วันนี้ (8 ส.ค. 57) เวลา 10.30 น. ณ ห้อง 161 กองบัญชาการกองทัพบก นายเคย์ ราลา ซานานา กุสเมา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและความมั่นคง สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต เข้าเยี่ยมคารวะพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ สรุปสาระสำคัญของการหารือ ดังนี้
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติกล่าวต้อนรับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและความมั่นคง สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทย พร้อมกล่าวขอบคุณรัฐบาลติมอร์ฯ ที่ได้ถวายการต้อนรับแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีอย่างสมพระเกียรติ ในโอกาสเสด็จฯ เยือนติมอร์ฯ
ในโอกาสนี้ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้กล่าวถึงสถานการณ์โดยรวมในไทยว่าเริ่มดีขึ้นเป็นลำดับและมีเสถียรภาพมากขึ้น ทั้งในด้านการเมืองและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนไทย ซึ่งในการบริหารประเทศ คสช. มีแนวทาง Roadmap 3 ระยะ และในขณะนี้ไทยอยู่ในช่วงระยะที่ 2 ของ Roadmap และการที่ คสช.เข้ามาในครั้งนี้ เพียงเพื่อเป็นการกำกับดูแลและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้ดีขึ้นเท่านั้น รวมทั้งขอเวลาเพื่อที่จะจัดการทุกอย่างให้ดีขึ้น และเข้าใจดีถึงข้อห่วงกังวลของทุกฝ่าย โดยเฉพาะประชาคมโลก ยืนยันที่จะดำเนินการทุกอย่างให้ดีที่สุด พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ตามกระบวนการทางกฎหมาย ทั้งนี้ ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เป็นข่าวนั้น ไทยขอยืนยันว่าไม่เคยทำ และต้องการจัดการปัญหานี้ให้หมดไปโดยเด็ดขาด
ทั้งนี้ หัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรีติมอร์ได้กล่าวย้ำว่า ทั้งสองฝ่ายพร้อมให้ความร่วมมือในทุกด้าน และหวังที่จะเพิ่มความร่วมมือในด้านที่ทั้งสองประเทศมีความเชี่ยวชาญ รวมถึงการเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างประเทศ ในด้านความร่วมมือทางวิชาการ ไทยพร้อมให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของติมอร์ฯ ในฐานะหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาตามแผนงานความร่วมมือทางวิชาการในสาขาที่เป็นความต้องการเบื้องต้นของติมอร์ฯ ได้แก่ ด้านเกษตร ประมง และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ นอกจากนี้ในการเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนของติมอร์ฯนั้น ไทยยืนยันนโยบายที่จะให้การสนับสนุนเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนในโอกาสแรก ตามที่ติมอร์ฯ ได้พยายามขอรับการสนับสนุนจากอาเซียนในเรื่องนี้
ด้านนายกรัฐมนตรีติมอร์-เลสเตกล่าวขอบคุณหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ให้เข้าพบในระหว่างที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยในครั้งนี้ พร้อมยืนยันถึงมิตรภาพ และความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ทั้งสองประเทศที่มีต่อกัน
กลุ่มวิเทศสัมพันธ์ / สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th