วันนี้ (13 มิ.ย.57) เวลา 09.00 น. ณ สโมสรกองทัพบก ถนนวิภาวดี รังสิต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้มอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2558 โดยมี ปลัดกระทรวง หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมรับฟัง สรุปใจความตอนหนึ่งว่า
หน.คสช.เน้นย้ำให้ทุกฝ่ายช่วยกันทำงาน โดยจะไม่มีการบังคับข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ แต่ขอให้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง พร้อมยืนยันว่าจะใช้อำนาจคณะรักษาความสงบแห่งชาติเท่าที่จำเป็น สำหรับหลักการทำงานขอให้ยึดหลักความเข้าใจระหว่างผู้บังคับบัญชา ผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงานและประชาชน ให้ได้สิทธิประโยชน์ ขณะเดียวกันต้องมีความโปร่งใสในการทำงาน
สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 นั้น ต้องไม่เป็นแบบประชานิยม ไม่ทำให้เสียวินัยทางการเงินการคลัง และทำความเข้าใจกับประชาชน เพื่อลดความหวาดระแวง ลดการรั่วไหลการใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็น พร้อมกับเรียกความเชื่อมั่นจากต่างประเทศให้เห็นว่า การจัดทำงบประมาณอยู่ในวินัยการเงินการคลังจริง โดยให้ยึดแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 11 มาเป็นแนวทางการดำเนินงาน รวมทั้งให้น้อมนำแนวพระราชดำรัส หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาดำเนินการด้วย
ทั้งนี้ หน.คสช.เปิดเผยว่า กรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 มีวงเงิน 2.575 ล้านล้านบาท เพิ่มจากปีงบประมาณ 2557 วงเงินกว่า 5 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 2 และเป็นงบประมาณขาดดุล 2.5 แสนล้านบาท โดยมีสมมุติฐานผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติปี 2558 จะขยายตัวได้ร้อยละ 6.3 และอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 2.3
พร้อมกล่าวเน้นย้ำว่า กรอบระยะเวลา 3 เดือนจากนี้หากสถานการณ์มีความสงบเรียบร้อยจะมีการตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี โดยคาดว่าจะมีการตั้งรัฐบาลได้ประมาณช่วงปลายเดือนสิงหาคม หรือต้นเดือนกันยายน ซึ่งหลังจากนั้น ก็จะมีสภาปฏิรูปทำหน้าที่ในการหารือแนวทางการสร้างความปรองดองเพื่อปฏิรูปประเทศ
สำหรับแนวทางการช่วยเหลือชาวนา หน.คสช.กล่าวยืนยันว่า จะไม่ดำเนินนโยบายประกันราคาข้าว หรือจำนำข้าว เพราะมีปัญหาการทุจริต แต่จะร่วมกันหาแนวทางลดต้นทุนที่เหมาะสมว่า ทำอย่างไรจะสามารถสร้างระบบเศรษฐกิจให้ยั่งยืน ให้ความรู้เกษตรกร ลดต้นทุนการผลิต โดยให้นำเอาระบบสหกรณ์กลับมาใช้ ส่งเสริมการใช้ปุ๋ยอินทรีย์มากกว่าปุ๋ยเคมี มีธนาคารข้าว ธนาคารเมล็ดพันธุ์ ให้สมาชิกสามารถเบิกยืมได้
ส่วนการพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศนั้น ต้องเชื่อมโยงกับการลงทุนต่างประเทศ และในอนาคตการเสนอตั้งโรงงานจะต้องเข้าหลักเกณฑ์ เราเป็นศูนย์กลาง วันนี้จะต้องทำให้ผลประโยชน์กลับมาสู่คนไทย เช่นเดียวกับโครงการบริหารจัดการน้ำ โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมต้องมีการหาแนวทางที่ยั่งยืนให้ประเทศไทยสามารถอยู่ได้ด้วยตนเอง
อย่างไรก็ตาม กรณีแรงงานต่างด้าว ที่มีการปล่อยข่าวว่า ทหาร ตำรวจ เตรียมเข้าจับกุมแรงงานต่างด้าวทั่วประเทศ ซึ่งยังมีแรงงานนอกระบบ ที่จะต้องนำมาอยู่ในระบบให้ได้ และดูแลแรงงานตามหลักมนุษยธรรม สำหรับมาตรการต่าง ๆ อย่างเช่น มาตรการชะลอการขึ้นราคา ก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือน การปรับลดราคาน้ำมันดีเซล นั้น ไม่ต้องการให้มองว่าเป็นนโยบายประชานิยม แต่เป็นมาตรการชั่วคราวเท่านั้น นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำเรื่องความร่วมมือในการสร้างประชาธิปไตยด้วย รวมไปถึงเรื่องการศึกษา ขอให้ช่วยกันพัฒนาเด็กให้มีระเบียบวินัย และใช้สติปัญญาของคนไทยจัดระเบียบการศึกษา อย่าอิงกับหลักสูตรต่างประเทศ โดยส่งเสริมให้เรียนสายอาชีพ
พร้อมกันในนี้ ในตอนท้าย หน.คสช.ได้กล่าวย้ำว่า ต้องทำให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า เพื่อคืนความสุขให้กับประชาชนและจะวางรากฐานให้แผ่นดินผืนนี้ เพื่อให้ประชาชนมีความสุขอย่างยั่งยืน และจะคืนความสุขให้ทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม จะไม่อยู่นานจนเกินไป อะไรที่ทำไม่ถูกต้องขอให้ช่วยแนะนำกัน ต้องการให้ทุกคนทำเพื่อประเทศชาติ และทำเพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
นราวุธ รายงาน
ที่มา: http://www.thaigov.go.th