นายเสข วรรณเมธี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศและอธิบดีกรมสารนิเทศ กล่าวว่าหน้าที่หลักของกระทรวงการต่างประเทศ คือ การชี้แจงให้ต่างประเทศและประชาคมโลกให้เข้าใจถึงสถานการณ์ของไทยโดยมี 3 แนวทางหลัก คือ การพูดคุยกับคณะทูตานุทูตและสื่อต่างประเทศประจำประเทศไทย สถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนประจำสหประชาชาติ ในการชี้แจงอธิบายให้ประเทศต่างๆเข้าใจในสถานการณ์ปัจจุบัน และผ่านปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เดินทางไปเยือนและเข้าร่วมประชุมต่างๆระดับภูมิภาคและนานาชาติ โดยได้อธิบายสถานการณ์ล่าสุด รวมถึงการดำเนิน Roadmap
ในวันนี้ หัวหน้า คสช.ได้พบปะหารือกับเอกอัครราชทูตและกงสุลจำนวน 23 ท่าน จาก 28 ประเทศ โดยส่วนใหญ่เป็นจากกลุ่มประเทศตะวันตก เช่น สหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และสหภาพยุโรป ซึ่งมีข้อกังวลเกี่ยวกับประเทศไทย โดยได้ชี้แจงและสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบันให้มากขึ้น ทั้งนี้ประเทศต่างๆเห็นพ้องว่า ไทยเป็นมิตรประเทศที่สำคัญ มีความสัมพันธ์ที่ยาวนาน และมีความร่วมมือครอบคลุมทุกมิติ ทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจ การลงทุน
ปลัดกระทรวงการต่างประเทศได้รายงานว่า ต่างชาติมีความเข้าใจสถานการณ์ไทยมากยิ่งขึ้น และมองเห็นความสำคัญของไทยในฐานะเป็นประเทศผู้ร่วมก่อตั้งอาเซียน และตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ โดยต่างตระหนักถึงความลำบากของไทย และพร้อมเป็นหุ้นส่วนในการแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะในด้านกิจกรรมข้ามชาติ เช่น การค้ามนุษย์ โดยประเทศสหรัฐฯ ออสเตรเลีย และยุโรปเป็นประเทศที่มีคนไทยอาศัยอยู่จำนวนมาก จึงเป็นหน้าที่ของสถานทูตไทยที่จะอธิบายสถานการณ์ให้คนไทยรับฟัง และเปิดโอกาสให้คนไทยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศ
หัวหน้า คสช. ได้กล่าวขอบคุณการทำงานของกระทรวงการต่างประเทศ สถานทูต และสถานกงสุลทั่วโลกที่ได้ชี้แจงอธิบายให้ประเทศต่างๆมีความเข้าใจที่ดีขึ้น และมีความร่วมมือที่ดีกับไทย อย่างไรก็ตามต่างชาติมีคุณค่าและหลักการเกี่ยวกับประชาธิปไตยของตน นอกจากนี้ หัวหน้า คสช.ได้อธิบายต่อคณะทูตเกี่ยวกับ Roadmap ระยะเวลาและกำหนดการต่างๆเพื่อให้ทูตและกงสุลนำไปชี้แจงเพิ่มเติมต่อต่างประเทศ รวมทั้งการสร้างแนวร่วม เช่น ภาคเอกชน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภาของประเทศนั้นๆเพื่อเป็นเครือข่ายที่จะช่วยสร้างความเข้าใจให้กับรัฐบาล
ในโอกาสนี้หัวหน้า คสช.ได้ย้ำเกี่ยวกับความสำคัญในการเข้าร่วมเป็นประชาคมอาเซียนในปีหน้า (ค.ศ. 2015) โดยจะได้มีการตั้งศูนย์เตรียมความพร้อมในการขับเคลื่อนในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
ที่มา: http://www.thaigov.go.th