วันนี้ (4 มิ.ย. 57) เวลา 12.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพมหานคร พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ร.อ.นายแพทย์ยงยุทธ มัยลาภ พร้อมด้วย นางสาวปัทมาภรณ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต คณะโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฝ่ายพลเรือนได้ร่วมกันแถลงผลการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นประธานฯ สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
ขณะนี้ คสช. ได้มีโครงการฝึกร่วมกันกับมิตรประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงได้รับความร่วมมือเหมือนเดิม ส่วนประเทศออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกานั้น แม้จะมีการชะลอไว้ก่อน แต่หลักสูตรอื่น ๆ ของประเทศออสเตรเลียยังคงมีอยู่
ส่วนกรณีที่มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีในโลก Social ได้กระจายข่าวสารในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ทหารหรือตำรวจนอกเครื่องแบบเข้าไปขอรื้อค้นที่อยู่อาศัยของประชาชนในภูมิภาคต่างจังหวัด จากการตรวจสอบข้อมูลเป็นเพียงเรื่องที่ปั้นแต่งขึ้นมา เพราะถ้าเป็นเจ้าหน้าที่จริงต้องแต่งเครื่องแบบครบและต้องปฏิบัติร่วมกับทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง โดยใช้แนวทางในการปฏิบัติเช่นเดียวกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่แสดงตัวในระหว่างปฏิบัติงานทุกครั้ง
ส่วนกรณีที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (มูดี้ส์) ประกาศยังคงจัดอันดับความน่าเชื่อถือของไทยอยู่ที่ระดับเดิม คือ Baa1 นั้น ย่อมแสดงว่าประเทศไทยยังมีความแข็งแกร่งในด้านปัจจัยพื้นฐาน ถึงแม้เกิดรัฐประหารและความไม่สงบทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม
ด้านต่างประเทศ จากการที่เอกอัครราชทูตจีน และเวียดนามประจำประเทศไทย ได้เข้าพบผู้บัญชาการทหารสูงสุด (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2557 ถือว่าทั้งสองประเทศยังคงยืนยันความสัมพันธ์ที่ดีและเข้าใจสถานการณ์ของประเทศไทย ขณะที่ปลัดกระทรวงการต่างประเทศของไทย (นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว) ได้เดินทางไปพบกับรัฐมนตรีต่างประเทศของสหภาพเมียนมาร์ เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2557 เพื่อชี้แจงความมุ่งมั่นของ คสช. ในการเดินหน้าเพื่อสถานการณ์การเมืองของประเทศไทย ได้กลับคืนสู่สภาวะปกติ
ขณะที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุดประเทศมาเลเซีย (พลเอกตัน ซร์ ตาโต๊ะ ซร์ ซุกิเฟร์ บินโมฮัมหมัด ซิน) ได้เดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 3-4 มิถุนายน 2557 เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพไทยและกองทัพมาเลเซีย และยืนยันที่จะสนับสนุนประเทศไทยอีกด้วย
สำหรับการแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ตามคำสั่ง คสช. ที่ 45/2557 นั้น จัดตั้งขึ้นเพื่อติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปด้วยความรอบคอบ โปร่งใส อยู่ในระเบียบวินัยการเงินการคลัง ซึ่งมี พล.ท. อนันตพร กาญจนรัตน์ ปลัดบัญชีกองทัพบก เป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงการคลัง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เป็นรองประธานกรรมการ คณะกรรมการประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิเรื่องการติดตามตรวจสอบและเรื่องงบประมาณของประเทศ จากส่วนต่าง ๆ อาทิ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง ผู้อำนวยการสำนักประเมินผล สำนักงบประมาณ เจ้ากรมจเรทหารบก ผู้อำนวยการสำนักงานตรวจสอบภายในทหารบก ผู้อำนวยการสำนักงานพระธรรมนูญทหารบก และผู้แทนฝ่ายต่าง ๆ ของ คสช. ประกอบด้วย ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายสังคมจิตวิทยา ฝ่ายเศรษฐกิจ ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และฝ่ายกิจการพิเศษ โดยมีผู้แทนของ คสช. เป็นเลขานุการ ทำหน้าที่ในการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐให้เป็นไปด้วยความโปร่งใสและถูกต้อง ภายใต้กรอบงบประมาณของรัฐ รวมถึงการตรวจสอบตามปกติของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐด้วย ที่มุ่งเน้นแผนงานหรือโครงการที่สำคัญซึ่งอยู่ในอำนาจของรัฐมนตรีและหัวหน้าส่วนราชการ ที่มีผลต่อความเป็นอยู่ของประชาชนและการพัฒนาประเทศ โดย คตร. จะเน้นการดูที่ผลสัมฤทธิ์ของโครงการต่าง ๆ ความคุ้มค่าของโครงการที่กำลังดำเนินการอยู่ รวมถึงโครงการที่มีแผนจะเสนอเพื่อดำเนินการต่อไปในปี2557 หรือโครงการที่มีแผนจะดำเนินการในปีงบประมาณ 2558 โดยจะต้องสอดคล้องกับผลประโยชน์ของประชาชนและสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ส่วนความคืบหน้าในการขับเคลื่อนนโยบายปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปของ คสช. นั้น ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) ของ กอ.รมน. กำลังเร่งดำเนินการอย่างเต็มที่ ซึ่ง พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชการทหารเรือ รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา ได้หารือร่วมกับผู้บริหารของกระทรวงวัฒนธรรม ในการปรับกิจกรรมของกระทรวงให้สอดคล้องกับกิจกรรมและเจตนารมณ์ของ คสช. อาทิ วัฒนธรรมสัญจรหรือละครเวทีสัญจร โดยให้มีการสอดแทรกเรื่องของความปรองดอง เพื่อให้ประชาชนเกิดความรักความสามัคคี ขณะเดียวกันก็มีการติดตามและมอบนโยบายให้กับผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่เน้นในเรื่องของการจัดทำกิจกรรมฟื้นฟูสังคม เพื่อลดความขัดแย้งที่จะนำไปสู่สังคมที่สงบสุข
ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม มีการประชุมร่วมกับผู้แทนกระทรวงและสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อรวบรวมข้อมูลกฎหมายและกฎระเบียบที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการปฏิบัติงานของส่วนราชการ ตลอดจนไม่อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนและผู้ประกอบการที่มาติดต่องานกับหน่วยราชการ ซึ่งคาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น และจะมีการประชุม 3 ฝ่าย เพื่อติดตามความคืบหน้าตามนโยบายของ คสช. ได้แก่ ฝ่ายเศรษฐกิจ สังคมจิตวิทยา และความมั่นคง
พร้อมกันนี้ คสช. ขอเชิญชวนสื่อมวลชนและประชาชนร่วมกิจกรรมปรองดองคืนความสุขให้กับคนไทย ในช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. – 19.00 น. ของวันนี้ ณ บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งจัดขึ้นโดยกรุงเทพมหานครร่วมกับกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ และกองบังคับการตำรวจนครบาล 1
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th