะยาวเพื่อแก้ปัญหานี้ ผ่านฝ่ายเศรษฐกิจ

2.การกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2555/2556 โดยเห็นชอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 55-56 เฉลี่ยทั่วประเทศ อัตราตันอ้อยละ 999.20 บาท ณ ระดับความหวานที่ 10 ซี.ซี.เอส และกำหนดราคาขึ้น-ลงของราคาอ้อยเท่ากับ 59.95 บาทต่อ 1 หน่วย ซี.ซี.เอส ต่อเมตตริกตัน

3. โครงการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนและลดความสูญเสียของสินค้ากุ้งทะเลจากกลุ่มการตายด่วน โดยที่ประชุมอนุมัติงบกลาง 96 ล้านบาทเศษ ให้กระทรวงเกษตรโดยกรมประมงเร่งแก้ไขปัญหาโดยจัดหาพันธุ์กุ้งระยะเวลาดำเนินการ 3 เดือน

4.มาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ที่ประชุมอนุมัติให้ตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้ขยายระยะเวลาการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลในอัตราภาษี0.005บาทต่อลิตร ออกไปอีก 1 เดือนตั้งแต่ 1-31 ก.ค.57

5.แนวทางบรรเทาความเดือดร้อนและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านสินเชื่อผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ โดยที่ประชุมเห็นชอบหลักเกณฑ์มาตรการรับภาระค่าธรรมเนียมค้ำประกันแทนผู้ประกอบการในโครงการ พีจีเอส ระยะที่ 5 และให้ความเห็นชอบหลักเกณฑ์โครงการค้ำประกันสินเชื่อในลักษณะแพ็กเกจสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย เพื่อช่วยธุรกิจรายย่อยให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้นโดยให้กระทรวงการคลังกำกับดูแล

6.ขออนุมัติเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับสุดยอดผู้นำแผนงานการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ ครั้งที่ 5 ณ ประเทศไทย

7.อนุมัติเปลี่ยนแปลงการดำเนินโครงการ“ก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 แห่ง เป็นดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 โครงการ

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ