หัวหน้า คสช. มุ่งหวังให้ BOI อำนวยความสะดวกให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ สร้างความเชื่อมั่นและแรงจูงใจให้เกิดการลงทุนอย่างยั่งยืน

ข่าวทั่วไป Thursday June 19, 2014 16:39 —สำนักโฆษก

หัวหน้า คสช. มุ่งหวังให้ BOI อำนวยความสะดวกให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ สร้างความเชื่อมั่นและแรงจูงใจให้เกิดการลงทุนอย่างยั่งยืน ขณะที่ กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ได้ชี้แจงยืนยันไม่มีการลักลอบผลิตปิโตรเลียมของบริษัทผู้รับสัมปทานในพื้นที่ ส.ป.ก. จ.เพชรบูรณ์ เนื่องจากมีการดำเนินการตามกรอบของกฎหมายอย่างถูกต้องทุกประการ

วันนี้ (19 มิ.ย. 57) เวลา 15.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก พร้อมด้วย ร.อ.นายแพทย์ยงยุทธ มัยลาภ นางสาวปถมาภรณ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฝ่ายพลเรือน และนายทรงภพ พลจันทร์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ได้ร่วมกันแถลงข่าว สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นางสาวปถมาภรณ์ฯ กล่าวว่าถึงผลการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นประธานฯ เมื่อวานนี้ (18มิ.ย.57) ว่า หัวหน้า คสช. ในฐานะประธาน BOI ได้เน้นย้ำที่ประชุมฯ ให้ BOI สนับสนุนการลงทุนให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเป็นแรงจูงใจให้เกิดการลงทุน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศให้ดีขึ้น โดยโครงการที่จะได้รับการส่งเสริมการลงทุนจะต้องเป็นประโยชน์กับประเทศ สอดคล้องกับนโยบายของ คสช. และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11

ส่วนเกณฑ์ในการพิจารณาการส่งเสริมการลงทุนของ BOI นั้น ได้มีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้ครอบคลุมการส่งเสริมธุรกิจการลงทุนทั้งขนาดใหญ่ และขนาดเล็ก ตลอดจน SMEs ทั้งนี้ หัวหน้า คสช. มีความคาดหวังที่จะเปลี่ยนบทบาทของ BOI ให้เป็นผู้นวยความสะดวกให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยได้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา 2 ชุด เพื่อพิจารณาโครงการและสนับสนุนการลงทุน เพื่อให้การทำงานของ BOI มีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผลอย่างเต็มที่

พร้อมกันนี้ หัวหน้า คสช. ได้เน้นย้ำเกี่ยวกับการทำงานของ BOI ว่า จะต้องให้เกิดความร่วมมือของทุกภาคส่วนให้มากที่สุด เพื่อทำความเข้าใจ และสามารถอธิบายสังคมถึงสิ่งที่ BOI กำลังดำเนินการได้ อีกทั้งได้ขอให้คณะกรรมการ BOI ทุกคนได้ใช้ความรู้ความสามารถในการทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อเกิดการแก้ไขปัญหาด้านการส่งเสริมการลงทุนอย่างยั่งยืน ทั่วถึง เกิดความโปร่งใส เป็นธรรมและไม่มีการทุจริตอย่างเด็ดขาด ตามนโยบายของ คสช.

ด้าน พ.อ.วินธัยฯ ได้กล่าวถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับการเร่งดำเนินการปราบปรามและหยุดยั้งการทำลายทรัพยากรป่าไม้ ภายหลัง คสช. ได้มีคำสั่งที่ 64/2557 เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2557 ว่า ผลการดำเนินการดังกล่าวในพื้นที่ทั้ง 4 ภาค (กอ.รมน.ภาค1 กอ.รมน.ภาค2 กอ.รมน. ภาค3 และกอ.รมน.ภาค4) 17 จังหวัด นั้น เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดไม้สักได้ จำนวน 633 ท่อน ไม้พะยูง จำนวน 270 ท่อน ไม้กระยาเลย จำนวน 689 ท่อน และยึดคืนพื้นที่ได้ จำนวน 64 ไร่ รถยนต์ จำนวน 6 คัน เลื่อยโซ่ยนต์ 4 เครื่อง และผู้ต้องหารวม จำนวน 16 คน

นอกจากนี้ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ได้กล่าวชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีการผลิตปิโตรเลียมของบริษัทผู้รับสัมปทานในพื้นที่ ส.ป.ก. จังหวัดเพชรบูรณ์ว่า จากประเด็นพนักงานสอบสวนบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับมอบหมายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ลงพื้นที่เพื่อสืบสวนสอบสวนคดีที่ พันโทรัฐเขต แจ้งจำรัส กรรมาธิการพลังงานวุฒิสภาร้องทุกข์กล่าวโทษว่า บริษัทอีโค่ โอเรียน รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ลักลอบขุดเจาะน้ำมันดิบในพื้นที่ปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร และมีการหลีกเลี่ยงการจ่ายค่าภาคหลวง ส่งผลให้ประเทศสูญเสียรายได้จำนวนมากนั้น เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2557 พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พนักงานเจ้าหน้าที่จากสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร กรมที่ดิน กรมป่าไม้ รวมถึงผู้แทนจากกรมเชื้อพลังงาน กระทรวงพลังงานได้ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว พบว่า ข้อมูลดังกล่าวคาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง และยืนยัน ไม่มีการลักลอบผลิตปิโตรเลียมของบริษัทผู้รับสัมปทานในพื้นที่ ส.ป.ก. จังหวัดเพชรบูรณ์แต่อย่างใด เนื่องจากบริษัทผู้รับสัมปทานได้มีการดำเนินการตามกรอบของกฎหมายที่ได้รับอนุญาตทุกประการ และมีการจ่ายค่าภาคหลวงอย่างถูกต้องมาโดยตลอด

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

วิไลวรรณ/รายงาน

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


แท็ก ธรรมชาติ   ส.ป.ก.   BOI  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ